วันที่ 11 พ.ย. 62 กรณีเฟซบุ๊กชื่อ “Arak Wongworachat” ซึ่งเป็นเฟซบุ๊กส่วนตัวของ นพ.อารักษ์ วงศ์วรชาติ ผอ.รพ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช ได้มีการเขียนข้อความและโพสต์ภาพก้อนนิ่วในถุงน้ำดีและท่อน้ำดี โดยมีลักษณะเหมือนไข่มุกในชานม ซึ่งมีจำนวนมากกว่า 800 ก้อน
ล่าสุด นพ.อารักษ์ เปิดเผยว่า ผู้ป่วยรายนี้เป็นผู้ป่วยสูงอายุเพศชาย มีอาการไข้ ปวดท้องมากที่ชายโครงด้านขวา กินไม่ได้ นอนไม่หลับ คนไข้คิดว่าตัวเองเป็นโรคกระเพาะ พอไปดูประวัติย้อนหลังเคยมา รพ.สิชลถึง 3 ครั้ง ครั้งแรกลองให้ยาไปกินก็ดีขึ้น ในขณะนั้นผู้ป่วยตัวยังไม่เหลือง ตายังไม่เหลือง ไม่มีไข้ ครั้งที่ 2 มา รพ.อีก ก็เหมือนเดิม แต่มาครั้งนี้ปวดท้องหนักมาก ตัวเหลืองมีไข้สูง หมอจึงนำไปอัลตราซาวด์และเอ็กซ์เรย์คอมพิวเตอร์ก็เจอนิ่วจำนวนมาก และมีท่อน้ำดีอักเสบติดเชื้อย่างรุนแรง ความดันต่ำ และติดเชื้อในกระแสเลือดด้วย
คนไข้มีความเสี่ยง 50-50 อาจจะถึงขั้นเสียชีวิตได้ วิธีผ่าของคนไข้รายนี้ไม่ได้ผ่าแบบธรรมดา เมื่อผ่าไปแล้วปรากฏว่าถุงน้ำดีใกล้แตกเต็มทีแล้ว เมื่อเปิดถุงน้ำดีก็พบว่ามีนิ่วอุดตันในท่อน้ำดีอีกด้วย นอกจากตัดถุงน้ำดีอย่างประณีตไม่ให้แตกแล้ว หมอศัลยกรรมจะต้องเปิดท่อน้ำดีเข้าไปเอานิ่วที่อยู่ในท่อออกให้หมดด้วย ต้องใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมง
ทั้งนี้ ลักษณะนิ่วคล้ายไข่มุกที่เรากินอยู่ในชาสีดำคล้ำ ๆ แข็งบ้าง นิ่มบ้าง หมอก็พยายามนับจำนวนนิ่ว เพราะว่ามีหนองอยู่ด้วย นับไปได้กว่า 800 เม็ด หลังจากนั้นเลิกนับเพราะเยอะเกิน และมีเม็ดเล็กขนาดหัวเข็มหมุดจำนวนมากกว่าพันเม็ด ซึ่งมากที่สุดเท่าที่เคยผ่าตัดมา
ผู้ป่วยรายนี้ก็เข้าอยู่ห้องไอซียู 4 วัน และพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลต่ออีก 5 คืน รวม 10 คืน ขณะนี้ผู้ป่วยรายนี้ปลอดภัยและออกจาก รพ.แล้ว ค่ารักษาเกือบ 2 แสนบาท แต่ใช้บัตรทองจึงไม่ต้องจ่ายอะไรเลย ตนดีใจมากที่เขารอดชีวิตมาได้ เพราะหากมาพบหมอช้าเพียง 1 วัน ถุงน้ำดีที่บวมเป่งเต็มที่แล้วอาจจะแตก และอาจจะเสียชีวิตลงได้
สำหรับผู้ป่วยรายนี้น่าจะเกิดจากการที่ผู้ป่วยเป็นเบาหวานอ่อน ๆ โดยไม่รู้ตัว ประกอบกับผู้ป่วยดื่มสุราด้วย จึงมีปัญหาเรื่องตับ ซึ่งคนไข้ที่มีภาวะผิดปกติของตับทำให้การขับไขมันคอเลสเตอรอลในเลือดออกมามาก ยืนยันว่ารายนี้ไม่เกี่ยวกับไข่มุกที่ใส่ในชานม ไม่ได้หมายความว่าคนที่กินชาไข่มุกเข้าไปแล้วจะทำให้เกิดนิ่วในถุงน้ำดี แต่ชาไข่มุกที่กินเข้าไปทุกวันก็มีผลทางอ้อม คือปริมาณน้ำตาลที่เยอะเกินไปก็อาจทำให้เสี่ยงเป็นโรคเบาหวานและโรคอ้วนได้
https://youtu.be/PpWsNS3jL64