โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

เปิด 3 หุ้นอสังหาฯ ราคาวิ่งแรง จับตา กนง.หั่นดอกเบี้ย 0.25% ได้ประโยชน์ด้านไหน?

Wealthy Thai

อัพเดต 19 ก.พ. 2563 เวลา 02.22 น. • เผยแพร่ 19 ก.พ. 2563 เวลา 02.22 น. • wealthythai
เปิด 3 หุ้นอสังหาฯ ราคาวิ่งแรง จับตา กนง.หั่นดอกเบี้ย 0.25% ได้ประโยชน์ด้านไหน?
จากประเด็นล่าสุดที่ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติเอกฉันท์ปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย 0.25%

จากประเด็นล่าสุดที่ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติเอกฉันท์ปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% จาก 1.25% เหลือ 1.00% ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจาก 3 ปัจจัยใหญ่ที่มีผลกระทบวงกว้างต่อเศรษฐกิจ ได้แก่ การระบาดไวรัสโคโรนา ความล่าช้าของพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี และภัยแล้ง นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอัตราเงินเฟ้อทั่วไป ที่มีแนวโน้มต่ำกว่าขอบล่างของกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อตลอดช่วงประมาณการ และเสถียรภาพระบบการเงิน “เปราะบางเพิ่มขึ้น” จากแนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจ
จากประเด็นดังกล่าว นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด มองว่า หุ้นกลุ่มอสังหาฯ จะได้ผลบวกจากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง โดยจะช่วยลดการผ่อนชำระของผู้กู้ซื้อที่อยู่อาศัย และช่วยกระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภค ซึ่งประเมินว่ากลุ่มบ้านในตลาดล่างจะได้ประโยชน์มากกว่า เพราะมีความอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยที่สูง ประกอบด้วย LPN และ PSH และรองลงมาเป็นกลุ่มลูกค้าตลาดกลาง SPALI, AP, ORI และ ANAN
ทั้งนี้ หุ้นที่นักวิเคราะห์ดังกล่าวชอบ ได้แก่ SPALI (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 20.00 บาท) และ ORI (ซื้อ /ราคา เป้า 8.50 บาท) ขณะที่คาดว่า LPN และ PSH จะปรับตัวเพิ่มขึ้นระยะสั้นจากข่าวดังกล่าว โดยยังมองว่ากลุ่มตลาดล่างยังมีปัญหา rejection rate ค่อนข้างสูง

 

 

ลุ้น Q4/62 กำไร 9.1 พันล้านบาท

ด้านนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์ เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า ขณะนี้คาดกลุ่มอสังหาฯ จะรายงานกำไรสุทธิงวดไตรมาส 4/2562 ที่ 9.1 พันล้านบาท เติบโต 5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเติบโต 57% จากไตรมาส 3/2562 เนื่องจากมีการบันทึกกำไรพิเศษ
ส่วนของธุรกิจหลักกำไรปกติ คาดว่ายอดการโอนยังอ่อนแอ แต่น่าจะยังเห็นแนวโน้มดีขึ้น จากไตรมาส 3/2562 โดย ณ ราคาปัจจุบันเชื่อว่าความเสี่ยงขาลงเริ่มจำกัด และคาดว่าเงินปันผลระดับสูง น่าจะเป็นตัวช่วยสนับสนุนราคาหุ้นได้ เราคงน้ำหนัก เท่าตลาด ชอบ AP และ LH มากสุด
อย่างไรก็ตามเมื่อ Wealthy Thai ได้เข้าไปสำรวจความเคลื่อนไหวราคาหุ้นในรอบ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา (สิ้นสุดวันที่ 5 ก.พ.63) พบว่า มี 3 หลักทรัพย์ที่ราคาปรับตัวเพิ่มสูงสุดของกลุ่ม ได้แก่ อันดับ 1 บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ANAN (+9.80% ) ส่วนอันดับ 2 คือ บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSH (+5.80%) และอันดับ 3 คือ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ SPALI (+5.59%)

 

 

*ANAN *

ในรอบ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาหุ้นปรับเพิ่มขึ้น 9.80% โดยทำจุดสูงสุดในวันที่ 5 ก.พ.ที่ 2.64 บาท และทำจุดต่ำสุดเมื่อวันที่ 3 ก.พ. ในระดับ 2.02 บาท
นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ขณะนี้ได้ปรับคำแนะนำขึ้นเป็น “ซื้อ” ANAN จากเดิม “ถือ” ให้ราคาเป้าหมาย  3.00 บาท โดยคาดปี 2562 จะรายงานกำไรสุทธิ 938 ล้านบาท ลดลง  61.20% จากปี 2561 ส่วนปี 2563 คาดจะรายงานกำไรสุทธิ 1,094 ล้านบาท เติบโต  16.60% จากปี 2562 โดยคาดปี 2562 จะมี dividend yield ที่ 4.4% ส่วนปี 2563 คาดที่ 5.1%

 

 

PSH

ในรอบ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาหุ้นปรับเพิ่มขึ้น 5.80% โดยทำจุดสูงสุดในวันที่ 5 ก.พ.ที่ 14.80 บาท และทำจุดต่ำสุดเมื่อวันที่ 31 ม.ค. ในระดับ 13.80 บาท
นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุว่า ขณะนี้ยังแนะนำ “ซื้อ” PSH เพื่อลงทุนสำหรับเงินปันผล ให้เป้าหมายปี 2563 ที่ 18.50 บาท พร้อมกับคงประมาณการกำไรปี 2562 และ 2563 ตามเดิม โดยปี 2562 คาดกำไรสุทธิ 4,934 ล้านบาท ซึ่งหมายความว่างวดไตรมาส 4/2562 น่าจะเห็นกำไร 1.4 พันล้านบาท ภายใต้ยอดโอนฯ 1.1 หมื่นล้านบาท (สิ้น ไตรมาส 3/2562 มี Backlog พร้อมโอนฯ ในไตรมาส 4/2562ที่ 1.6 หมื่นล้านบาท แม้หากตัดยอดที่มีความเสี่ยงเรื่องคุณภาพที่ไม่สามารถโอนฯ ระหว่างไตรมาส คาดยอด Backlog สุทธิจะยังสามารถรองรับเป้าโอนฯ ของฝ่ายวิจัย)
สำหรับปี 2563 ประเมินรายได้ขายฯ 3.98 หมื่นล้านบาท (คาด Backlog สิ้นปี 2562 อยู่ที่ราว 2.9 หมื่นล้านบาท เป็นส่วนที่จะรับรู้รายได้ปีนี้ 1.3 หมื่นล้านบาท หรือ 33% ของเป้า) ภายใต้ Norm Profit Margin 12.7% คาดมีกำไรสุทธิ 5,062 ล้านบาท อย่างไรก็ดีคงต้องติดตามเป้าหมายธุรกิจปีนี้อีกครั้ง หากแตกต่างอย่างมีนัยฯ ก็มีโอกาสนำไปสู่การพิจารณาในเรื่องประมาณการได้
แม้ภาพธุรกิจ PSH จะคงเผชิญกับปัจจัยท้าทายจากตลาดอสังหาฯ ที่ยังไม่สดใส และการแข่งขันในกลุ่มแนวราบและคอนโดฯ รุนแรง ทำให้ประเมินกำไรปีนี้ใกล้เคียงปีก่อน แต่ด้วยความน่าสนใจของราคาหุ้นที่มี PER ต่ำกว่า 7 เท่า และโครงสร้างการเงินยังแข็งแรง มี Net Gearing ต่ำ 0.7 เท่า ทำให้ยังสามารถจ่ายเงินปันผลระดับสูง โดยครึ่งหลังปี 2562 คาดปันผลหุ้นละ 0.62 บาท หรือ 4.4% ขณะที่ทั้งปี 62 คาด dividend yield ที่ 8.7% ส่วนปี 2563 คาด 8.9%

 

 

SPALI

ในรอบ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาหุ้นปรับเพิ่มขึ้น 5.59% โดยทำจุดสูงสุดในวันที่ 5 ก.พ.ที่ 17.10 บาท และทำจุดต่ำสุดเมื่อวันที่ 3 ก.พ. ในระดับ 16.10 บาท
นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า ขณะนี้แนะนำ “ซื้อ” SPALI ให้เป้าเชิงกลยุทธ์ 19 บาท ชี้ได้ผลบวก กนง. ลดดอกเบี้ย โดยคาดกำไรสุทธิไตรมาส 4/2562ที่ 1.5 พันล้านบาท ลดลง 36% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่เพิ่มขึ้น 16% จากไตรมาส 3/2562 ดีกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ที่ 1.3 พันล้านบาท
ทั้งนี้คาดกำไรผ่านจุดต่ำสุดในปี 2562 และคาดว่ากำไรสุทธิปี 2563 เริ่มกลับมาเติบโต โดยยอด presales ปี 2562 ต่ำกว่าคาด -33% ขณะที่ตั้งเป้าหมายปี 2563 กลับมาโต 16% ทำให้คาดว่าปี 2563 จะมีกำไรสุทธิ 5.3 พันล้านบาท เติบโต 6% จากปี 2562 ดีกว่ากลุ่ม (+3.6%) ซึ่งกลับมาเติบโตหลังจากปรับตัวลดลง 2 ปีก่อนหน้า  โดยเฉพาะกำไรปี 25962 ที่ปรับลดลงมาจากผลกระทบมาตรการ LTV ขณะที่ปี 2563 SPALI จะได้ผลบวกจากมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ เพราะมีสต็อกคงเหลือที่เข้าเกณฑ์รอโอนสูงถึง 42%
นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ จำกัด เลือก SPALI เป็น Top Picks ของกลุ่ม โดยคาดว่าบริษัทจะได้รับประโยชน์จากดอกเบี้ยที่ปรับลดลงเหลือ 1% รวมถึงมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์จากภาครัฐ ซึ่งจะช่วยเร่งการระบายสต๊อกโครงการพร้อมโอนที่บริษัทที่มีอยู่กว่า 10,000 ล้านบาท นอกจากนี้ปัจจุบันบริษัทมี Backlog ที่จะรับรู้ในปี 2563 ราว 10,000 ล้านบาท ซึ่งช่วย Secure เป้าการโอนแล้ว 40%  รวมถึงบริษัทมีอัตราการจ่ายเงินปันผลที่สม่ำเสมอ คาดปี 2563 จ่ายเงิน ปันผลที่ 1.10 บาทต่อหุ้น (Div. 6.4%)

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0