โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

เผย 'เหตุผลที่คนเราต้องออกไปวิ่ง' 60% บอกว่า ช่วยให้มีสุขภาพจิตที่ดี

Amarin TV

เผยแพร่ 25 ก.พ. 2563 เวลา 15.09 น.
เผย 'เหตุผลที่คนเราต้องออกไปวิ่ง' 60% บอกว่า ช่วยให้มีสุขภาพจิตที่ดี
อาดิดาสเผยผลสำรวจ “เหตุผลที่คนเราต้องออกไปวิ่ง (Why We Run)” พร้อมเปิดแคมเปญ FasterThan ชวนนักวิ่งมานิยามความเร็วในแบบของคุณ อาดิดาส รันนิ่ง

อาดิดาสเผยผลสำรวจ “เหตุผลที่คนเราต้องออกไปวิ่ง (Why We Run)” พร้อมเปิดแคมเปญ FasterThan ชวนนักวิ่งมานิยามความเร็วในแบบของคุณ

อาดิดาส รันนิ่ง เปิดตัวแคมเปญ “ฟาสเตอร์ แดน” (Faster Than_) เชิญชวนนักวิ่งทุกคนมาร่วมกำหนดนิยามแห่ง “ความเร็ว” ผ่านเรื่องราวที่จะมาสร้างแรงบันดาลใจในการพัฒนาตนเองของนักวิ่งจากทั่วทุกมุมโลก ซึ่งต่างก็มีความเชื่อที่ตรงกันว่า “ความเร็วนั้นเป็นความรู้สึกส่วนตัวของแต่ละคน” เมื่อความเร็วไม่ใช่แค่เรื่องของการทำสถิติที่ดีที่สุดอีกต่อไป เพราะการวิ่งสำหรับอีกหลาย คนนั้นหมายถึงการพัฒนาตนเองให้ดียิ่งขึ้นด้วยเช่นกัน

ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา อาดิดาส ตระหนักเป็นอย่างดีว่า การวิ่งนั้นมีพลังในการสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นได้ และในตอนนี้ อาดิดาส ก็จะมาแบ่งปันเรื่องราวที่น่าสนใจ ซึ่งได้มาจากการพูดคุยและทำการศึกษาจากนักวิ่งจำนวนทั้งหมด 6,000 คน ที่วิ่งอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง และกระจายตัวอยู่ตาม 6 หัวเมืองหลักทั่วโลก ได้แก่ ลอสแอนเจลิส, นิวยอร์ก, ลอนดอน, เซี่ยงไฮ้, โตเกียว และ ปารีส ซึ่งจากการศึกษา “เหตุผลที่คนเราต้องออกไปวิ่ง” (Why We Run) ก็ทำให้ อาดิดาส ค้นพบว่า การวิ่งนั้นไม่จำเป็นว่าเราจะต้องวิ่งให้เร็วที่สุดเสมอไป เพราะทุกวันนี้นักวิ่งหลายๆ คนก็ให้ความสำคัญกับประโยชน์ที่ได้รับจากการออกไปวิ่ง โดยมีนักวิ่งถึง 87% ที่ออกมายอมรับว่า พวกเขาออกไปวิ่งเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงและพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น การศึกษาในครั้งนี้ยังทำให้ค้นพบสิ่งใหม่ๆ ดังต่อไปนี้

• ขจัดสิ้นทุกเสียงรบกวน (Faster Than the Noise) : นักวิ่งส่วนใหญ่ 60% รู้สึกว่าการวิ่งนั้นช่วยให้พวกเขามีสุขภาพจิตที่ดี ขณะที่อีก 47% บอกว่าการออกไปวิ่งนั้นทำให้พวกเขารู้สึกผ่อนคลายจากความตึงเครียดที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน ยิ่งไปกว่านั้น ผลการศึกษายังพบว่ามีนักวิ่งถึง 68% ที่ไม่พกโทรศัพท์ติดตัวขณะออกไปวิ่งด้วย

• สยบทุกข้อแก้ตัวต่างๆ นานา (Faster Than Excuses) : 18% ของนักวิ่งรู้สึกดีมากหลักจากที่ได้ออกไปวิ่ง โดยมีนักวิ่งอีก 14% ที่ยอมรับว่าการวิ่งได้ทำให้พวกเขารู้สึกภาคภูมิใจ ขณะที่อีก 32% บอกว่ารู้สึกมั่นใจมากขึ้นทันทีหลังจากที่วิ่งเสร็จ

• พิชิตความเดียวดาย (Faster Than Alone) : ผลการศึกษาครั้งนี้ยังได้มีการระบุถึงผลลัพธ์ในเชิงสังคมด้วย โดย 34% ของนักวิ่งได้พบปะเพื่อนใหม่ๆ ในขณะที่ออกไปวิ่ง ยิ่งไปกว่านั้น มีนักวิ่งถึง 20% ที่ยอมรับว่าพวกเขาได้พบเจอและคบหาคนรู้ใจจากการวิ่งอีกด้วย นั่นจึงเป็นข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนว่า การวิ่งนั้นเป็นกิจกรรมที่ทำให้เกิดผลทางด้านสังคมได้อย่างคาดไม่ถึงเลยทีเดียว

• อยู่เหนือความคาดหมาย (Faster Than Expected) : เท่านั้นยังไม่พอ การศึกษาในครั้งนี้ยังได้เผยถึงผลที่ได้จากการวิ่งในเชิงบวกอีกด้วย โดยนักวิ่งเหล่านี้ต่างก็ยอมรับว่า การวิ่งนั้นนำมาซึ่งความสำเร็จต่างๆ หลากหลายรูปแบบ เช่น มีนักวิ่ง 34% สามารถบรรลุผลสำเร็จในสิ่งที่พวกเขาเคยล้มเลิกไปก่อนหน้านี้ ขณะที่อีก 30% สามารถค้นพบไอเดียและความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ ส่วนอีก 17% ก็ยอมรับว่า พวกเขามีความกล้าที่จะชวนคู่เดตออกไปพบปะกันมากขึ้น

กำเนิดแคมเปญ “ฟาสเตอร์ แดน”
เพื่อให้สอดคล้องกับผลการศึกษา “เหตุผลที่คนเราต้องออกไปวิ่ง” อาดิดาส จึงได้ชวนนักวิ่งจำนวนหลายคนมาเข้าร่วมแคมเปญ “ฟาสเตอร์ แดน” พร้อมแชร์เรื่องราวการพัฒนาตนเองเพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้แก่คนอื่นๆ ต่อไป โดยในแคมเปญนี้ได้มีนำเรื่องราวสร้างแรงบันดาลใจหลายๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็น มาร์ตินัส อีแวนส์ นักวิ่งระยะไกลที่นำเอาสิ่งที่แพทย์แนะนำให้หลีกเลี่ยงและเสียงเย้ยหยันมาเป็นแรงผลักดันให้ออกไปวิ่ง โนอาห์ ไลลส์ เจ้าของตำแหน่งแชมเปี้ยนนักวิ่งชายระยะ 200 เมตร ที่ออกมายืนยันว่าคำว่า “เร็ว” นั้นเป็นความรู้สึกส่วนตัวของแต่ละคน ไชเน อเล็กซานเดอร์ นางแบบพลัสไซส์ที่สามารถเอาชนะความอยุติธรรมและเคราะห์กรรมต่างๆ เอลลี่ เลซีย์ อดีตผู้ป่วยที่ได้รับการปลูกถ่ายตับ ก่อนที่จะกลายมาเป็นนักวิ่งระดับแชมป์โลก ตลอดจนถึง แคทลีน สวิตเซอร์ ตำนานนักวิ่งหญิงคนแรกที่สามารถพิชิตมาราธอนได้สำเร็จในการแข่งขันบอสตัน มาราธอน เมื่อปี 1967 ซึ่งในระหว่างการแข่งขันเธอได้ต่อสู้อุปสรรคต่างๆ จนเกือบทำให้เธอถูกเชิญออกจากการแข่งขัน จนในที่สุดเธอก็สามารถเข้าเส้นชัยได้สำเร็จตามเป้าหมาย

นอกจากนี้ อาดิดาส ยังได้สร้างสรรค์รองเท้าวิ่งขึ้นมาใหม่เพื่อให้นักวิ่งทุกคนได้สัมผัสถึง “ความเร็ว” ของตัวเองได้อย่างชัดเจน โดยเริ่มจากรองเท้าวิ่งเอสแอล 20 (SL20) ซึ่งมีน้ำหนักเบา และมีการใช้เทคโนโลยีไลท์สไตรค์ (Lightstrike) ในพื้นรองเท้า เพื่อให้ผู้สวมใส่สามารถวิ่งด้วยความเร็วสูงสุดได้อย่างต่อเนื่อง ตามมาด้วยรองเท้าวิ่งอัลตร้าบูสท์ 20 (Ultraboost 20) และ อัลตร้าบูสท์ พีบี (UltraBoost PB) ที่มาพร้อมคุณสมบัติการคืนพลังงานสูงสุดในทุกย่างก้าว และปิดท้ายด้วยรองเท้าวิ่งโฟร์ดี 1.0 (4D 1.0) ที่มีดีไซน์โดดเด่นและพื้นรองเท้าที่ผลิตขึ้นด้วยเทคโนโลยี 3D ปรินท์ จึงทำให้ อาดิดาส สามารถตอบสนองความต้องการของนักวิ่งทุกประเภทได้อย่างสมบูรณ์แบบ.

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0