โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

กีฬา

เปิดไทม์ไลน์ชีวิต! มาริโอ เกิทเซ่ จาก ฮีโร่ของชาติ กลายเป็น ส่วนเกิน

ขอบสนาม

อัพเดต 15 ก.พ. 2561 เวลา 03.21 น. • เผยแพร่ 03 มิ.ย. 2563 เวลา 16.47 น.
เปิดไทม์ไลน์ชีวิต! มาริโอ เกิทเซ่ จาก ฮีโร่ของชาติ กลายเป็น ส่วนเกิน

ไม่ว่าคุณจะรวยล้นฟ้าเป็นมหาเศรษฐีมีเงินทองมากมายขนาดไหน วันหนึ่งคุณอาจจะล้มละลายหมดเนื้อหมดตัวไม่มีซุกหัวนอนก็ได้ 

ไม่ว่าคุณจะโด่งดังมีชื่อเสียง มีคนนับหน้าถือตา มีคนรักใคร่ให้ความเคารพมากมายขนาดไหน วันหนึ่งคุณอาจจะโดนจงเกลียดจงชังและกลายเป็นผู้รายในสายตาคนพวกนั้นก็ได้

นี่คือความหมายของคำว่า "ชีวิตมันไม่มีอะไรแน่นอนจริงๆ"คุณไม่สามารถรู้หรือคาดเดาได้ล่วงหน้าว่า "วันพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น" มันอาจจะดีก็ได้ และ มันก็อาจจะเลวร้ายก็ได้เหมือนกัน

"ความไม่แน่นอนของชีวิต" มันไม่มีการยกเว้นใดๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะคุณจะเป็นใคร มาจากไหน ทำอาชีพอะไร พ่อแม่ใหญ่แค่ไหน นี่คือสิ่งที่คุณไม่สามารถหลีกเลี่ยงหรือปฏิเสธได้

ถ้าจะพูดถึงนักฟุตบอลคนหนึ่งที่เข้าข่ายกับนิยาม "ความไม่แน่นอนของชีวิต" ชั่วโมงนี้ก็คงต้องนึกถึง มาริโอ เกิทเซ่ผู้ที่กำลังจะหมดอนาคตกับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์สโมสรที่เป็นบ้านหลังที่ 2 ในเร็วๆ นี้

ช่วงเวลาดีๆ

มาริโอ เกิทเซ่เป็นเด็กปั้นที่เติบโตขึ้นมาจากอคาเดมี่ของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ก่อนจะได้รับโอกาสจาก เจอร์เก้น คล็ปปป์ผู้ที่ผลักดันขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ปี 2009 และด้วยพรสรรค์ที่มากมายรอบด้านทั้งเรื่องของเทคนิคและไหวพริบ บวกกับวิวัฒนาการที่ก้าวกระโดดในเรื่องของฝีเท้า ทำให้ มาริโอ เกิทเซ่ยึดตำแหน่งตัวจริงในก๊วน "เสือเหลือง"ได้อย่างรวดเร็ว พร้อมกับสร้างชื่อเสียงกระฉ่อนไปทั่วโลกในฐานะดาวรุ่งที่อัจฉริยะมากที่สุดในยุคนั้นด้วยวัยแค่ 18 ปีเท่านั้น

เขาคือส่วนผสมและกลไกสำคัญของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ชุดพลังหนุ่มที่สามารถโค่นสโมสรเบอร์ 1 ของ เยอรมัน อย่าง บาเยิร์น มิวนิค พร้อมเถลิงบัลลังก์แชมป์ บุนเดสลีกา เยอรมัน ได้ 2 ปีซ้อน (2010-11 และ 2011-12) แต่สุดท้าย ดอร์ทมุนด์ ก็ต้องมาเสีย มาริโอ เกิทเซ่ให้กับ "เสือใต้"แบบเลี่ยงไม่ได้จากการจ่ายค่าฉีกสัญญาในราคา 37 ล้านยูโรเมื่อปี 2013 ส่วนผลงานพี่แกก็ยังรักษามาตรฐานได้ดีตลอดช่วง 2 ปีแรกกับบ้านหลังใหม่

ฮีโร่ของชาติ

อีกหนึ่งโมเมนต์ที่น่าจดจำมากๆ ของชายที่ชื่อมาริโอ เกิทเซ่ ก็คือทัวร์นาเมนต์ ฟุตบอลโลก 2014 ที่ประเทศบราซิลโดยในรอบชิงชนะเลิศที่ "อินทรีเหล็ก" เยอรมันเจอกับ "ฟ้า-ขาว" อาร์เจนติน่าตัวของเกิทเซ่ลงมาเป็นตัวสำรองแทนที่มิโรสลาฟ โคลเซ่ในนาที 88 และตัวกุนซือโยอัคคิม เลิฟก็ได้กระซิบบอกับตัว มาริโอ เกิทเซ่ ว่า "ลงไปแสดงให้โลกรู้ว่าเอ็งนั้นเก่งกว่า ลิโอเนล เมสซี่" 

ก่อนที่นาที 113 ลูกครอสส์ของ อังเดร ชูร์เล่จากริมเส้นฝั่งซ้ายลอยมาทางหน้าปากประตู ก่อนที่มาริโอ เกิทเซ่จะพักอกก่อนตวัดด้วยซ้ายตามน้ำเป็นประตูชัยพา ทีมชาติเยอรมัน เถลิงบัลลังก์แชมป์โลกสมัยที่ 4 ในหน้าประวัติศาสตร์ นั่นคือ แชมป์โลกครั้งแรกในรอบ 14 ปี ส่วนตัวของเกิทเซ่พี่แกคือ ตัวสำรองคนแรกที่สามารถซัลโวประตูชัยในศึก ฟุตบอลโลกเขาคือผู้เล่นอายุน้อยที่สุดที่ยิงประตูได้ใน ฟุตบอลโลกรอบชิงชนะเลิศ ด้วยตัวเลข 21 ปีทำลายสถิติเดิมของ โวล์ฟกัง เวเบอร์ที่เคยทำไว้ที่อายุ 22 ปี และแน่นอนวันนั้นมาริโอ เกิทเซ่ คือ แมน ออฟ เดอะ แมตช์

ชีวิตเริ่มกลับตาลปัตร

ในฤดูกาล 2015-16 โชคชะตาเหมือนจะเริ่มเล่นตลกกับชีวิตมาริโอ เกิทเซ่เข้าแล้ว เพราะเรื่องปัญหาอาการบาดเจ็บเริ่มแวะมาเยี่ยมเยียนขึ้นเรื่อยๆ จนส่งผลต่อฟอร์มการเล่นในสนาม, ความมั่นใจ ตลอดจนโอกาสการลงเล่น และในที่สุดเขาก็เริ่มกลายเป็นส่วนเกินและเป็นอะไหล่สำรองของ บาเยิร์น มิวนิคในยุคของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่าโดยในซีซั่นนั้น มาริโอ เกิทเซ่ มีชื่ออยู่ในทีมทั้งหมด 31 เกมจากทุกรายการ เขาได้ลงเล่น 21 เกม ส่วนใหญ่จะถูกเปลี่ยนลงมาเป็นสำรองมากกว่า ยิงได้ 6 ประตูและทำได้แค่ 4 แอสซิสต์เท่านั้น นั่นเลยทำให้ มาริโอ เกิทเซ่ตัดสินใจขนข้าวของย้ายกลับไปตายรังที่ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ในฤดูกาลต่อมาด้วยสัญญา 4 ปี เพื่อกอบกู้ความมั่นใจ

เมตาโบลิค อิสเทอร์บาสซ์

พอกลับมาบ้านหลังเก่าชีวิตของ มาริโอ เกิทเซ่ก็เริ่มดูดีขึ้น พอปรับตัวได้ก็เริ่มได้โอกาสลงเล่นต่อเนื่องมากขึ้น ทว่าก็ยังมีปัญหาอาการบาดเจ็บตามมารบกวนอยู่ไม่ขาดสาย แต่จากนั้นไม่นานชีวิตของ มาริโอ เกิทเซ่ก็ดันทะลึ่งมาเจอสึนามิลูกใหญ่ซัดเข้าชายฝั่งอีกครั้ง เพราะช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2017 เขาถูกถอดชื่อออกจากทีม โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ หลังถูกตรวจพบว่าเป็นโรค เมตาโบลิค อิสเทอร์บาสซ์หรือ โรคที่เกี่ยวพันกับระบบการเผาผลาญของร่างกายที่ผิดปกติส่งผลให้กล้ามเนื้อบางส่วนเกิดปัญหา และว่ากันว่าไอ้เจ้าโรคนี้มันติดตัวอยู่กับพี่แกมานานแล้ว และเป็นเบื้องหลังของปัญหาอาการบาดเจ็บทั้งหมดที่ มาริโอ เกิทเซ่เคยเจอมา

จากสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ มาริโอ เกิทเซ่ต้องพักรักษาตัวแบบไม่มีกำหนดอยู่ที่บ้าน (ณ เวลานั้น) เพื่อรอทางแพทย์หาทางรักษา โดยคุณพ่อของเขาได้พูดไว้ว่า "มาริโอ ยังทำอะไรไม่ได้มาก นอกจากนั่งรออยู่ที่บ้าน ยังไม่มีแผนและวิธีการรักษาเขาในตอนนี้"ฟังแล้วให้ความรู้สึกที่หดหู่ไม่ใช่น้อยเลยจริงๆ หลายคนอาจคิดว่าเต็มที่เขาอาจจะพักฟื้นแค่ทั้งซีซั่น แต่ในความปิดจริงไอ้เจ้าโรคนี้สามารถพังอนาคตคุณได้ทันที เพราะมีเรื่องของกรรมพันธุ์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย มันไม่อาจรักษาแบบหายขาดได้ มันก็เลยทำให้หลายๆฝ่าย เริ่มเป็นห่วงกลัวว่า มาริโอ เกิทเซ่ ต้องจบชีวิตค้าแข้งด้วยวัยเพียง 24 ปีเท่านั้น

ชีวิตเดิมเริ่มใหม่

หลังเจอโรคประหลาดลึกลับเล่นงานไปช่วงต้นปีจนต้องพักฟื้นอยู่แต่บ้านเป็นเวลานาน ในที่สุด มาริโอ เกิทเซ่ก็ได้โอกาสกลับคืนสู่สังเวียนฟลอร์หญ้าอีกครั้งในรอบหลายเดือนโดยเกิดขึ้นในเกมที่ ดอร์ทมุนด์บุกไปเอาชนะ โวล์ฟสบวร์ก3-0 ทุกอย่างหมือนจะดูดีขึ้น โดยตลอดช่วงฤดูกาล 2017-18 และ 2018-19 มาริโอ เกิทเซ่ได้ลงเล่นแตะหลัก 30 เกมต่อซีซั่น แต่สิ่งที่ยังเหมือนเดิมคือเกิทเซ่ ไม่ใช่ตัวหลักของทีมอีกต่อไป และก็ไม่ได้มีผลงานที่เฉิดฉายเหมือนสมัยก่อนแล้ว มันคือชีวิตเดิมที่แย่ๆ ซึ่งกำลังเกิดขึ้นใหม่อีกครั้ง

ประวัติอาการบาดเจ็บ

นับตั้งแต่ฤดูกาล 2009-10 จนถึงปัจจุบันว่ากันว่า มาริโอ เกิทเซ่เจอปัญหาอาการบาดเจ็บมามากมายหลายจุดทั่วร่างกาย และนี่คือประวัติด้านสุขภาพที่ทำให้เขาพลาดลงสนามตลอดช่วงที่ผ่านมา

2009-10 : เส้นใยกล้ามเนื้อฉีกขาด พัก 18 วัน

2010-11 : ไข้หวัดใหญ่ พัก 7 วัน

2011-12 : เส้นใยกล้ามเนื้อฉีกขาด พัก 7 วัน

2011-12 : กระดูกเชิงกรานหัก พัก 77 วัน

2012-13 : เจ็บตา พัก 14 วัน

2012-13 : เจ็บกล้ามเนื้อน่อง พัก 4 วัน

2012-13 : กล้ามเนื้อฉีกพัก 3 วัน

2012-13 : ติดเชื้อทางกระเพาะอาหาร พัก 3 วัน

2012-13 : ปัญหาทางกล้ามเนื้อ พัก 4 วัน

2012-13 : เส้นใยกล้ามเนื้อฉีกขาด พัก 21 วัน

2012-13 : มัดกล้ามเนื้อฉีก พัก 81 วัน

2013-14 : ภาวะแทรกซ้อนหลังผ่าตัด พัก 24 วัน

2013-14 : ปัญหาทางกล้ามเนื้อ พัก 4 วัน

2014-15 : แผลฟกช้ำที่หัวเข่า ไม่ต้องพัก

2015-16 : เจ็บกล้ามเนื้อน่อง พัก 4 วัน

2015-16 : ปัญหาความฟิต พัก 4 วัน

2015-16 : เจ็บกล้ามเนื้อเอ็นหลังหัวเข่า พัก 116 วัน

2015-16 : ปัญหาความฟิต พัก 14 วัน

2015-16 : ซี่โครงร้าว พัก 10 วัน

2016-17 : เจ็บกล้ามเนื้อน่อง พัก 11 วัน

2016-17 : เจ็บหัวเข่า พัก 7 วัน

2016-17 : กล้ามเนื้อตึง พัก 7 วัน

2016-17 : ปัญหาทางกล้ามเนื้อ พัก 14 วัน

2016-17 : โรคระบบเผาผลาญผิดปกติ พัก 129 วัน

2017-18 : เจ็บหลัง พัก 4 วัน

2017-18 : ปัญหาความฟิต พัก 4 วัน

2017-18 : เจ็บหน้า พัก 7 วัน

2017-18 : ปัญหาความฟิต พัก 4 วัน

2017-18 : ปัญหาความฟิต พัก 3 วัน

2017-18 : เอ็นข้อเท้าฉีก พัก 38 วัน

2017-18 : เจ็บหลัง พัก 8 วัน

2018-19 : ป่วย พัก 7 วัน

2018-19 : หลอดลมอักเสบ พัก 5 วัน

2018-19 : ปัญหาความฟิต พัก 6 วัน

2018-19 : ซี่โครงร้าว พัก 10 วัน

2019-20 : ไข้หวัดใหญ่ พัก 5 วัน

2019-20 : ป่วย พัก 4 วัน

>>> ดอร์ทมุนด์ แถลงชัด! อนาคต มาริโอ เกิทเซ่ อยู่หรือไปซัมเมอร์นี้ ?

หมดอนาคตกับ ดอร์ทมุนด์

“เราจะแยกทางกับ มาริโอ เกิทเซ่ ในช่วงซัมเมอร์นี้ มันเป็นการตัดสินใจร่วมกันทั้ง 2 ฝ่าย และต้องให้ความเคารพกับการตัดสินใจครั้งนี้ มาริโอ เกิทเซ่ เป็นผู้ชายที่ดีมากๆ “ 

นี่คือบทสัมภาษณ์ของ มิชาเอล ซอร์คผู้อำนวยการกีฬาของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ที่ยืนยันชัดเจนแล้วว่า หลังจบฤดูกาลนี้ มาริโอ เกิทเซ่ จะไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่ในรั้ว ซิกนัล อิดูน่า พาร์คบ้านหลังแรกของเขาอีกต่อไป ส่วนเหตุผลมันเป็นเพราะอะไรก็ ? คงทราบกันดีอยู่แล้ว ส่วนผลงานปีนี้ เกิทเซ่ได้ลงเล่นไป 21 เกม ยิงได้ 3 ประตู และยังคงสถานะเป็นอะไหล่สำรองหรือส่วนเกินของทีมต่อไป

แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีแฟนบอล, เหล่าตำนานดังๆ รวมถึงกูรูลูกหนังในเยอรมันหลายคนที่ยังคอยส่งกำลังใจให้ มาริโอ เกิทเซ่ ต่อสู้และผ่านพ้นเรื่องราวร้ายๆ นี้ไปให้ได้ พร้อมกลับมาเป็นเขาคนก่อน คนที่ได้ชื่อว่าเป็นนักเตะซุปตาร์ที่มีพรสวรรค์สูงและเทคนิครอบด้าน และเป็นความหวังของ ทีมชาติเยอรมัน ส่วนอนาคตข้าง มาริโอ เกิทเซ่จะย้ายไปอยู่ที่ไหนก็คงต้องติดตามกันต่อไป ?

HaMu Dos Santos

>>> เช็คพิกัด! 5 สถานีต่อไป ของ มาริโอ เกิทเซ่ เมื่อตัดสินใจแล้ว ขอชิ่ง ดอร์ทมุนด์ ดีกว่า

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ทางไลน์ขอบสนาม

เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0