ย้อนรอย !! “ไอซ์ หีบเหล็ก” ฆาตกรรมอำพรางหญิงสาวหลายราย
เมื่อวันที่ (20 ม.ค.63) พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม อดีต ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 หนึ่งในชุดสืบสวนคดีฆาตกรรม ด.ญ.นวลปราง แสดงภาพถ่ายในคดีพร้อมเล่ากับผู้สื่อข่าว PPTV ว่า สมัยนั้นมียศเป็น ร.ต.อ. ปฏิบัติหน้าที่ฝ่ายสืบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาลใต้ โดยวันเกิดเหตุเป็นวันศุกร์ต้นเดือนตุลาคม พ.ศ. 2526 เวลาประมาณ 16.00 น. เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งว่ามีศพถูกหั่นยัดใส่กล่องโทรทัศน์ซิงเกอร์แล้วนำมาทิ้งไว้บริเวณ “ถนนตก” ในพื้นที่ทำงานสน.วัดพระยาไกร ก่อนขึ้นเชิงสะพานกรุงเทพ เมื่อตรวจสอบพบว่าศพที่ถูกนำมาทิ้งมีชิ้นส่วน แขน ขา และศีรษะหายไป เหลือเพียงช่วงตัว จึงประสานตำรวจท้องที่ต่าง ๆ ช่วยตามหา จนพบชิ้นส่วนที่หายไปถูกใส่ไว้ในกระเป๋าเดินทางวางทิ้งไว้ริมถนนเพชรเกษมในพื้นที่ สภ.นครชัยศรี สภาพศพยังไม่แข็ง คาดว่าเสียชีวิตไม่เกิน 6 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่จึงตามหาที่มาของกล่องโทรทัศน์จากเลขข้างกล่อง จนพบว่ามีผู้เช่าโทรทัศน์เครื่องนี้อยู่ในพื้นที่ตลาดพลู จึงเข้าไปตรวจสอบในวันรุ่งขึ้น
พล.ต.ท.สมคิด เล่าต่อว่า จากการสอบสวนผู้เช่าโทรทัศน์ ให้การว่าได้นำกล่องโทรทัศน์นี้ใส่เครื่องเล่นเทปที่ขโมยมา และขายให้กับ นายผยอง แสนทวี ที่พักอาศัยบนห้องพักชั้นลอยศูนย์การค้าองค์วิศิษฐ์และมีศักดิ์เป็นน้องภรรยาของนายเฉลิมชัย องค์วิศิษฐ์ เจ้าของศูนย์การค้า จึงเข้าตรวจสอบที่ห้องพัก พบห้องน้ำและผนังห้องนอนสะอาดผิดปกติ จึงจับกุมนายผยองในข้อหารับของโจร ก่อนสอบสวนเพิ่มจนสารภาพว่าเป็นผู้หั่นศพ ด.ญ.นวลปราง บุนนาค หลังพบเสียชีวิตในห้องนอนตัวเอง เจ้าหน้าที่จึงตรวจสอบห้องพักของนายผยองอีกครั้ง โดยรื้อฝ้าเพดานชั้นล่างและท่อน้ำที่ต่อตรงจากคอห่าน พบกระดูกคอที่ตรงกับศพ ด.ญ.นวลปราง เมื่อมีหลักฐานชัดเจนว่าเกิดการฆาตกรรมในห้องพักนี้ นายผยองจึงรับสารภาพว่าเป็นคนลงมือฆาตกรรมก่อนนำศพไปทิ้งเพื่ออำพราง
โดยปมเหตุของการฆาตกรรมครั้งนี้ นายผยอง ให้การว่าเกิดจาก ด.ญ.นวลปราง บุนนาค ซึ่งเป็นเด็กเร่ร่อนในย่านนั้น มาเคาะกระจกตู้ปลาราคาแพงบริเวณอควาเรียมศูนย์การค้า เมื่อเข้าไปต่อว่า กลับถูก ด.ญ.นวลปราง โต้ตอบด้วยถ้อยคำหยาบคาย จึงบันดาลโทสะลากตัวเข้าไปทุบตีทำร้ายร่างกายภายในห้องพัก ก่อนที่ ด.ญ.นวลปรางจะล้มลงศีรษะกระแทกขอบโต๊ะเสียชีวิต จึงอำพรางศพด้วยการหั่นแยกชิ้นส่วนใส่ในกล่องโทรทัศน์และกระเป๋าเดินทาง ใส่รถเก๋งของนายเฉลิมชัย องค์วิศิษฐ์ พี่เขย ก่อนนำไปทิ้งเพื่ออำพราง
ตร.พบข้อมูลด.ญ.12 ปี หายไปในบ้าน “ไอซ์ หีบเหล็ก”
ทั้งนี้แม้ว่านายผยองจะรับสารภาพว่าลงมือฆาตกรรมแต่เพียงผู้เดียว แต่ก็มีพิรุธหลายจุด ทำให้ตำรวจคาดว่ามีผู้เกี่ยวข้องในคดีมากกว่า 1 คน เช่น การชี้จุดเกิดเหตุบางส่วนคลาดเคลื่อน พื้นที่ที่นำศพไปทิ้งทั้ง 2 จุดอยู่ห่างไกลกัน รถที่ใช้อำพรางศพเป็นรถเก๋งของนายเฉลิมชัย ประกอบกับการที่นายเฉลิมชัยมีข้อพิพาททะเลาะวิวาทเป็นประจำและเคยมีคดีทำร้ายร่างกายลูกค้าที่มาซื้อปลา ทำให้มีการเรียกนายเฉลิมชัยมาสอบปากคำ แต่นายเฉลิมชัยปฏิเสธไม่รู้เห็น พร้อมระบุว่ารถเป็นรถที่สลับกันใช้ทั้งนายเฉลิมชัย ภรรยา และนายผยอง หลักฐานทั้งหมดที่ตำรวจจึงไม่เพียงพอที่จะเชื่องโยงไปเอาผิดนายเฉลิมชัย หรือ พ่อของนายไอซ์ เพราะเวลานั้นยังไม่มีเทคโนโลยีที่ดีพอในการพิสูจน์ดีเอ็นเอ ผู้ต้องหาในคดีนี้จึงมีเพียงนายผยองเท่านนั้น
เมื่อนับย้อนไปพบว่าคดีฆาตกรรม ด.ญ.นวลปราง ผ่านมา 36 ปีแล้ว เมื่อเทียบเคียงกับอายุนายอภิชัย หรือ “ไอซ์” จะพบว่าขณะนั้นน่าจะมีอายุประมาณ 4 ขวบ ก่อนที่อีกประมาณ 5-6 ปี หลังคดี ด.ญ.นวลปราง นายเฉลิมชัย บิดานายไอซ์ จะถูกยิงเสียชีวิต โดยมีแม่ของตัวเองตกเป็นผู้ต้องสงสัย และภายหลังมีคนใกล้ชิดให้ข้อมูลว่า แม่นายไอซ์ได้เดินทางไปอยู่ต่างประเทศกับน้องนายไอซ์ และทิ้งนายไอซ์ไว้อยู่กับป้าพร้อมกับเงินสดและทรัพย์สมบัติจำนวนหนึ่ง
คดี “ไอซ์หีบเหล็ก” จนท.เริ่งติดตามตัวสาววัยรุ่นอีกราย!
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวพีพีทีวี นำข้อมูลนี้ไปสอบถาม นพ. วรตม์ โชติพิทยสุนนท์ จิตแพทย์และโฆษกกรมสุขภาพจิต ระบุว่า ตามหลักการสภาพแวดล้อมมีผลมากต่อพฤติกรรม หากเติบโตในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยความรุนแรง ก็มีโอกาสสูงที่เด็กจะโตมามีพฤติกรรมรุนแรง แต่ก็ต้องดูปัจจัยด้านกายภาพ เช่น พันธุกรรม ปัญหาทางสมอง และปัจจัยด้านจิตใจ เช่น โรคทางจิตเวช และอย่างกรณีของนายไอซ์ก็มีการใช้สารเสพติด ร่วมด้วย
ชาวบ้านแฉพฤติกรรม “ไอซ์หีบเหล็ก” พาสาวกลับบ้านทุกคืนไม่ซ้ำหน้า