โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

เปิดไส้ในคำขอบีโอไอไตรมาส1 ไร้"บิ๊กโปรเจ็กต์"ยอดเงินลงทุนวูบ36%

ประชาชาติธุรกิจ

เผยแพร่ 19 พ.ค. 2562 เวลา 13.30 น.
3-1p1
เปิดไส้ในคำขอรับส่งเสริมลงทุนไตรมาส 1/2562 พบมูลค่าโครงการลดฮวบ 36% เหตุไร้โครงการขนาดใหญ่ ในขณะที่จำนวนโครงการขนาดกลาง/เล็กเพิ่มขึ้น โบ้ยฐานคำขอไตรมาส 1/2561 มูลค่าคำขอพุ่งถึง 205,140 ล้านบาท “ผิดปกติ” ยังเชื่อนักลงทุนต่างชาติมั่นใจประเทศไทย ย้ำสถานการณ์การเมือง-สงครามการค้าไม่กระทบมากจนทำให้ต้องลดเป้าลงทุนตลอดทั้งปีที่ 750,000 ล้านบาท

ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานว่ายอดขอรับส่งเสริมการลงทุนในไตรมาส 1/2562 รวม 387 โครงการ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 12% และมีเงินลงทุนรวม 128,903 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นอุตสาหกรรมเป้าหมายถึง 199 โครงการ (58,803 ล้านบาท) หรือคิดเป็น 51% ของจำนวนโครงการที่ยื่นขอรับการส่งเสริมทั้งหมด โดยส่วนใหญ่เป็นกิจการบริการและสาธารณูปโภค 129 โครงการ เงินลงทุน 46,888 ล้านบาท, กิจการเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ 81 โครงการ เงินลงทุน 22,259 ล้านบาท, กิจการผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องจักร และอุปกรณ์ขนส่ง 65 โครงการ เงินลงทุน 15,258 ล้านบาท และกิจการเกษตรกรรมและผลิตผลจากการเกษตร 52 โครงการ เงินลงทุน 7,365 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม มีข้อน่าสังเกตว่า ตัวเลขมูลค่าเงินลงทุนในคำขอรับส่งเสริมลงทุนไตรมาส 1/2562 นั้น “ลดลง 36%” เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2561 ที่มีมูลค่า 205,140 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่าการลงทุนที่ลดลง 76,237 ล้านบาท ในประเด็นนี้จากการสอบถามไปยังผู้เกี่ยวข้องในคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนให้คำตอบว่า เป็นผลจากฐานการขอรับการส่งเสริมในช่วงไตรมาส 1/2561 “สูงกว่าปกติ” เพราะมีโครงการขนาดใหญ่ของบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนเข้ามาในโครงการขยายกิจการผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงสำเร็จรูป หรือโรงกลั่นน้ำมัน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ซึ่งมีมูลค่าการลงทุนถึง 156,621 ล้านบาท ได้รับอนุมัติจาก BOI ไปเมื่อปลายปี 2561 ในขณะที่ในไตรมาสแรกของปี 2562 ยังไม่มีโครงการลงทุนขนาดใหญ่เข้ามาทำให้มูลค่าขอรับส่งเสริมการลงทุนลดลงไปมากจากปีที่ผ่านมา

หากพิจารณาจำนวนโครงการขอรับส่งเสริมการลงทุนในไตรมาส 1/2562 จะพบว่า “มีจำนวนสูงขึ้น” ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนต่างชาติยังคงสนใจและมั่นใจที่จะลงทุนในประเทศไทยอยู่เช่นเดิม ดังนั้น BOI ยังมั่นใจว่า แม้สถานการณ์ความไม่ชัดเจนทางการเมือง

สถานการณ์ของสงครามการค้าหรืออื่น ๆ จะไม่ส่งผลกระทบถึงกับทำให้เป้าหมายคำขอรับส่งเสริมการลงทุนตลอดทั้งปี 2562 จะ “ลดลง” จากที่ตั้งเป้าไว้ 750,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ยังมีการออกมาตรการส่งเสริมการลงทุนมากระตุ้น จึงไม่จำเป็นต้องปรับแผนใด ๆ และเชื่อว่า ยอดคำขอในไตรมาส 2/2562 น่าจะปรับตัวดีขึ้น

“นักลงทุนมี 2 กลุ่ม หากเป็นกลุ่มในตลาดหลักทรัพย์ฯอาจมองระยะสั้น แต่กลุ่มที่ลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) จะมองระยะยาว ปัจจัยในการตัดสินใจลงทุนนั้น นักลงทุนจะพิจารณาจากความพร้อมของตลาด โครงสร้างพื้นฐาน กำลังคน สิทธิประโยชน์ เป็นหลัก ดังนั้น สงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐนั้นไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจลงทุนในไทยมากนัก” แหล่งข่าวกล่าว

ทาง BOI เชื่อว่า สงครามการค้าจีน-สหรัฐน่าจะส่ง “ผลบวก” ด้านลงทุนให้กับประเทศไทยมากกว่า เพราะผู้ผลิตที่ส่งออกไปสหรัฐอาจย้ายมาตั้งฐานการผลิตที่ประเทศไทยแทน เพื่อหลีกเลี่ยงกำแพงภาษีส่งออกไปสหรัฐ ซึ่งจะเห็นว่าช่วงที่ผ่านมาตัวเลขการลงทุนจากจีนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาส 1/2562 มียอดขอรับส่งเสริมการลงทุนจีน 38 โครงการ เงินลงทุน 9,072.15 ล้านบาท หากเทียบไตรมาส 1/2561 มียอดขอรับส่งเสริมการลงทุน 23 โครงการ เงินลงทุนเพียง 2,836.34 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นโครงการผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์, เคมีภัณฑ์และกระดาษ, อุตสาหกรรมเบาและสิ่งทอ เป็นต้น

ทั้งนี้ ในปี 2562 BOI กำหนดให้เป็น “ปีแห่งการลงทุน” โดยที่ประชุมบอร์ด BOI เมื่อเดือน พ.ย. 2561 ให้ความเห็นชอบ “มาตรการพิเศษปีแห่งการลงทุน 2562” เพื่อกระตุ้นการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายประเทศ โดยเฉพาะโครงการขนาดใหญ่ที่ส่งผลเชิงบวกต่อเศรษฐกิจ

โดยมาตรการพิเศษนี้จะมีผลบังคับใช้สําหรับคําขอรับการส่งเสริมที่ยื่นเข้ามาตั้งแต่ 19 พ.ย. 2561 ถึง 30 ธ.ค. 2562 ภายใต้เงื่อนไขว่า หากนักลงทุนรายใดมีเงินลงทุนมากกว่าหรือเท่ากับ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป เป็นประเภทในกลุ่มกิจการ A1 A2 A3 โครงการตั้งอยู่นอกเขต กทม. ไม่ขยายเวลาดำเนินงานในทุกขั้นตอน (ตั้งแต่การตอบรับมติจนถึงการเปิดดำเนินการ) จะได้สิทธิประโยชน์ลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล 50% อีก 3 ปีเพิ่มเติม

ไม่พลาดข่าวสารเศรษฐกิจ เจาะลึกทุกประเด็นทั้งภาครัฐ-เอกชน เพิ่มเราเป็นเพื่อนที่ Line ได้เลยพิมพ์ @prachachat หรือ คลิกลิงก์ https://line.me/R/ti/p/@prachachat 

หรือจะสแกน QR Code ในรูป เราพร้อมเสิร์ฟข่าวเศรษฐกิจ-ธุรกิจถึงมือผู้อ่านทันที!

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0