ถนนมืด! 3หนุ่มขับเก๋งกลับจากกินข้าวต้ม รถแหกโค้ง พุ่งชนต้นไม้พังยับ เพื่อนนั่งเบาะหลังร่างกระเด็นออกจากตัวรถเสียชีวิตสลด เจ้าหน้าที่เร่งเข้าให้การช่วยเหลือปฐมพยาบาลผู้บาดเจ็บ 2 ราย
เมื่อเวลา 04.10 น.วันที่ 17 ก.ย. พ.ต.ต.รัฐมนตรี พันชูกลาง สว.(สอบสวน) สน.บางเขน รับแจ้งเหตุรถยนต์วิ่งแหกโค้งชนต้นไม้ข้างทาง บริเวณถนนเลียบคลองบางบัว แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กทม. หลังรับแจ้งจึงรุดตรวจสอบพร้อมแพทย์เวร แผนกนิติเวช โรงพยาบาลภูมิพลฯ และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุก่อนถึงวัดบางบัว มุ่งหน้าถนนพหลโยธิน บริเวณสนามหญ้าข้างถนนพบรถยนต์ ยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นแลนเซอร์ สีขาว ทะเบียน 8กฌ5107 กทม. สภาพกระจกบานหน้ารถแตก บริเวณตัวถังรถด้านซ้ายพังยับเสียหาย ห่างออกไปประมาณ 5 เมตรพบศพ นายณัฐวัตร วงศ์ไตรโพธิ์ อายุ 25 ปี สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีดำ กางเกงยีนส์ขายาว สภาพศพคอหักและแขนซ้ายหักผิดรูป โดยมี นายกวิน โสธะโร อายุ 25 ปีคนขับ และ นายนิตินัย สุบรรณ อายุ 25 ปี ได้รับบาดเจ็บศีรษะแตก
ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่
เจ้าหน้าที่จึงปฐมพยาบาลเบื้องต้น และนำส่งโรงพยาบาลเปาโลเกษตร เพื่อรักษาตัวซึ่งจากการตรวจสอบบริเวณที่เกิดเหตุพบต้นไม้มีรอยเฉี่ยวชนและริมฟุตบาธมีรอยครูดเป็นทางยาว เจ้าหน้าที่จึงเก็บรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน ก่อนนำศพส่งสถาบันนิติเวชฯ และประสานทางญาติให้ทราบต่อไป
จากการสอบสวน นายกวิน ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุตนพร้อมเพื่อนกับนายณัฐวัตรได้ไปนั่งกินข้าวต้มที่ร้านอาหารย่านลาดปลาเค้า หลังจากนั้นจึงขับรถกลับบ้าน โดยใช้เส้นทางถนนเลียบคลองบางบัวเพื่อจะไปส่งนายณัฐวัตรที่บ้านพักอีกแห่งหนึ่ง ถึงที่เกิดเหตุซึ่งเป็นทางโค้งและถนนค่อนข้างมืด ทำให้วิ่งเสียหลักชนกับขอบฟุตบาท ก่อนพุ่งชนกับต้นไม้ริมทาง จนทำให้นายณัฐวัตรที่นั่งอยู่เบาะด้านหลังร่างกระเด็นออกนอกตัวรถเสียชีวิตดังกล่าว
ด้านพยานที่พักอยู่ใกล้บริเวณที่เกิดเหตุ ให้การว่า ได้ยินเสียงแรงกระแทกดังสนั่น จึงรีบวิ่งออกมาดูก็พบรถเก๋งคันดังกล่าวสภาพพังยับเยินและพบผู้บาดเจ็บกระเด็นออกมาจากตัวรถนอนแน่นิ่งหายใจรวยริน จึงพยายามช่วยปั๊มหัวใจ โดยมีเพื่อนอีก 2 คนนั่งอยู่ใกล้ ๆ และรีบโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก่อนจะเสียชีวิตในเวลาต่อมา
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่คาดว่า รถยนต์คันดังกล่าวขับมาด้วยความเร็ว ก่อนจะวิ่งเสียหลักแหกโค้งพุ่งชนต้นไม้ริมทางจนมีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต โดยหลังจากนี้จะต้องรอให้คนขับขี่อาการดีขึ้นก่อนและจะเรียกสอบปากคำอีกครั้ง เพื่อสรุปสาเหตุและดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
