โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

เปิดโลกของ นิค บาโรส ช่างแต่งหน้าสายเลือดไทย ผู้อยู่เบื้องหลังลุคสวยของดาราแถวหน้าในเวทีออสการ์

THE STANDARD

อัพเดต 21 ก.พ. 2562 เวลา 12.38 น. • เผยแพร่ 21 ก.พ. 2562 เวลา 12.35 น. • thestandard.co
เปิดโลกของ นิค บาโรส ช่างแต่งหน้าสายเลือดไทย ผู้อยู่เบื้องหลังลุคสวยของดาราแถวหน้าในเวทีออสการ์
เปิดโลกของ นิค บาโรส ช่างแต่งหน้าสายเลือดไทย ผู้อยู่เบื้องหลังลุคสวยของดาราแถวหน้าในเวทีออสการ์

แม้ทุกปีจะมีอีเวนต์ใหญ่ระดับโลกเกิดขึ้นมากมาย แต่หนึ่งในนั้นที่จะไม่พูดถึงเป็นไม่ได้คือ พิธีมอบรางวัลออสการ์ งานที่เหล่าดาราและคนมีชื่อเสียงระดับท็อปของโลกตบเท้าร่วมงานอย่างคับคั่ง และ นิค บาโรส (Nick Barose)คือช่างแต่งหน้าสายเลือดไทยผู้คร่ำหวอดอยู่ในแวดวงความงามระดับโลกมายาวนานถึง 25 ปี และเขาเป็นผู้อยู่เบื้องหลังลุคสวยๆ ของดาราในเวทีออสการ์ โดยปีนี้เขาได้รับการยกย่องจากนิตยสาร Variety ในงานออสการ์ประจำปี 2019 นี้ด้วย

 

ไฮไลต์สำคัญของ นิค บาโรส คือการได้เป็นผู้ครีเอตลุคความงามให้กับ ลูพิตา เอ็นยองโก (Lupita Nyong’o) นักแสดงเจ้าบทบาทดีกรีเจ้าของรางวัลออสการ์ปี 2016 THE STANDARD ถือโอกาสสำคัญนี้สอบถามเขาถึงตัวตน จุดเปลี่ยนในชีวิต รวมถึงการทำงานที่สร้างผลงานการแต่งหน้าให้กับนักแสดงระดับฮอลลีวูดมากมาย

 

*คุณรู้ตอนไหนว่าตัวเองชอบศาสตร์การแต่งหน้า *

ผมโตในกรุงเทพฯ ประเทศไทย มีพี่สาว 2 คน และลูกพี่ลูกน้องส่วนใหญ่ก็เป็นผู้หญิง ผมก็เลยโตมากับการเล่นตุ๊กตากระดาษกับพวกเขา บางทีก็แกล้งทำเป็นว่าเรากำลังจัดแสดงแฟชั่นโชว์ ผมเป็นคนแต่งตัวให้เขาทั้งหมด รวมทั้งแต่งหน้าเองด้วย แต่ตอนนั้นก็ยังไม่รู้หรอก จนกระทั่งย้ายไปนิวยอร์กเพื่อเรียนการออกแบบภูมิทัศน์และการตกแต่งภายในที่โรงเรียนออกแบบพาร์สัน ทำให้รู้ตัวว่าสนใจการแต่งหน้า ก็เลยทำพอร์ตโฟลิโอกับเพื่อน โดยใช้นางแบบสมัครเล่นมาเป็นแบบแต่งหน้า แล้วเพื่อนก็แนะนำให้ไปสมัครเป็นผู้ช่วยของ เควิน โอคอยน์ (Kevyn Aucoin) ผมก็เขียนจดหมายไปขอเป็นผู้ช่วยเขา งานแรกที่เขามอบหมายให้ผมทำคือ นิวยอร์กแฟชั่นวีก ซึ่งเป็น 4 โชว์ใหญ่ จากวันนั้นถึงวันนี้ก็เป็นเวลาเกือบ 25 ปีแล้ว ที่ยึดการแต่งหน้าเป็นอาชีพ

 

*จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในชีวิต *

คงเป็นตอนวัยรุ่นสมัยอยู่ที่กรุงเทพฯ เคยเป็นเด็กแก่นเซี้ยวที่มีความกบฏในตัวเอง และต้องการแสดงออกถึงความครีเอทีฟบางอย่าง แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร ก็เลยเริ่มออกไปเที่ยวปาร์ตี้ตลอดเวลา เพราะมันสนุกที่ได้แต่งตัว ได้แสดงออก ได้เป็นตัวเอง คุณพ่อกับคุณแม่ก็เลยส่งผมไปอยู่นิวยอร์กกับลูกพี่ลูกน้อง ซึ่งตอนไปเรียนที่พาร์สัน ถือเป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่ในชีวิต แต่ก็พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงนะ แม้บางครั้งจะอดคิดไม่ได้ว่าจะเป็นอย่างไร ถ้าไม่ได้กลับบ้านหรือไม่ได้กลับมาใช้ชีวิตที่บ้าน แต่โชคดีที่ต้องกลับมาหาคุณพ่อคุณแม่และครอบครัวที่กรุงเทพฯ ปีละ 2 ครั้ง และมันก็ดีมากๆ ที่พอกลับมาก็มีงานมากมายให้ทำ เช่น การร่วมทำโปรเจกต์กับนิตยสาร Vogue Thailand ได้ทำงานร่วมกับแบรนด์ Srichand และ Asava รวมถึงงานถ่ายทำโฆษณาต่างๆ ด้วย แม้พี่สาวคนโตของผมจะอาศัยอยู่ที่แอลเอ แต่การอยู่ที่โน่นผมก็ต้องทำงานเยอะมาก ผมได้เจอพี่สาวพร้อมกับหลานๆ อย่างน้อยแค่เดือนละครั้งเอง แต่อย่างน้อยผมก็โชคดีที่ไม่ต้องคิดถึงบ้านมาก เมื่อได้ไปเจอกับครอบครัว

ธรรมชาติของธุรกิจนี้คือ ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้เสมอ ดังนั้นปล่อยให้มันเป็นไป แต่ต้องทำให้เป็นไปได้ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมคุณจะต้องตื่นตัวอยู่เสมอ และหัดรับผลดีผลเสียให้เป็น

 

จุดเริ่มต้นที่ทำให้คุณได้ก้าวเข้าสู่การเป็นช่างแต่งหน้า

ช่วงที่เรียนอยู่ก็ได้รู้จักกับเพื่อนนักเรียนที่เรียนถ่ายภาพ พอได้ทดลองถ่ายงานด้วยกัน เขาแนะให้ผมไปสมัครเป็นผู้ช่วยของเควิน (โอคอยน์) เมกอัพอาร์ทิสต์ชื่อดังมาก และผมชอบงานเขามากเลย ก็เลยเขียนจดหมายไปขอเป็นผู้ช่วยของเขา ซึ่งตอนนั้นรู้สึกจะเรียนอยู่ปีสุดท้าย แล้วเขาก็จ้างผมให้ไปช่วยงานแฟชั่นโชว์ งานถ่ายแบบในนิตยสาร Vogueรวมถึงแคมเปญบิวตี้ต่างๆ เป็นประตูที่เปิดโอกาสให้ผมได้ก้าวเข้ามาตรงนี้ หลังจากนั้นเขาก็แนะนำลูกค้าเซเลบริตี้มาให้ผมเรื่อยๆ จนตอนนี้ผมมีลูกค้าของตัวเอง

 

ดาราคนแรกที่เป็นลูกค้า และการแต่งหน้างานพรมแดงแรกในชีวิต ดาราคนแรกที่เป็นลูกค้าของผมคือ คิม แคททรัลล์ (Kim Cattrall) ตอนนั้นเธอกำลังดังมากจาก Sex and the Cityเมื่อคิมถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Emmy Awards ผมก็ได้แต่งหน้าให้คิม เพื่อเข้าร่วมงานประกาศรางวัลนั้น การทำงานร่วมกับคิมเป็นอะไรที่ง่ายมาก เพราะผมทำงานกับเธอบ่อย คิมเป็นคนที่ยอดเยี่ยม ผมได้เรียนรู้จากเธอเยอะมาก เป็นคนที่คอยให้การสนับสนุน และช่วยแนะนำชื่อผมให้กับดาราคนอื่นๆ จนคนอื่นๆ เริ่มกลายมาเป็นลูกค้าของผมเหมือนกัน

 

คุณมีวิธีทำงานกับเหล่าคนดังอย่างไรดูแลพวกเขาเหมือนคนธรรมดาทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นนักธุรกิจหญิงหรือศิลปินดารา ผมก็ต้องดูแลพวกเขาให้เหมือนอย่างที่เราอยากถูกปฏิบัติ ผมคิดว่าเหล่าศิลปินดาราที่ผมทำงานด้วย ต่างก็ชอบตรงที่ผมทำอะไรให้มันง่ายๆ เป็นปกติ ไม่มีการสร้างภาพลวงตา นั่นคืองานที่ผมต้องทำให้ราบรื่น และธรรมชาติของธุรกิจนี้คือ ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้เสมอ ดังนั้นก็ปล่อยให้มันเป็นไป แต่ต้องทำให้มันเป็นไปได้ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมคุณจะต้องตื่นตัวอยู่เสมอ และหัดรับผลดีผลเสียให้เป็น ทุกอย่างจะลงตัวได้เอง แม้ว่าตอนแรกเราอาจจะไม่ได้เห็นเป็นแบบนั้นก็ตาม ยกตัวอย่างเช่น ครั้งหนึ่งผมถูกแคนเซิลงานในนาทีสุดท้าย จากนักแสดงที่ไม่ซื่อสัตย์และไม่เคารพเรื่องเวลา เหตุการณ์นั้นทำให้ผมพลาดอีกงานไป ยอมรับว่ารู้สึกแย่มาก แต่หลังจากนั้นไม่นาน ทางบริษัทตัวแทนก็โทร.มาถามว่า ผมสะดวกจะทำงานให้กับ ทิลดา สวินตัน (Tilda Swinton) ไหม และทิลด้าเป็นนักแสดงที่เลิศยิ่งกว่าคนเก่าที่ยกเลิกงานผมไปเสียอีก ดังนั้นทุกอย่างก็ลงตัวของมันเอง และส่วนนักแสดงคนนั้นก็ตกกระป๋องไป

ยากที่สุดคือ ต้องทำงานให้อยู่ในตาราง และภายในเวลาที่กำหนด บางทีสถานการณ์บังคับว่าเราต้องรีบแล้ว แต่เราก็ยังต้องใจเย็น แม้ว่าข้างในใจกำลังจะสติกระเจิงอยู่ก็ตาม

 

คุณเตรียมตัวก่อนทำงานยักษ์ อย่างงานประกาศรางวัลออสการ์อย่างไร

นี่จะเป็นครั้งที่ 4 ของผม ที่ได้แต่งหน้าให้ดาราในเวทีออสการ์ ซึ่งเป็นการแต่งหน้าให้กับนักแสดง ลูพิตา เอ็นยองโก ทั้งหมด ตั้งแต่ตอนที่เธอคว้ารางวัลออสการ์สาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมเมื่อปี 2016 การเตรียมงานจะเริ่มจากการดูชุดและเครื่องประดับ แล้วมาสรุปไอเดียว่าจะแต่งหน้าออกมาอย่างไร แต่ผมไม่เคยมีไอเดียเดียวหรอก เพราะเราจะไม่มีทางรู้เลยว่ามีอะไรจะเปลี่ยนแปลงกะทันหันบ้าง ถ้าต่างหูหรือทรงผมถูกเปลี่ยนในนาทีสุดท้าย เนื่องจากไอเดียที่คิดไว้แต่แรกอาจไม่เวิร์ก ผมเลยต้องมีไอเดียอื่นด้วยเสมอ และต้องเสกให้มันเป็นไปได้ภายใน 10 นาที ก่อนที่ดาราจะเดินออกไป ถ้าดาราจะต้องทาริมฝีปากสีแดง ผมจึงต้องเตรียมลิปสติกโทนสีแดงในเฉดที่แตกต่างราวๆ 5-6 ตัวเลือก เอาไว้ด้วย

ลุคแต่งหน้าเพื่อเดินพรมแดงแตกต่างจากการแต่งหน้าทั่วไปขนาดนั้นเลยหรือ

ในงานพรมแดงอย่างงานออสการ์ เราไม่เพียงต้องแต่งหน้าเพื่อให้ดาราเฉิดฉายในพรมแดงเท่านั้น ต้องคำนึงถึงแสงตอนกลางวัน แสงแฟลชจากกล้องถ่ายรูปของบรรดาช่างภาพ รวมถึงการให้สัมภาษณ์วิดีโอ แล้วดาราค่อยเข้าไปที่งานประกาศรางวัลออสการ์ซึ่งอยู่ภายใน ดังนั้นการแต่งหน้าก็ต้องทำงานร่วมกับแสงทุกชนิดที่ดาราจะต้องเจอ เราไม่สามารถแต่งหน้าหนักๆ เพื่อขึ้นเวทีได้ เพราะมันจะดูหนักอย่างเห็นได้ชัดตอนอยู่บนภาพถ่าย ขณะเดียวกันจะแต่งหน้าเบาเกินไปก็ไม่ได้ เพราะเมื่ออยู่บนเวทีเมกอัพจะดูหายไปเลย

 

ส่วนที่หินที่สุดในงานของคุณคืออะไรยากที่สุดคือ ต้องทำงานให้อยู่ในตาราง และภายในเวลาที่กำหนด บางทีสถานการณ์บังคับว่า เราต้องรีบแล้ว แต่เราก็ยังต้องใจเย็น แม้ว่าข้างในใจกำลังจะสติกระเจิงอยู่ก็ตาม นี่คือเหตุผลที่ผมไม่รับงานแต่งหน้าให้ดาราในงานประกาศรางวัลออสการ์ 2 คน นอกจากว่าพวกเธอเป็นเพื่อนกัน และผมก็แต่งหน้าได้ง่ายโดยไม่ต้องรีบ ส่วนอื่นที่ยากเหมือนกันคือ การรับมือกับอีโก้ของผู้คน ซึ่งจากประสบการณ์ 25 ปีที่อยู่ในแวดวงนี้ ทำให้ผมรู้ว่าใครควรหลีกเลี่ยง ผมจึงมักทำงานกับคนที่ผมชอบและปฏิบัติกับผมอย่างยุติธรรม

วางแผนที่จะกลับเมืองไทยเมื่อไร ทุกครั้งที่กลับบ้านชอบทำอะไรผมกลับไปอยู่ที่กรุงเทพฯ ช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคมของทุกปี เพราะเป็นฤดูร้อนของที่แอลเอ และจะกลับไปช่วงปีใหม่ทุกปี ทุกครั้งที่ได้กลับบ้าน ผมชอบทำงานสนุกๆ ที่ได้สร้างสรรค์โปรเจกต์ความงาม ถ่ายโฆษณา ถ่ายแบบ และให้คำปรึกษาเรื่องผลิตภัณฑ์ให้กับแบรนด์ความงามต่างๆ และที่ไม่พลาดเลยคือ ต้องไปชายหาด…

 

ภาพ: Courtesy of Nick Barose

พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0