เปิดใจ “แชมป์ นิชคาร์” “เราไม่ได้ทำอะไรผิด”

สัมภาษณ์พิเศษ เปิดใจ “วิทวัส ชินบารมี” กรรมการผู้จัดการ บริษัท นิช คาร์ กรุ๊ป จำกัด ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ระดับหรูในเมืองไทย หลังจากที่มีข่าวเกี่ยวกับการจับกุมรถยนต์หรูผิดกฎหมาย เมื่อปีก่อน จนเป็นที่สะเทือนไปทั้งวงการรถยนต์ รวมถึงการสูญเสียสิทธิ์ในการทำตลาดแบรนด์ “ลัมโบกีนี่” ไปเป็นที่เรียบร้อย ครานี้ “แชมป์” พร้อมเปิดใจกับทีมงาน เอ็มจีอาร์ มอเตอริ่ง มาอัพเดตกันว่า ปัจจุบัน เป็นอย่างไรจะก้าวเดินไปทางไหนต่อ

- สถานะของนิชคาร์เวลานี้

เรายังคงทำธุรกิจเกี่ยวรถยนต์ในระดับหรูต่อไป ปัจจุบันยังคงถือสิทธิ์ในการทำตลาดรถยนต์แบรนด์ แมคลาเรน, ปากินี่, โคนิคเซกก์, รูฟ และ โลตัส โดยมีการขยายธุรกิจเพิ่มเติมในส่วนของการให้บริการหลังการขายรถยนต์ซุปเปอร์คาร์ ทุกแบรนด์ ซึ่งพร้อมให้บริการแล้วในเวลานี้ ขณะที่อู่สี อยู่ระหว่างดำเนินการหากแล้วเสร็จจะเป็นการดูแลหลังการขายรถยนต์ซุปเปอร์คาร์แบบครบวงจร

- ภาพรวมธุรกิจของนิชคาร์

ปีนี้คาดว่าจะมียอดขายราว พันกว่าล้านบาท จากทุกแบรนด์รวมกัน สมัยก่อนอาจจะมีมากกว่านี้ เนื่องจากมีลัมโบกินี่ด้วย แต่เมื่อเสียสิทธ์ไปแล้ว ธุรกิจจึงต้องเดินหน้าต่อ ปัจจุบันเราจะเน้นการทำตลาดไปที่แบรนด์ แมคลาเรนเป็นหลักเพียงแบรนด์เดียว ซึ่งล่าสุดได้เข้าร่วมแสดงรถยนต์ในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป โดยนำ แมคลาเรน 600แอลที มาเปิดตัว มีโควต้าจำหน่ายทั้งสิ้น 6 คัน ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าจองครบจำนวนไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขณะที่รุ่นอื่นๆ สามารถขายได้เรื่อยๆ

- ตลาดซุปเปอร์คาร์เป็นอย่างไรบ้าง

ตลาดรถซุปเปอร์คาร์ในประเทศไทยยังคงดีอยู่ มียอดขายสม่ำเสมอ มีแบรนด์ระดับท้อปทำตลาดอย่างครบถ้วนแล้ว ในส่วนของแมคลาเรนแต่ละปีเราขายได้ประมาณ 20 คันกว่าคัน ส่วนปีหน้าคาดว่าจะมียอดขายเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 30 คัน ภาพรวมดีขึ้น ผลิตภัณฑ์ดี แบรนด์ได้ ยังขาดในเรื่องของประสบการณ์ลูกค้า ดังนั้นจะทำกิจกรรมกับลูกค้ามากขึ้น

- มีแผนลงทุนทำแบรนด์อื่นอีกหรือไม่

แบรนด์ใหม่อื่นๆ ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักในระดับโลก จึงยากที่จะมีเข้ามาทำตลาด ในระหว่างนี้เราคงไม่ทำอะไรเพิ่ม เน้นการทำตลาด แมคลาเรน เป็นหลักก่อน แต่อนาคตถ้ามีโอกาสจะทำเพิ่มอย่างแน่นอน อาจจะเป็นแบรนด์ที่ไม่แพงมากและมีราคาต่ำกว่าที่ขายอยู่

- ในส่วนของคดีความเป็นอย่างไร

อย่าถามเลย เรามั่นใจว่า เราทำทุกอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการหากคดีขึ้นสู่ศาล เราพร้อมที่จะสู้คดี ส่วนข้อมูลต่างๆ ในคดีคงไม่อาจจะเปิดเผยได้

ถึงบรรทัดนี้ ในฐานะนักธุรกิจ “แชมป์ วิทวัส” ไม่มีถอดใจ ต้องเดินหน้าทำตลาดสู้ต่ออย่างเต็มกำลัง สร้างแบรนด์ ฟื้นความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า ส่วนเรื่องของคดีความปล่อยให้เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม ผลลัพท์จะเป็นอย่างไรต้องติดตามต่อไป