วันที่ 17 ธันวาคม 2561 ดร.รยุศด์ บุญทัน รองโฆษกพรรคเพื่อชาติ ได้แสดงความคิดเห็นถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.กล่าวถึงกรณีที่องค์กรต่างชาติจะขอเข้ามาสังเกตการณ์การเลือกตั้งของไทย ว่า เป็นเรื่องของ กกต.และพยักหน้าตอบผู้สื่อข่าวเมื่อถามกรณี องค์กรระหว่างประเทศหากจะเดินทางเข้ามาสังเกตการณ์สามารถทำได้ไม่เป็นปัญหา ว่า ตนคิดว่า ในประเด็นนี้ นายกรัฐมนตรีควรจะแสดงจุดยืนให้ชัดเจน ว่ามีความจริงใจ ตั้งใจที่จะให้องค์กรต่างประเทศ และในประเทศ เข้ามาสังเกตการณ์การจัดการเลือกตั้ง ด้วยความเต็มใจ เพื่อแสดงให้ทุกฝ่ายเห็นว่า รัฐบาลต้องการให้การเลือกตั้งเป็นไปอย่างบริสุทธิ์ ยุติธรรม จริง ๆ
“อย่างที่เราเห็นกันตลอดมา แม้ว่า กกต.จะเป็นองค์กรอิสระ ที่มีหน้าที่ในการจัดการเลือกตั้ง แต่ จากหลาย ๆ ครั้งที่ผ่านมา เราจะเห็นได้ว่า กกต.ต้องรอฟังความเห็นของ คสช. อยู่เสมอ ๆ ไม่สามารถตัดสินใจบางเรื่องได้ด้วยตัวเอง เรื่องนี้ก็เช่นกัน หากนายกรัฐมนตรีแสดงจุดยืนชัดเจนว่าต้องการให้องค์กรทั้งในและต่างประเทศ เข้ามาสังเกตการณ์เพื่อพิสูจน์ความจริงใจ ในความตั้งใจให้การเลือกตั้งเป็นไปอย่างเที่ยงธรรม ตนก็คิดว่า ทาง กกต.ก็จะรับลูกนำไปปฏิบัติต่ออย่างแน่นอน” รองโฆษกพรรคเพื่อชาติ กล่าว
ดร.รยุศด์ กล่าวอีกว่า การสังเกตการณ์เลือกตั้งนั้น ควรจะมีทั้งองค์กรในประเทศ และต่างประเทศ โดยควรจะมีการสังเกตุการณ์ทั้ง 3 ช่วง คือ ก่อนการเลือกตั้ง ในวันเลือกตั้ง และ หลังการเลือกตั้ง เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นที่ยอมรับทั้งจากในประเทศและต่างประเทศ เราต้องยอมรับความจริงว่า รัฐบาลที่ปกครองอยู่ในปัจจุบัน ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง แต่มาจากการยึดอำนาจ ซึ่งไม่เป็นที่ยอมรับในสังคมโลก อีกทั้งกฎกติกาต่าง ๆ ที่เขียนขึ้นมา ก็ต้องยอมรับว่า เอื้อต่อการสืบทอดอำนาจของ คสช. หาก รัฐบาล คสช.จริงใจ ดังที่ปากพูดจริง และหากมั่นใจว่า จะสามารถจัดการเลือกตั้ง ได้อย่างบริสุทธิ์ เที่ยงธรรม จริง ก็ไม่มีปัญหาใด ที่จะให้ใครก็ตามมาสังเกตุการณ์เลือกตั้ง
ส่วนกรณีนายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ระบุไม่ควรให้ชาวต่างชาติซึ่งอยู่นอกประเทศ หรือองค์กรระหว่างประเทศเข้ามาสังเกตการณ์ นั้น รองโฆษกพรรคเพื่อชาติ กล่าวว่า คนที่ทำงานเกี่ยวกับ ต่างประเทศ มิควรมีความคิดที่คับแคบเช่นนี้ ในวัฒนธรรมของสากล การเปิดให้บุคคลภายนอก องค์กรต่างประเทศเข้ามาสังเกตการณ์การจัดการเลือกตั้ง เป็นเรื่องปกติ แม้กระทั่งประเทศพม่าที่ปิดประเทศมานาน มีรัฐบาลทหารปกครองมาอย่างยาวนาน ก็ยังอนุญาติให้องค์กรต่างประเทศเข้าไปสังเกตุการณ์ ในการเลือกตั้งครั้งวันที่ 8 พฤศจิกายน 2558 โดย มีองค์กรต่างประเทศที่เข้ามาสังเกตุการณ์ อาทิ กลุ่ม People’s Alliance for Credible Elections(PACE) ดังนั้น หากประเทศของเราไม่อนุญาติให้องค์กรต่างประเทศเข้ามาสังเกตุการณ์จริง ก็คงต้องอายประเทศพม่า กันแล้ว ยิ่งมีคนสนใจเข้ามาสังเกตุการณ์ในประเทศเรามากเท่าไร ยิ่งเป็นผลดีกับประเทศ มิได้ก่อให้เกิดปัญหาดังที่ นายดอนกล่าวแต่อย่างใด หลังการเลือกตั้ง สังคมโลก และสังคมไทย ก็จะยอมรับ เชื่อมั่นในรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งครั้งนี้ ที่จะเข้ามาสู่อำนาจได้อย่างสง่างาม
