จากกรณีนายสุริยา ศรีโซ้ง และน.ส.เจียม ศิริสุข สามีภรรยาชาว ต.หนองไผ่ อ.ธวัชบุรี จ.ร้อยเอ็ด นำเอกสารหลักฐานยื่นเรื่องต่อทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม เพื่อให้ช่วยติดตามความคืบหน้าคดีที่ ด.ช.กฤษฏา ศรีโซ้ง หรือโอม อายุ 14 ปี ลูกชายที่เสียชีวิต โดยพบเป็นศพที่ริมถนนร้อยเอ็ด-อาจสามารถ ต.หนองไผ่ อ.ธวัชบุรี จ.ร้อยเอ็ด ซึ่งพนักงานสอบสวนลงความเห็นว่าเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ แต่พ่อแม่เชื่อว่าลูกชายถูกทำร้ายร่างกาย และนำศพไปทิ้งอำพรางคดี เนื่องจากมีภาพจากกล้องวงจรปิดคล้ายกับมีการขนศพเพื่ออำพราง ประกอบกับนายเอ็ม (นามสมมติ) หนุ่มใบ้รุ่นพี่ผู้เสียชีวิต ให้ข้อมูลว่าเห็นเหตุการณ์ฆาตกรรมโดยบังเอิญ โดยมีผู้เกี่ยข้องเป็นครอบครัวนายเก้อ และคนในหมู่บ้านรวม 6 คน
ล่าสุดวันที่ 19 ก.ค. 62 เวลา 9.30 น. ณ ตำรวจภูธรจังหวัดร้อยเอ็ด ทนายรณณรงค์ พร้อมกับพ่อแม่ของนายโอม ได้เดินทางเข้าพบ พล.ต.ต.สมชาย นุ่มโต ผบก.ภ.จว.ร้อยเอ็ด เพื่อขอให้ตำรวจภูธรจังหวัดร้อยเอ็ด ตั้งชุดสืบสวนเข้าที่คลายคดีนี้ ตามที่ รอง ผบ.ตร.ได้สั่งการ และตั้งข้อสังเกตจากหลักฐานที่มีการร้องว่า ดูจากที่เกิดเหตุมีความผิดปกติหลายอย่าง เช่น สภาพศพผู้เสียชีวิตสะอาดสะอ้านไม่เปอะเปื้อน ซึ่งหากผู้เสียชีวิตขับขี่รถวิ่งด้วยความเร็ว และเกิดการหกล้ม น่าจะมีร่องรอยหรือบาดแผลจากการล้มลุกคลุกคลานปรากฏ
ทนายรณณรงค์กล่าวว่า พนักงานสอบสวนไม่ได้อายัดเสื้อผ้าไปตรวจ ไม่ได้เก็บหลักฐานตั้งแต่ต้น ไม่รู้ว่าจะทำอะไรได้แค่ไหน อย่างไรบ้าง เพราะหลักฐานบางอย่างหายไป ซึ่งคาดว่าในตอนแรกพนักงานสอบสวนคิดว่าการเสียชีวิตน่าจะเกิดจากอุบัติเหตุ คงไม่ได้คิดว่าเป็นการฆาตกรรม พอมีข้อมูลว่าเป็นการฆาตกรรมก็คงหาหลักฐานได้ลำบากขึ้น แต่เรามีพยานปากสำคัญอยู่ เราคิดว่าถ้าพยานปากนี้มีข้อมูล หรือหลักฐานพอฟังได้ ก็คงประกอบการพิจารณาได้
ด้านนายเก้อ อายุ 18 ปี เพื่อนสนิทของนายโอม และตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดี เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุก่อนที่จะพบศพนายโอมนั้น ช่วงเช้านายโอมมาหาตนที่บ้านตั้งแต่เวลาประมาน 09.00 น. จากนั้นก็ชักชวนกันเข้าไปดูหนังที่โรงภาพยนตร์ในตัวเมืองพร้อมกับพรรคพวกอีกหลายคน หลังจากดูหนังแล้วเสร็จก็แยกย้ายกันไป
จากนั้นเมื่อเวลา 19.00 น. จึงนัดเจอกันที่บ้านตนอีกครั้ง โดยมีนายโอมมาด้วย แต่เมื่อมาถึง นายโอมบอกว่าจะออกไปหาเด็ก ซึ่งเด็กในที่นี้คือผู้หญิงที่เป็นแฟนเก่าของนายโอม โดยปัจจุบันมีแฟนใหม่อยู่แล้ว แต่ทั้งคู่ยังแอบคุยกันและไปรับส่งดูหนังกลางแปลงในหมู่บ้านด้วยกัน เนื่องจากวันดังกล่าวที่ชุมชนมีหนังกลางแปลงพอดี ซึ่งนายโอมก็ยืมรถจักรยานยนต์ของนายปอมขับออกไป ส่วนที่บ้านของตนในขณะนั้นมีเพื่อน ๆ อยู่ด้วยกันหลานคน ในจำนวนนี้มีนายอาทิตย์ และนายเป๊บซี่อยู่ด้วย ส่วนนางรุนแม่ของตนนั้นนอนอยู่ภายในบ้านโดยไม่ได้ออกไปไหน ส่วนนายเมศพ่อของตนนั้น ออกไปดื่มเหล้าและดูหนังกลางแปลงกับเพื่อน ๆ ไม่ได้อยู่ที่บ้าน จึงไม่ใช่คนที่จะนำไม้ไปตีศีรษะของนายโอมตามที่กล่าวอ้าง อีกทั้งหากพ่อดื่มเหล้าเมาจะเป็นคนไม่สุงสิงใคร ไม่ชอบยุ่งกับใคร จากนั้นวลาประมาณ 23.00 น. ตนและพรรคพวกออกจากบ้านไปดูหนังกลางแปลง ไม่นานนัก ก็แยกย้ายกันกลับบ้าน โดยตนยืนยันว่าในคืนดังกล่าวไม่มีใครผ่านไปเส้นทางที่พบศพนายโอม ไม่มีใครเจอกับโอมอีกเลย มีเพียงนายปอมโทรศัพท์หานายโอมเมื่อเวลา 22.00 น. ขณะที่อยู่บ้านตน แล้วบอกนายโอมว่าให้รีบกลับ
ส่วนกรณีที่มีภาพวงจรปิดออกมานั้น ตนยืนยันว่าไม่ใช่จักรยานยนต์ของบ้านตน และไม่มีเพื่อนคนไหนใช้จักรยานยนต์ลักษณะเช่นนั้น อีกทั้งยืนยันว่าพ่อแม่ไม่ใช่คนนำศพออกไป เนื่องจากแม่สายตาไม่ดี จะไม่ขับรถจักรยานยนต์ตอนกลางคืน ไม่มีเพื่อนคนใดขับรถจักรยานยนต์แบบเดียวกับในภาพวงจรปิด และวันดังกล่าวไม่มีใครสวมกางเกงขาสั้น ตามที่ปรากฏในภาพวงจรปิด
ส่วนกรณีที่คนใบ้ออกมาให้ข้อมูลนั้น ตนยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เนื่องจากวันเกิดเหตุ ตนมีพยานว่าคนใบ้ไปอยู่ที่บ้านของคนในชุมชนอีกคน ซึ่งไม่ได้เห็นเหตุการณ์ตามกล่าวหาพวกตน ตนขอยืนยันว่าตนและครอบครัวไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการอุ้มฆ่า หรือฆาตกรรมนายโอมอย่างแน่นอน
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้จำลองเหตุการณ์จากภาพกล้องวงจรปิดจับภาพรถจักรยานยนต์ต้องสงสัย ที่อาจจะใช้ห่อร่างของนายโอม ก่อนจะนำไปทิ้งเพื่ออำพราง ซึ่งพ่อของนายโอมคาดเดาว่าคนร้ายใช้เสื่อห่อศพเพื่อบังตา ก่อนนำไปทิ้ง โดยทีมข่าวจำลองวิธีการเคลื่อนย้ายร่างผู้ตาย 2 วิธี คือ จำลองลักษณะศพนั่งคร่อมรถจักรยานยนต์ และจำลองลักษณะศพถูกห่อและยกร่างขึ้นพาดบนรถจักรยานยนต์
โดยวิธีที่ 1 ผู้ตายคร่อมรถจักรยานยนต์ โดยหากนายโอมเสียชีวิตแล้ว คนร้ายอย่างน้อย 2 คน จะต้องช่วยกันแบกร่างบริเวณส่วนหัวและส่วนเท้า จากนั้นนำคร่อมบนรถ โดยให้ศพนั่งตรงกลาง มีคนร้าย 1 คนประกบด้านหลังเพื่อประคอง จากนั้นก็นำเสื่อม้วนห่อส่วนบนของศพไว้ เพื่อปิดบังใบหน้า จากนั้นคนร้ายอีกคนก็ขึ้นรถติดเครื่องและขับออกไป ในลักษณะนี้จะใช้เวลาน้อย สะดวก และประคองศพได้ง่าย ประกอบกับหากดูจากวงจรปิดก็จะเห็นขาโผล่ออกมา 1 ข้าง ซึ่งอาจเป็นมุมภาพเดียวกันที่กล้องสามารถจับภาพขาศพออกมาได้
สำหรับวิธีที่ 2 ศพถูกห่อศพด้วยเสื่อ วิธีนี้จะนำศพวางที่กลางเสื่อ ก่อนที่จะใช้เสื่อม้วนห่อร่าง ซึ่งวิธีนี้การยกค่อนข้างยากลำบาก และไม่สามารถนำขึ้นรถจักรยานยนต์ได้ เนื่องจากศพจะหลุดออกจากเสื่อ ทีมข่าวจึงลองเพิ่มขั้นตอน คือ นำเชือกผูกรัดศพกับเสื่อไว้ให้แน่น จากนั้นก็ยกศพขึ้น จะทำให้ศพไม่ไหลออกจากเสื่อ
วิธีนี้สามารถนำศพขึ้นรถได้ ซึ่งศพจะอยู่ในท่านั่งกึ่งนอน โดยให้คนซ้อนประคองไว้ จากนั้นก็ขี่รถออกไป ซึ่งวิธีนี้จะใช้เวลาในการยกศพนานกว่าวิธีแรก และลำบากกว่า ทั้งการยก การนั่งบนรถ รวมทั้งการประคองศพเมื่อขับขี่รถออกไป