โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

บันเทิง

เปิดเส้นทางก่อนจะดัง “อาร์ม กรกันต์” หนุ่มหล่อความสามารถรอบด้าน

daradaily

อัพเดต 19 มี.ค. 2562 เวลา 12.02 น. • เผยแพร่ 19 มี.ค. 2562 เวลา 14.30 น.

เปิดเส้นทางก่อนจะดัง “อาร์ม กรกันต์” หนุ่มหล่อความสามารถรอบด้าน

        มีผลงานออกมาให้แฟนๆ ได้ติดตามอยู่ตลอด สำหรับพิธีกร-นักแสดงมากความสามารถ “อาร์ม กรกันต์ สุทธิโกเศศ” ก็กลับมาโด่งดังและมีชื่อเสียงอีกครั้งรหลังมีโอกาสได้เข้าร่วมรายการ The Mask Singer ซีซั่นที่ 1 ถึงแม้จะไม่สามารถคว้าแชมป์ได้ แต่ทำให้เจ้าตัวกลายเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น ล่าสุดเจ้าตัวก็กลับมาจับไมค์ร้องเพลง พร้อมปล่อยซิงเกิ้ลในรอบ 10 ปี แต่กว่าจะประสบความสำเร็จได้อย่างทุกวันนี้ต้องใช้เวลา ความฝันและชีวิตในวัยเด็กของ “อาร์ม กรกันต์” จะเป็นอย่างไร ไปฟังจากปากเจ้าตัวกัน

อ่านข่าวเพิ่มเติม

"อาร์ม กรกันต์" ปลื้มผู้ใหญ่ให้โอกาสเล่นซิทคอมเรื่องแรก

        ชีวิตในวัยเด็กย้อนกลับไปเราก็เป็นเด็กเนิร์ดคนหนึ่ง ตั้งใจเรียน แต่ก่อนที่จะตั้งใจเรียนคือเราก็เป็นคนที่เกเรมาก่อน เป็นเด็กหลังหห้องเรียน บังอิญจุดเปลี่ยนของเราคือได้เข้าชมรมดนตรีไทย เล่นระนาด เลื่อนเป็นหัวหน้าวง หัวหน้าห้อง หลังจากนั้นจุดเปลี่ยนก็คือเป็นนักดนตรีไทยประจำโรงเรียน กลายเป็นเด็กกิจกรรมไปเลย ทั้งเป็นประธานสี ประธานโรงเรียน จะมีประกวดเวทีมารยาทไทยบ้าง คุณครูก็จะให้ไปช่วย ซึ่งโรงเรียนชายล้วนไม่มีใครสนใจอยู่แล้ว สำหรับเราตอนนี้ก็ถือว่ามาไกล

       ความฝันในวัยเด็ก จริงๆ เคยฝันว่าอยากเป็นวิศวกร เพราะมันเท่ดี อยากเป็นหมอ แต่เราดูเกรดแล้วว่าไม่น่าได้ แล้วอีกอย่าง ก็ฝันว่าร้องเพลงประกวดแล้วชนะ เท่านั้นเลยจริงๆ นี่คือเป้าหมายตอนเด็ก ทำยังไงให้ประกวดแล้วชนะ จนกระทั่งช่วง ม.ปลาย เข้ามหา’ลัยก็พอจะได้ถ้วยกับเขาบ้าง ซึ่งเวทีแรกของเราเลยคือ เวทีค่าน้ำนม แต่ก็ไม่ชนะ หลังจากนั้นก็เป็นแรงผลักดันให้เราไปเรียนร้องเพลงจากการตกรอบครั้งนั้น เราไปเรียนกับ “ครูอ้วน มณีนุช เสมรสุต” ตั้งแต่ขั้นต้นจนถึงขั้นสูงสุดเลย ได้ประสบการณ์จากคุณครูและก็สถาบันเยอะมาก แล้วเราก็ไปเรียนกับอาจารย์อีกหลายๆ ท่าน ครูกานต์ เอเอฟ, ครูเอก จิระชัย แล้วก็เป็นเด็กประกวดร้องเพลง ประกวดร้องเพลงมาเรื่อยๆ

        เส้นทางการเข้าสู่วงการบันเทิง ด้วยความที่เราไม่ใช่คนหน้าตาดี เรื่องของแมวมองนั้นตัดไปเลย แต่ด้วยความที่เราเป็นเด็กประกวด เราตามสายเสียงเพลงเรื่อยๆ ระหว่างนั้นก็เล่นดนตรีไทยด้วย เวลาไปสมัครงานเราก็จะเขียนในสมัครว่า เล่นระนาดได้ เรารู้สึกเราภูมิใจว่าเราเล่นดนตรีไทยชิ้นนี้ได้ จนในที่สุดก็เกิดเป็นละครเวที “โหมโรงเดอะมิวสิคัล” ซึ่งใครจะไปคิดว่าจะมาเป็นละครเวทีได้ หลังจากนั้นก็ประกวดร้องเพลง ตอนนั้นเรียนอยู่ปี 2 ก็ประกวด KPN ซึ่งช่วงนั้นมีหลายเวทีมากๆ แต่ครูที่เรารักและศรัทธามาก คือ “ครูเอก จิระชัย” เทรนเนอร์ของแชมป์สยามกลกาลทั้งนั้นเลย เรารู้สึกว่าเวทีนี้น่าจะเป็นเวทีของเรา ก็เลยสมัคร KPN แล้วก็มาได้ที่ 2 และ Popular Vote แล้วเราก็เริ่มมีหน้ามีตาในวงการร้องเพลงบ้าง แต่ก็ไม่ได้เปรี้ยงปร้างอะไร มีร้องเพลงตามงานอีเว้นท์เดือนละ 1-2 วัน จากนั้นก็เก็บเกี่ยวประสบการณ์มาเรื่อยๆ จนเริ่มเข้าสู่วงจรละครเวที ซึ่งมันก็เป็นงานหลังจากที่เราเรียนจบ

         ทำแล้วมีความสุขมากที่สุด คือก็เหมือนกับเราเล่นสนามเด็กเล่น สไลเดอร์ ก็สนุก เล่นโหนก็สนุก มันเล่นต่างกัน ใช้ร่างกายต่างกัน มันสนุกหมดเลย ทุกอย่างมันท้าทายต่างกันด้วย สิ่งที่ท้าทายสำหรับเราคือการเป็นพิธีกร มันเฉพาะหน้า มันไม่ได้เตรียมมาจากบ้านเหมือนกับการร้องเพลง แอ็คติ้งก็ท้าทาย คือทำการบ้านก็ทำกันคนละแบบ ซึ่งตอนนี้ยังสนุกอยู่ แต่สิ่งที่ทำให้เรารู้สึกสนุกคือการใช้เสียง ทุกอย่างที่ทำคือใช้เสียงหมดเลย ทั้งพิธีกร การแสดง พากย์เสียง อ่านข่าว ร้องเพลง ใช้หมดเลย

         นิยามความเป็น “อาร์ม กรกันต์” เป็นคนตั้งใจอยากทำอะไรให้ได้ดีมีคุณภาพ แต่ในระหว่างทางก็มีขี้เกียจบ้าง เราก็คนธรรมดาคนหนึ่ง แต่ก็รู้สึกโชคดีเหมือนกันในสิ่งที่พระเจ้าให้เสียงเรามา พระเจ้าให้ความสามารถอะไรบางอย่างเรามา เราเป็นคนพุทธนะ แต่เราก็ยังเชื่อในกฎแห่งกรรมเรื่องของการทำดี

         ไอดอลในวงการบันเทิง ถ้าด้านการสร้างสรรรค์งานด้วยความเป็นศิลปิน มอง “พี่จิก ประภาส ชลศรานนท์” เป็นไอดอล พี่เขาคิดได้ยังไง เราอ่านหนังสือของพี่เขา ได้เห็นมุมมองการเขียนเฟซบุ๊กในเหตุการณ์ต่างๆ พี่เขาวาดภาพก็เก่ง จนตอนนี้ได้มาเป็นศิลปินแห่งชาติ พี่เขาทำได้หลายอย่างมาก เราก็เลยอยากทำให้ได้อย่างเขา หลายคนบอกว่าให้เราเลือกไหม บอกเลยผมเลือกไม่ได้ คือผมสนุกที่จะอยู่ในสวนสนุก ก็เลยชอบพี่เขาในการเป็นไอดอล

        วิธีรับมือกับข่าวที่เกิดขึ้นกับตัวเอง เราตั้งใจจะทำให้มันดี อันนี้เป็นคำพูดของ “พ่อรอง เค้ามูลคดี” มองว่าวงการบันเทิงคือบริษัท เราเป็นพนักงานคนหนึ่งที่ตั้งใจจะทำงานในบริษัทที่ดี องค์กรนี้เป็นองค์กรที่ดี ถ้าเราเป็นคนดีเราทำงานก็อาจจะเป็นผู้บริหาร เรามองแบบนั้น เราอยากเป็นคนคุณภาพคนหนึ่งที่เข้ามาแล้วสร้างสรรค์งานดีๆ ให้คนได้เห็นผลงานเรา เพราะฉะนั้นเราก็เดินทางที่ถูกและดี ก็จะมีข่าวไม่ดีบ้าง อย่างจู่ๆ ก็มีภาพหลุดอาบน้ำแก้ผ้า ซึ่งมันไม่ใช่เรา เมื่อ 3 ปีก่อน เราก็นิ่ง มันไม่ใช่เรา สุดท้ายก็ไม่ใช่เรา เราก็ยังยึดมั่นในสิ่งที่เราเป็นเรามันก็น่าจะโอเค

        ขอบคุณกำลังใจ คือขอบคุณครอบครัวมากๆ ที่คอยสนับสนุนทุกๆ อย่าง ทั้งการเรียน กิจกรรมต่างๆ ขอบคุณคุณครูสอนร้องเพลงทุกๆ คนที่เราไปเจอ ขอบคุณตัวเองที่ถูๆ ไถๆ จนมาถึงทุกวันนี้ได้ สุดท้ายขอบคุณแฟนคลับที่มาตามอยู่คอยเป็นกำลังใจให้ดึกๆ ดื่นๆ คอยทำเสื้อ ทำโปสเตอร์เยอะแยะมากมาย เขาคือผู้ให้จริงๆ ขอบคุณจากใจจริงๆ ครับ

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0