TV Direct ทุ่มพันล้านเข้าถือหุ้น90.1% ในสปริงนิวส์ เทเลวิชั่น บริหารทีวีดิจิทัลช่อง19 ดันกระแสVirtual Shopping ให้โตต่อเนื่อง รับเทรนด์ผู้บริโภค
ทำช่องทีวีดิจิทัล ให้เป็นTV Shopping
เป็นอีกหนึ่งดีลใหญ่ของวงการทีวีดิจิทัล เมื่อTV Direct ผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดTV Shopping และHome Shopping เข้าฮุบสถานีสปริงนิวส์ช่อง19 ด้วยการเข้าซื้อหุ้น90.1% คิดเป็นมูลค่ารวม1,080 ล้านบาท แบ่งเป็นมูลค่าหุ้น949 ล้านบาท และบวกค่าจ้างทำข่าวอีก130 ล้านบาท
ซึ่งTV Direct ได้ซื้อโฆษณา และเช่าเวลาในสถานีร่วมกับสปริงนิวส์มา4 ปีแล้ว ตั้งแต่ที่ยังเป็นทีวีดาวเทียม จนเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาได้มีการตกลงในเรื่องการเช่าเวลาสถานี และร่วมผลิตรายการการด้วยกัน มีสัญญา4 ปี ตั้งแต่2561-2565
ช่องสปริงนิวส์ยังคงเป็นสถานีข่าวต่อไป มีการปรับผังรายการโดยมีรายการข่าว6 ชั่วโมง รายการสาระ วาไรตี้6 ชั่วโมงHome Shopping 6 ชั่วโมง และTV Shopping 6 ชั่วโมง ซึ่งทางTV Direct ผลิตรายการ18 ชั่วโมง และจ้างสปริงนิวส์ผลิตข่าว6 ชั่วโมง ส่วนรายการสาระวาไรตี้เป็นคอนเทนต์ที่ร่วมกันผลิต จากตอนแรกที่สัดส่วนคอนเทนต์เป็นข่าว70% และอีก30% เป็นให้เช่าสถานี
เท่ากับว่าสปริงนิวส์จะขยับบทบาทจากผู้บริหารสถานีโทรทัศน์มาเป็น“ผู้ผลิตรายการ” หรือContent Provider ในทันที เป็นการลดภาระจากเดิมลงมาก และทำให้มีรายได้เข้ามาแน่นอน ไม่ต้องแบกภาระเรื่องค่าใบอนุญาต ต่อจากนี้ก็มีรับผลิตรายการให้ช่องอื่นๆ อีกด้วย
ในส่วนของTV Direct เองมีทั้งช่องHome Shopping ของตัวเอง6 ช่อง เป็นช่องในทีวีดาวเทียม และมีการลงสป็อตโฆษณาตามช่องทีวีดิจิทัลอีกมากมาย โดยพบว่าในช่วงครึ่งปีแรกเดือนมกราคม–มิถุนายน2561 TV Direct ได้มีการใช้งบโฆษณามากถึง1,282 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีทีแล้วที่ใช้เพียง144 ล้านบาท แสดงให้เห็นว่าเทรนด์ของTV Shopping มีการเติบโต
เมื่อดูทั้งอุตสาหกรรมก็พบว่ากลุ่มDirect Sale มีการใช้งบโฆษณาสูงสุดเป็นอันดับแรก เติบโตถึง600% สาเหตุที่กลุ่ม Direct Sale มีการเติบโตแบบพุ่งกระฉูดขนาดนี้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะวิกฤติของทีวีดิจิทัลที่ไม่มีโฆษณาเข้า กลายเป็นว่า Direct Sale เข้ามาเติมเต็มสล็อตเวลาโฆษณาที่ว่างได้ แต่อาจใช้โมเดลลดแลกแจกแถมสุดๆ หรือใช้โมเดล Profit Sharing กัน
9 เหตุผล ที่TV Direct ต้องมีช่องทีวีดิจิทัลเป็นของตัวเอง
TV Direct มีการขายในหลายแพลตฟอร์ม และหลายรูปแบบด้วยกัน ทั้งTV Shopping ที่เป็นสป็อตโฆษณาไม่กี่นาที แทรกตามรายการต่างๆ และHome Shopping ที่เป็นรายการขายสินค้ายาว20-40 นาที ส่วนใหญ่อยู่ในช่องทีวีดาวเทียม การที่TV Direct เข้าซื้อสปริงนิวส์ครั้งนี้มีเหตุผลอะไรบ้าง?
- เพราะพฤติกรรมผู้บริโภคได้เปลี่ยนไปสู่Virtual Shopping มากขึ้น ทั้งช้อปออนไลน์ และTV Shopping เทรนด์นี้เริ่มเกิดเมื่อปี2013 ตั้งแต่3G ได้เข้ามาเป็นตัวเปลี่ยนอุตสาหกรรมส่วนสมาร์ทโฟนก็มีส่วนกระตุ้นมีกลุ่มลูกค้าใช้ออนไลน์มากขึ้น
2. กลุ่มลูกค้าของTV Direct ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มแม่บ้านและผู้สูงอายุซึ่งคนไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุแล้วเช่นกันและคนกลุ่มนี้มีกำลังซื้อสูง
3. ทีวียังไม่ตาย แค่เปลี่ยนรูปแบบ ฉัตรชัย ตะวันธรงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท สปริง คอร์ปอเรชั่น จำกัด ได้บอกว่า สปริงนิวส์ได้ทำช่องทีวีมา8 ปี ทำทีวีดิจิทัล5 ปี ทีวีไม่ตาย แต่คนถือใบอนุญาตใกล้ตาย วิธีการทำธุรกิจเปลี่ยนไป ต้องมีโมเดลธุรกิจใหม่ๆ จากที่ต้องการายได้จากโฆษณาชั่วโมงละ10 นาที เปลี่ยนมาหารายได้เสริมไปถึงรายได้หลัก ทำให้สถานีข่าวพาร์ทเนอร์กับทีวีช้อปปิ้ง ทั้ง22 ช่องนั้น มีไม่ถึงครึ่งที่ยังสนุกที่ทำ ส่วนเกินครึ่งเริ่มเหนื่อยเพราะค่าโฆษณาต่ำไม่คุ้มกับค่าใบอนุญาต และทำคอนเทนต์ โมเดลนี้วินกันทุกฝ่าย เสริมจุดแข็งซึ่งกันและกัน
4. ธุรกิจทีวีช้อปปิ้ง และออนไลน์ช้อปปิ้งยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องทุกปี โดยที่ทีวีช้อปปิ้งโต20% ช้อปออนไลน์โต30% ได้รับตอบรับจากผู้บริโภคมากขึ้น ช้อปปิ้งแบบไม่ต้องไปหน้าร้านเรียกว่าVirtual Shopping และมีออนไลน์เข้ามาเสริมกันอย่างเต็มรูปแบบ
5. มองเทรนด์การเติบโตของตลาดโฮมชอปปิ้งเฉลี่ย20% มา4 ปีแล้ว ปีนี้มีการคาดการณ์ว่าจะมีมูลค่า13,000 ล้านบาท ส่วนช้อปออนไลน์น่าจะโต40% มองเทรนด์มีการเติบโตอย่างนี้ไปอีก6-7 ปี
6. TV Direct ต้องการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดTV Shopping เพราะมีผู้เล่นรายใหญ่จากทั้งเครืออาร์เอส แกรมมี่ และผู้เล่นจากต่างชาติเข้ามามากมาย ต้องเสริมช่องทางในการแข่งขัน
7. โมเดลรูปแบบนี้มีในอเมริกาและยุโรปที่ช่องสถานีข่าวลงมาขายสินค้ามากขึ้นเพราะได้ความน่าเชื่อถือสังเกตว่าช่องข่าวจะเริ่มมีสินค้าเมอร์เชนไดร์สเป็นของตัวเอง
8. โดยปกติแล้วฐานลูกค้าของTV Direct เป็นกลุ่มคนต่างจังหวัด60% คนกรุงเทพฯ40% การที่ได้ช่องสปริงนิวส์มานั้นสามารถขยายกลุ่มลูกค้าไปยังคนในเมืองได้มากขึ้น
9. โมเดลธุรกิจต้องการเปลี่ยนจากการหารายได้จากโฆษณา เป็นหารายได้จากผู้บริโภคโดยตรงนั่นคือB2C คือขายสินค้าตรงกับผู้บริโภค ซึ่งจากการที่ทั้งสองได้ทดลองการทำรายการร่วมกันตั้งแต่ต้นปี มีรายได้จากช่องทางนี้200-300 ล้านบาท
TV Shopping แข่งเดือด ตะลุมบอน11 ราย
ตลาดTV Shopping มีการแข่งขันดุเดือดมากขึ้นทุกปี ในปีนี้ได้มีผู้เล่นรวมกันถึง11 ราย รวมเงินจดทะเบียนทั้งหมดเกือบ4,000 ล้านบาท ธุรกิจB2C เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ตอนนี้ช้อปออนไลน์คิดเป็น2.1% ของตลาดค้าปลีกมูลค่า2.5 ล้านล้านบาท
ส่วนตลาดทีวีช้อปปิ้งยังไม่ถึง1% ของตลาดค้าปลีกเลย ในขณะที่ประเทศญี่ปุ่นมีสัดส่วน30% ของตลาดค้าปลีก ประเทศเกาหลีสัดส่วน17% ประเทศจีน15% ทำให้ในไทยยังมีโอกาสโตได้อีก5-10 เท่า
- TV Direct ถือเป็นหนึ่งในผู้นำตลาดโฮมช้อปปิ้ง
- TVD shopping เป็นโฮมช้อปปิ้งทำร่วมกับโมโม่ไต้หวัน
- G CJ O shopping ทุนเกาหลีร่วมกับแกรมมี่ ออกอากาศในช่องแกรมมี่CJ เป็นบริษัทใหญ่มากในเกาหลีมีหลายธุรกิจยอดขายรวมกว่าแสนล้าน
- True Select / Shopping ทุนจากเกาหลี พาร์ทเนอร์กับทรู วิชั่นส์ ซีพี และเดอะมอลล์
- High Shopping ร่วมกับอินทัช ฮุนไดโฮมช้อปปิ้งจากเกาหลี
- Shop Channel โฮมช้อปปิ้งอันดับหนึ่งในญี่ปุ่น ร่วมกับICC และเซ็นทรัล
- Tiger Shopping ทุนจากญี่ปุ่น
- Wizard Solution โด่งดังจากกระทะโคเรียคิง
- 1781 โฮมช้อปปิ้งจากค่ายอาร์เอสเป็นอีกหนึ่งดาวรุ่งพุ่งแรงโดยใช้บริษัทไลฟ์สตาร์เริ่มจากทำธุรกิจความงาม
- 1577 และ29 Shopping เป็นผู้เล่นหน้าใหม่ในตลาด
กลุยุทธ์สำคัญหลังจากเข้าบริหารสปริงนิวส์
- ต้องทำเป็นMassive Awareness เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ชัดเจนมากขึ้น
- ความท้าทายคือต้องเปลี่ยนเป็นOmni Channel ผนึกออนไลน์ กับออฟไลน์ให้ได้ หลังจากได้เปลี่ยนมา8 เดือน ก็พบว่าผลประกอบการดีขึ้น
- เพิ่มสินค้าให้หลากหลายขึ้น มีการCustermize ให้ตรงจุดลูกค้า ไม่ขายสินค้าแมสเหมือนแต่ก่อน แต่ลงละเอียดแบบTailor Made แม้จะขายไม่เยอะแต่ได้กำไรเยอะ
- ใช้กลยุทธ์Nua Marketing ไม่มีอะไรชัดเจน100% ทำการตลาดหลายๆอย่างรวมกันเป็นการตัดสินใจที่รวดเร็วทำให้กระบวนการทำงานคล่องตัวขึ้น
สรุป
– การที่TV Direct เข้าซื้อหุ้นสปริงนิวส์ในครั้งนี้นั้น ถือว่าเป็นวินทุกฝ่ายทั้งทางสถานีสปริงนิวส์เองที่ต้องแบกภาระค่าใช้จ่ายเรื่องอคเนทนต์ และค่าใบอนุญาต การมีนายทุนเข้ามาช่วยแบ่งเบา และถอยมาอยู่ในฐานะผู้ผลิตคอนเทนต์ทำให้โล่งขึ้น
– ทางด้านของTV Direct เองก็มีช่องทางในการขายสินค้ามากขึ้น จากเดิมที่ต้องซื้อสป็อตโฆษณา และเช่าเวลาสถานี ตอนนี้มีช่องเป็นของตัวเอง ทำให้ต้นทุนถูกลง แถมยังได้เวลามากขึ้นด้วย