เพชรมรกต มาแบบไม่มีหวัง แต่กลับอย่างผู้ชนะ ม้านอกสายตาที่เปี่ยมความเชื่อมั่น – (20 พ.ค.62) ก่อนหน้าที่จะมีการแข่งขันทัวร์นาเมนต์ “วัน เฟเธอร์เวต คิกบ็อกซิ่ง เวิลด์ กรังปรีซ์” เมื่อวันศุกร์ที่ 17 พฤษภาคมที่ผ่านมา ภายใต้ศึกที่มีชื่อว่า ONE: ENTER THE DRAGON ซึ่งจัดขึ้นที่ประเทศสิงคโปร์
หากบอกว่า “เพชรมรกต เพชรยินดีอะคาเดมี่” เจ้าของเข็มขัดแชมป์โลกมวยไทยหลายเส้นที่ประเดิมเวทีคิกบ็อกซิ่งไปเพียงนัดเดียว จะมีชัยชนะเหนือ “จอร์จิโอ เปโตรเซียน” ตัวพ่อคิกบ็อกซิ่งที่ได้รับการขนานนามว่าเก่งที่สุดของโลก แฟนหมัดมวยเกือบร้อยทั้งร้อยคงไม่มีใครเชื่อ ที่สำคัญกลับมองเพชรมรกตเป็นเพียง “ม้านอกสายตา”
แต่หลังจากจบการแข่งขัน 3 ยก กรรมการชูมือให้นักชกไทยเป็นฝ่ายชนะคะแนนแบบไม่เป็นเอกฉันท์ 2-1 เสียง วินาทีนั้นชื่อของ “เพชรมรกต เพชรยินดีอะคาเดมี่” ผู้กำชัยชนะเหนือนักชกคิกบ็อกซิ่งที่เป็นตัวเต็งหนึ่งของทัวร์นาเมนต์อย่างเปโตรเซียน กลายเป็นที่จดจำในฐานะผู้สร้างปรากฏการณ์ช็อกโลกและทำให้วงการคิกบ็อกซิ่งสั่นสะเทือน
เพชรมรกตให้สัมภาษณ์อย่างตื่นเต้นหลังเสร็จสิ้นการแข่งขันว่า “ผมดีใจมากครับที่ชนะเบอร์หนึ่งของโลกได้ เพราะเขาไม่เคยแพ้ใครมาเกือบ 5 ปี”
“ตอนที่ขึ้นไปยกแรกผมโดนหมัดเปโตรเซียนเข้าเต็มสันจมูก เจ็บมากครับ พอหมดยกหนึ่งลงมา เสี่ยโบ๊ท (ณัฐเดช วชิรรัตนวงศ์ หัวหน้าค่าย) แนะนำให้แก้เกมด้วยการแทงเข่า ซึ่งเคยได้ซ้อมมาก่อนหน้านี้แล้ว จึงทำให้ได้รับชัยชนะในครั้งนี้”
“ผมคิดว่าไฟต์นี้ยังทำได้ไม่ค่อยดี คงต้องกลับไปฝึกซ้อมหมัดให้มากขึ้น และผมต้องขอขอบคุณแฟนหมัดมวยทั่วโลกและชาวไทยที่ติดตามให้กำลังใจผมมาตลอด ผมทำได้แล้วครับ”
ด้าน “โบ๊ท” ณัฐเดช วชิรรัตนวงศ์ ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า “จริงๆ วันนี้เราตั้งใจมาสู้หมัด แต่ดูยกหนึ่งแล้วเราสู้เขาไม่ได้ ถ้าไปแลกหมัดโดนน็อกแน่นอน จึงต้องใช้ของที่เรามี กลับมาต่อยสไตล์คนไทยคือเดินค้ำแทงเข่า ก็ถือว่าโชคเป็นของเรา เราช็อกโลกได้”
“เรามาแบบทุกคนไม่ให้ความหวัง ทุกคนบอกว่ามาก็โดนน็อก สู้เขาไม่ได้ แต่สิ่งที่ผมทำคือให้ความเชื่อมั่นและบอกเขาเสมอว่า เขาทำได้ เขาชนะได้ ให้กำลังใจเขาตลอด วันนี้เขาสู้ด้วยหัวใจจริงๆ หัวใจที่มีเลือดนักสู้ ไม่มีใครคิดว่าเพชรมรกตจะชนะเปโตรเซียน แต่เขาทำให้เราเห็นว่าด้วยหัวใจไทยเราสู้ได้ครับ”
จากที่เพชรมรกตเคยให้สัมภาษณ์ว่า “ไม่มีอะไรจะเสีย…ถึงแพ้ก็แพ้เบอร์หนึ่งของโลก” วันนี้เขาคือหนึ่งในความภาคภูมิใจของคนไทย และเป็นตัวอย่างของ “นักกีฬา” ที่แสดงให้เห็นถึงสปิริตและความเชื่อมั่นในตัวเองว่าเมื่ออยู่ในการแข่งขันทุกคนมีโอกาสที่จะชนะได้เสมอ
สำหรับรอบถัดไปซึ่งเป็นรอบรองชนะเลิศ ยอดฝีมือที่ผ่านเข้ารอบแรกทั้ง 4 คน ถูกแบ่งออกเป็น 2 คู่ได้แก่ จาบาร์ แอสคารอฟ vs เซมี ซาน่า และศึกสายเลือดของสองนักชกไทย เพชรมรกต เพชรยินดีอะคาเดมี่ vs สโมคกิ้น โจ ณัฐวุฒิ หนึ่งในนี้จะเป็นผู้คว้าเงินรางวัลมหาศาลกว่า 31 ล้านบาท แฟนๆ สามารถติดตามข่าวสารการแข่งขันนัดต่อไปได้ทางเฟซบุ๊ก ONE Championship และ www.onefc.com
