(เก็บความจากเอเชียไทมส์ www.asiatimes.com)
Trump’s next trade war target: Vietnam
By David Hutt
16/07/2019
เวียดนามที่ใครๆ ก็เคยมองว่าเป็นผู้คว้าชัยชนะอย่างงดงามรายหนึ่ง ในสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน แต่อันที่จริงแล้วกำลังมีศักยภาพที่จะกลับกลายเป็นผู้พ่ายแพ้ โดยเป็นรายต่อไปซึ่งจะถูกสหรัฐฯ ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เล่นงานด้วยการขึ้นภาษีศุลกากรอย่างขนาดใหญ่
ความคิดเห็นซึ่งมีฝ่ายต่างๆ จำนวนมากเห็นพ้องต้องกันมีอยู่ว่า เวียดนามคือหนึ่งในประเทศผู้ประสบชัยชนะอย่างงดงามที่สุดของโลก จากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน โดยที่สายโซ่อุปทานทั้งหลายของโลก (global supply chains) กำลังหันเหการผลิตออกมาจากประเทศจีนซึ่งถูกปรับขึ้นภาษีศุลกากรอย่างแรง และหันมาสู่เวียดนาม ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งมีต้นทุนราคาถูกกว่า
ผลลัพธ์ที่ออกมาก็คือ เราน่าจะสามารถบวกอัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของเวียดนามขึ้นไปได้สูงถึง 8% ทีเดียว ทั้งนี้ตามผลการศึกษาวิจัยของธนาคารแห่งหนึ่ง และแนวโน้มเช่นนี้ดูเหมือนทำท่าจะเดินหน้าได้อย่างเต็มตัวอยู่แล้วทีเดียว ตอนที่คณะบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ประกาศขึ้นพิกัดศุลกากรเพื่อเป็นการลงโทษระลอกใหม่ๆ ต่อสินค้าออกของเวียดนาม
ในเดือนพฤษภาคม เวียดนามถูกเพิ่มเข้าไปในบัญชีรายชื่อประเทศซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นผู้ปั่นค่าเงินตรา ซึ่งจัดทำโดยกระทรวงการคลังสหรัฐฯ โดยที่หากถูกพิสูจน์ยืนยันว่าเป็นจริง ก็อาจส่งผลให้ถูกสหรัฐฯใช้มาตรการลงโทษต่างๆ แต่แล้วการคุกคามดังกล่าวเป็นเพียงแค่เค้าลางล่วงหน้าของคำสั่งที่สหรัฐฯประกาศออกมาในเดือนกรกฎาคมนี้ อันได้แก่การขึ้นภาษีศุลกากรครั้งใหม่ในอัตรามโหฬารถึง 400% ต่อสินค้าเหล็กกล้าเวียดนามที่ส่งออกไปยังสหรัฐฯ โดยที่จริงแล้วเหล็กกล้าเหล่านี้มีต้นแหล่งมาจากเกาหลีใต้และไต้หวัน
สหรัฐฯยังอาจจะเล่นงานขึ้นภาษีศุลกากรในลักษณะลงโทษแก่สินค้าเข้าของเวียดนามครั้งต่อๆ ไปอีก ด้วยข้อกล่าวหาที่ว่าฮานอยกำลังยินยอมให้ผลิตภัณฑ์ที่ทำในจีน รีแบรนด์ใหม่ให้กลายเป็นสินเวียดนามก่อนที่จะส่งออกไปยังสหรัฐฯเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ต้องเสียภาษีศุลกากรซึ่งจัดเก็บจากสินค้าแดนมังกร อันเป็นกระบวนการที่พวกเจ้าหน้าที่เรียกขานกันว่า “การเปลี่ยนถ่ายสินค้า” (transshipment)
นักเศรษฐศาสตร์บางคนทำนายว่า ตัวอย่างเช่น ถ้าหากสหรัฐฯเคลื่อนไหวขึ้นภาษีศุลกากรเอากับสินค้าออกของเวียดนามในอัตรา 25% อย่างที่ได้ทำกับสินค้าจีนด้วยข้ออ้างเหตุผลเรื่องความมั่นคงแห่งชาติแล้ว ความเคลื่อนไหวดังกล่าวก็จะเป็นเหตุให้ยอดการส่งออกของฮานอยตกลงไปถึงราว 1 ใน 4 และทำให้การเติบโตของจีดีพีหดตัวลงมากกว่า 1% ทีเดียว