โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

กีฬา

เปิดเหตุผลทำไม "โกเมซ" จะมาเป็นกำลังสำคัญให้ลิเวอร์พูลได้ในอนาคต

TNN ช่อง16

อัพเดต 15 พ.ย. 2562 เวลา 09.49 น. • เผยแพร่ 15 พ.ย. 2562 เวลา 09.49 น. • TNN Thailand
เปิดเหตุผลทำไม
เปิดเหตุผลทำไม โจ โกเมซ ถึงเป็นกองหลังดาวรุ่งอนาคตไกลของ ลิเวอร์พูล แม้ในเวลานี้ต้องตกเป็นตัวสำรองของ เฟอร์จิล ฟานไดค์ และ โจเอล มาติป ก็ตาม

ก่อนที่ โจ โกเมซ ปราการหลังดาวรุ่งของ ลิเวอร์พูล จะได้รับบาดเจ็บในช่วงฤดูกาล 2018-19 เจ้าตัวถือเป็นผู้เล่นที่โชว์ฟอร์มดีวันดีคืนกลายเป็นคู่หูที่ลงตัวของ เฟอร์จิล ฟานไดค์ ช่วยให้ทีมมีเกมรับที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตามแนวรับชาวอังกฤษต้องมาโชคร้ายประสบปัญหาอาการบาดเจ็บหนักจนต้องพักยาว และตอนนี้กลายเป็น โจเอล มาติป ที่ยึดตำแหน่งตัวจริงคู่กับ ฟานไดค์ แทน

แต่ถึงกระนั้นจากผีเท้าและประสบการณ์ของเขามีดีพอที่จะก้าวขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญให้ทีมได้ในอนาคต แม้ตอนนี้เขาจะอยู่ในวัย 22 ปี แต่ โกเมซ ลงเล่นไปแล้ว 76 เกมให้ลิเวอร์พูล, 24 เกมกับ ชาร์ลตัน และ 7 เกมกับทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ และหากวัดจากอายุแล้วเจ้าตัวถือมีชั่วโมงบินที่ไม่น้อยเลยทีเดียว ส่วนใหญ่แล้วกองหลังที่อยู่ในฟอร์มที่ยอดเยี่ยมที่สุดอยู่ในช่วงอายุระหว่าง 26-32 ปี ซึ่งหมายความว่าดาวเตะวัย 22 ปียังมีเวลาอีก 4 ปี ในการแก้ไขข้อบกพร่องต่างๆเพื่อยกระดับขึ้นไปเป็นกองหลังเบอร์ต้นๆของโลกได้

แน่นอว่าสิ่งสำคัญของนักเตะดาวรุ่งคือการได้เล่นร่วมกับนักเตะประสบการณ์สูงเพื่อได้เรียนรู้สิ่งต่างๆในการนำมาปรับปรุงแก้ไขในการยกระดับตัวเองต่อไปในอนาคต เช่นเดียวกับ โกเมซ ที่เขาได้เล่นร่วมกับยอดกองหลังเบอร์ต้นๆของโลกอย่าง เฟอร์จิล ฟานไดค์ ที่เขาจะได้รับประโยชน์จากคำแนะนำต่างๆ รวมไปถึงแข้งรุ่นพี่อย่าง โจเอล มาติป และ เดยัน ลอฟเรน 

ย้อนไปในฤดูกาลที่แล้วแม้ว่า โกเมซ จะมีสถิติส่วนตัวในเรื่องต่างๆที่น้อยกว่าทั้ง ลอฟเรน และ มาติป คู่แข่งในการเบียดแย่งตำแหน่งตอนนี้ โดยมีมีค่าเฉลี่ยการเข้าสกัดแม่นยำในลีกที่ 1.1 ครั้งต่อนัด ส่วน ลอฟเรน ทำไว้อยู่ที่ 1.2 ครั้ง และ มาติป ทำได้ 1.8 ครั้ง 

ส่วนค่าเฉลี่ยในการทำฟาวล์นั้น โกเมซ ก็เป็นคนที่ตัดฟาลว์มากสุดที่ 0.8 ครั้งต่อนัด มากกว่า ลอฟเรน ที่ทำได้ 0.2 ครั้ง ขณะที่ มาติป เสียฟาวล์ไป 0.5 ครั้งต่อเกม ขณะที่การอ่านเกมจนช่วยในการดักล้ำหน้านั้น ลอฟเรน ก็ยังทำได้ดีกว่าอีก 2 คน เขาสามทารถดักล้ำหน้าได้เฉลี่ยแล้ว 1.2 หนต่อนัด ส่วน โกเมซ ทำไป 0.4 ครั้งต่อเกม ด้าน มาติป ทำไป 0.8 หนต่อนัด 

อย่างไรก็ดีในเรื่องการผ่านบอล โกเมซ ทำได้ดีสุดใน 3 คนนี้จากการที่เขามีเปอร์เซ็นต์ผ่านบอลสำเร็จ อยู่ที่ 87.5 เปอร์เซ็นต์ มากกว่า ลอฟเรน ที่ทำไว้ 86.6 เปอร์เซ็นต์ ส่วนของ มาติป อยู่ที่ 86.9 เปอร์เซ็นต์ 

จะเห็นได้ว่าในเรื่องต่างๆ โกเมซ ยังเป็นรองกองหลังรายอื่นๆภายในทีม แต่เจ้าตัวยังมีเวลาอีกมากในการเก็บเกี่ยวประสบการณ์และแก้ไขจุดบกพร่องต่างๆในการก้าวขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญในแนวรับในยามที่รุ่นพี่อยู่ในบั้นปลายอาชีพแล้ว 

เกาะติดข่าวที่นี่ 

website: www.TNNThailand.com  
facebook : TNNThailand 
twitter : @TNNThailand 
Line : @TNNThailand 
Youtube Official : TNNThailand

 

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0