จากกรณีโลกออนไลน์เกิดกระแสแชร์จากผู้ใช้เฟซบุ๊ก@สุรศักดิ์ วงษ์เวียน ระบุ"PREWEDDING งานวันนี้เป็นอีกหนึ่งงานในชีวิตตากล้องของผมที่บีบหัวใจเหลือเกิน พี่แจ๊คและน้องอ้อ เป็นคู่รัก ที่ชื่นชอบผลงานผมเหมือนคนทั่วๆไป น้องทั้งสองคนมีแพลนจะแต่งงานกันปลายปีนี้ มีแพลนจะถ่ายพรีเวดดิ้งกับผมเดือนหน้า แต่ทุกชีวิตล้วนไม่แน่นอน" พร้อมเผยภาพพรีเวดดิ้งสุดเศร้า ที่เจ้าสาวสวมชุดแต่งงานสีขาวยิ้มให้กับ กรอบรูป เจ้าบ่าวของเธอที่จากไปก่อนเวลาอันควร จนทำให้ภาพดังกล่าวกลายเป็นกระแสแชร์ต่อภาพสุดเศร้าสะเทือนใจไปทั่วทั้งสังคมออนไลน์อย่างล้นหลามกว่า 2.8 พันครั้งนั้น
เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ล่าสุดเมื่อวันที่ 17 มิ.ย. ผู้สื่อข่าว "เดลินิวส์ออนไลน์" ได้พูดคุยกับ นางนิรชา แซ่โล้ว หรือต้นอ้อ อายุ 29 ปี เจ้าสาวในรูปดังกล่าวได้เล่าเรื่องราวของความรักของเธอกับ "คุณแจ็ค-วัชระ แซ่โล้ว" วัย 35 ปีว่า เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ได้มีโอกาสพูดคุยและทำความรู้จักกับคุณแจ็คผ่านทางเฟซบุ๊ก จนตกลงปลงใจคบหากันซึ่งเขาเป็นคนที่ทำให้ตนเองยิ้ม หัวเราะ อยู่ด้วยแล้วสบายใจทุกครั้ง แต่เมื่อปีที่แล้วกลับมีเรื่องที่ทะเลาะกันรุนแรง แต่เมื่อคืนดีกัน คุณแจ็คได้พาไปจดทะเบียนสมรส เพราะอยากให้รู้ว่าเขาจริงจังกับความรักครั้งนี้มากขนาดไหน
"เราทั้งคู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาตั้งแต่ชีวิตยังลำบาก จนตอนนี้เริ่มดีขึ้น ก็คุยกันเรื่องแต่งงานที่จะจัดขึ้นในวันที่ 9 พ.ย. 62 โดยเมื่อคืนวันที่ 10 พ.ค.ที่ผ่านมา เราก็นั่งทานข้าว คุยเรื่องธีมงานแต่งงานที่อยากออกมาเป็นงานสนุกๆคล้ายๆงานวัด นั่งเลือกธีมชุดแต่งงาน ท่าโพสต์ต่างๆที่จะไปถ่ายพรีเวดดิ้งกับช่างภาพที่อ้อชื่นชอบ แต่ตกดึกพี่แจ็คกลับมีอาการชักเกร็ง ก็รีบพาส่งโรงพยาบาลทันที.. คุณหมอพยายามยื้อชีวิตเขาอยู่ 30 นาทีแต่ก็ไม่มีหวัง พี่แจ็คได้จากไปด้วยอาการหัวใจวายเฉียบพลัน มันเป็นอะไรกะทันหันมาก เราไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะได้เอ่ยคำร่ำลากันแม้แต่คำเดียว" คุณต้นอ้อกล่าว
อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากที่เริ่มทำใจได้ คุณอ้อได้ตัดสินใจที่ถ่ายพรีเวดดิ้งพร้อมกรอบรูปกับเจ้าบ่าวของเธอ เพราะป็นสิ่งสุดท้ายที่ทั้งคู้ได้พูดคุยและสัญญาให้กัน พร้อมขอบคุณทุกกำลังใจของชาวเน็ตที่ส่งมาให้เป็นจำนวนมาก "เราไม่อยากให้เขาเป็นห่วงหรือค้างคาใจ ตอนนี้ก็พยายามจะไม่ร้องไห้แล้ว แม้ว่าบ้านที่เราอยู่ ทุกๆที่จะมีเขาเต็มไปหมด แต่ก็จะกลั้นน้ำตาไว้ ไม่อยากให้เขาจากไปโดยยังมีห่วง ถ้าอ้อยังร้องไห้อีก ชีวิตตอนนี้คงจะเป๋ไปหมดแล้วเราดูแลคนข้างหลังไม่ได้ ก็หวังว่าเรื่องของเราจะสามารถเตือนใจใครหลายๆคน ที่ยังมีคนที่รัก ไม่ว่าจะเป็นพ่อ แม่ หรือคนรักอยู่ข้างๆให้เขาใช้เวลาที่อยู่ด้วยกันอย่างมีค่าที่สุด ใช้ชีวิตให้เต็มที่ เพราะเราไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้ของเรา จะมีโอกาสได้พูดมันอยู่อีกไหม" คุณต้นอ้อกล่าวทิ้งท้าย…
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก @นิรชา แซ่โล้ว,@สุรศักดิ์ วงษ์เวียน
