โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

เปิดใจแพทย์-พยาบาลในสหรัฐฯ “เราอาจเป็นคนสุดท้ายที่พวกเขาได้เจอ”

TODAY

อัพเดต 28 มี.ค. 2563 เวลา 12.04 น. • เผยแพร่ 28 มี.ค. 2563 เวลา 11.50 น. • Workpoint News
เปิดใจแพทย์-พยาบาลในสหรัฐฯ “เราอาจเป็นคนสุดท้ายที่พวกเขาได้เจอ”

วันนี้ (28 มี.ค.) สหรัฐอเมริกาได้กลายเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ สูงสุดในโลกแล้ว ถึงกว่า 104,837 คน หลังเพิ่มขึ้นอีก 14,600 คน ภายใน 24 ชั่วโมง ขณะที่ยอดเสียชีวิตอยู่ที่ 1,711 ราย

เมื่อนายแอนดรูว์ คูโอโม ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก พื้นที่เชื้อระบาดหนัก มีผู้ติดเชื้อราว 45,000 คน ขอให้รัฐบาลกลางสนับสนุนเครื่องช่วยหายใจ 30,000 เครื่อง เพื่อมารองรับคนไข้ที่จะล้นโรงพยาบาลในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา กลับกล่าวว่า ไม่เชื่อว่านิวยอร์กจะต้องใช้เครื่องเยอะถึงขนาดนั้น

ซีเอ็นเอ็น รายงานถึงปฏิกิริยาคล้ายกันของที่ปรึกษาด้านการค้าของรัฐบาลทรัมป์ คือนายปีเตอร์ นาวาร์โร ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีเอ็นเอ็น ตำหนิสื่อว่าไม่ควรเสนอข่าวเร้าอารมณ์ จนทำให้คนรู้สึกเกินจริงว่าโรงพยาบาลกำลังขาดแคลนอุปกรณ์ป้องกันติดเชื้อส่วนบุคคล เพราะจะทำให้งานของรัฐบาลยุ่งยากขึ้น และจะทำให้เจ้าหน้าที่การแพทย์ทำงานหนักขึ้น

ซีเอ็นเอ็นจึงสัมภาษณ์ความรู้สึกของบุคลากรทางการแพทย์ในสหรัฐฯ ว่าสถานการณ์การทำงานของพวกเขาเป็นอย่างไร และรู้สึกอย่างไรต่อสิ่งที่เกิดขึ้นในขณะนี้

 

"เจ็บปวดใจที่สุด"

พยาบาลประจำห้องไอซียู โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยชิคาโก บอกว่า เธอกลัวที่ต้องเห็นว่าสภาพห้องไอซียูจะเป็นอย่างไรในสัปดาห์หน้า ขณะที่สภาศัลยแพทย์แห่งสหรัฐฯ กล่าวว่า นครชิคาโกเป็นหนึ่งในจุดที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 รุนแรงที่สุดในประเทศ

"จำนวนผู้ป่วยโควิด-19 กำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทุกวัน และเราทุกคนรู้สึกวิตกถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น ถ้าตอนนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้น ทุกอย่างก็จะกำลังเลวร้ายลงเรื่อยๆ"

เธอบอกว่า ตอนที่เธอทำงานอยู่ในแผนกผู้ป่วยโควิด-19 พยาบาลบางคนไม่อยากกินหรือดื่มอะไรเลยตลอด 12 ชั่วโมง เพราะพวกเขากลัวที่จะต้องกลับมาสวมอุปกรณ์ป้องกันภัยส่วนบุคคล หรือ PPE ชุดเดิมซ้ำอีก และเป็นเรื่องยากที่ได้เห็นไวรัสพรากชีวิตสมาชิกครอบครัวไป ในขณะที่ญาติพี่น้องไม่สามารถเดินทางมาเยี่ยมได้

"มันน่าปวดใจมากๆ สำหรับหรับครอบครัวของคนไข้ที่จำเป็นต้องอยู่แต่ในบ้าน ขณะที่คนที่รักกำลังต่อสู้เพื่อมีชีวิตรอด" เธอบอกว่าเธอเคยร้องไห้หลายครั้งเมื่อต้องโทรแจ้งอาการของผู้ป่วยให้ครอบครัวได้ทราบ และเธอได้แต่หวังว่าพวกเขาจะหายป่วยในเร็ววัน

 

"ฉันร้องไห้ตลอดทางกลับบ้าน"

พยาบาลคนหนึ่งซึ่งทำงานที่โรงพยาบาลในเขตลอง ไอร์แลนด์ ในรัฐนิวยอร์ก ได้โพสต์เรื่องราวความรู้สึกของเธอเมื่อวันพุธ ตอนหนึ่งว่า "ฉันนอนไม่หลับทั้งคืน เพราะจิตใจว้าวุ่นไปหมด"

พยาบาลคนดังกล่าว ซึ่งทำงานในแผนกคัดแยกผู้ป่วยโควิด-19 บอกว่า คืนก่อนหน้านี้ คือสิ่งเลวร้ายที่สุดเท่าที่เคยพบมาในชีวิต คนไข้เดินทางมายังโรงพยาบาลอย่างไม่ขาดสาย หลายคนมีอาการไอ เหงื่อออก มีไข้ และความกลัวที่สะท้อนออกมาทางดวงตา ทำให้เธอต้องแอบไปร้องไห้ในห้องน้ำในช่วงพักเบรก จนต้องถอดหน้ากากป้องกัน ที่ทำให้ใบหน้าเธอมีรอยช้ำ

เธอบอกว่า เธออร้องไห้ให้เพื่อนร่วมงาน เพราะเรารู้ว่าทุกอย่างกำลังจะแย่ลง และเธอรู้สึกว่าได้เดินทางมาถึงจุดที่จะทนไม่ไหวอีกแล้ว และเธอร้องให้ให้กับพ่อแม่ ลูก ญาติ และพี่น้อง ที่ไม่สามารถอยู่ดูแลคนที่รัก ซึ่งอาจจะต้องเสียชีวิตลงในไม่ช้า แต่ไม่สามารถอนุญาตให้ญาติมาเยี่ยมได้

เธอโพสต์ข้อความว่า "ฉันขอให้ทุกคนอยู่แต่ในบ้าน เพราะฉันไม่ได้อยู่บ้าน และหากคุณไม่ยอมฟัง ทุกอย่างก็จะถึงจุดจบ มันดูเหมือนหนังแต่นี่คือชีวิตจริง และฉันเองก็ไม่เชื่อว่านี่คือเรื่องจริง"

 

"ผมอาจเป็นคนสุดท้ายที่พวกเขาได้เจอ"

ดร. โครี่ เดอเบิร์กเกรฟ วิสัญญีแพทย์ประจำมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ กล่าวว่า สัปดาห์นี้เขาทำงานไปแล้ว 94 ชั่วโมง เขาได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ในการช่วยใส่ท่อช่วยหายใจแก่ผู้ป่วยโควิด-19

เดอเบิร์กเกรฟ บอกว่า การใส่ท่อช่วยหายใจ ถือเป็นหนึ่งในกระบวนการที่มีความเสี่ยงมาก เนื่องจากเราจะต้องอยู่ใกล้กับปากของผู้ป่วยในขณะที่ค่อยๆ สอดท่อ และผู้ป่วยมักจะไอหรือสำลักเอาสารคัดหลั่งออกมา ซึ่งอาจทำให้ไวรัสแพร่กระจายในอากาศที่เราหายใจ

เขายังบอกว่า เขาและเพื่อนร่วมงานต่างรู้สึกช็อคที่ได้เห็นว่าโรคนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในผู้สูงอายุเท่านั้น ผู้ป่วยมีอายุไล่ไปตั้งแต่ 30, 40 และ 50 ปี "สิ่งที่น่าเศร้าใจมากที่สุดสำหรับเขาคือการที่ได้รู้ว่าผู้ป่วยบางคนจะไม่มีชีวิตรอด นั่นทำให้พวกเขาไม่ได้รับอนุญาตให้ใครมาเยี่ยมได้ และเขาอาจเป็นคนสุดท้ายที่ผู้ป่วยได้เจอ หรือได้คุยด้วย เนื่องจากหน้าที่เขาคือการวางยาสลบ ก่อนหน้าการใช้เครื่องช่วยหายใจ

 

"แทบจะขยับตัวไปไหนไม่ได้ ทุกที่มีแต่ผู้ป่วย"

แพทย์ประจำห้องฉุกเฉินในโรงพบาลแห่งหนึ่งในเขตควีนส์ ของนครนิวยอร์ก บอกว่า แพทย์และพยาบาลจะต้องทำงานในสภาพที่แออัด เนื่องจากในห้องฉุกเฉินเต็มไปด้วยเปลหาม ที่ถูกวางแทบจะชนกัน โดยไม่มีช่องว่างให้เคลื่อนย้ายผู้ป่วยได้ เมื่อผู้ป่วยเริ่มมีอาการแย่ลง เราเองก็หวังที่จะเคลียร์พื้นที่ได้ เพื่อนำผู้ป่วยรายนั้นไปยังพื้นที่สำหรับดูแลผู้ป่วยหนัก

แพทย์รายดังกล่าวบอกว่า พื้นที่สำหรับดูแลผู้ป่วยหนักเองก็เต็มไปด้วยผู้ป่วยอาการหนักจำนวนมาก และผู้ป่วยที่รอรักษาตัวในโรงพยาบาล ต้องนั่งรอบนเก้าอี้ เพราะไม่มีเตียงว่าง หรือห้องว่าง

แพทย์ยังกล่าวว่า สิ่งที่น่ากังวลอีกอย่างหนึ่งคือถังออกซิเจนแบบเคลื่อนย้ายได้ ที่มีไม่เพียงพอ "เราเสี่ยงที่จะเผชิญเหตุการณ์เช่นนั้นทุกๆ วัน"

 

"ไม่มีอะไรอะไรดีเลย"

พยาบาลรายหนึ่งที่โรงพยาบาลเอล์มเฮิร์สต์ ในนครนิยอร์ก บอกว่า บุคลากรทางการแพทย์กำลังตกอยู่ในสภาพของความหวาดระแวงอยู่ตลอดเวลา

"เราไม่รู้เลยว่าเราติดเชื้อไวรัสหรือยัง และเรากลัวว่าเราจะแพร่เชื้อให้คนอื่น"

จากแถลงการณ์ของเครือข่ายโรงพยาบาล NYC Health+Hospitals/Elmhurst เมื่อวันพุธ พบว่ามีผู้เสียชีวิตที่โรงพยาบาลในเขตควีนส์ ในช่วง 24 ชั่วโมง อย่างน้อย 13 คน และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลกำลังทำงานอย่างสุดความสามารถในการรับมือ

ดร. คอลลีน สมิธ แพทย์ประจำห้องฉุกเฉินที่เอล์มเฮิร์สต์ กล่าวว่า ผู้นำในรัฐบาลนับตั้งแต่ประธานาธิบดี จนถึงรัฐมนตรีสาธารณสุข และผู้อำนวยการโรงพยาบาลต่างกล่าวเหมือนๆ กันว่า ทุกอย่างกำลังจะดีขึ้น และจากมุมองของเรา "ทุกอย่างไม่ได้ดี"

เธอบอกว่าในห้องฉุกเฉินเต็มไปด้วยผู้ป่วยโควิด-19 ทุกเตียง ส่วนที่นอกอาคารโรงพยาบาลมีรถห้องเย็นสำหรับเก็บร่างผู้เสียชีวิต จอดอยู่

"ไม่ได้รับการสนับสนุนในสิ่งที่เราต้องการ หรือแม้แต่เครื่องมือที่จำเป็นต่อการดูแลผู้ป่วย และที่นี่คืออเมริกา ซึ่งเราควรจะเป็นประเทศโลกที่หนึ่ง"

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0