โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

เปิดเบื้องลึกเคสอดีตผัวโหด "ณัฐพงศ์ ตรงเที่ยง" สืบสวนก็เหมือนวิทยาศาสตร์

Manager Online

เผยแพร่ 22 ก.พ. 2563 เวลา 17.25 น. • MGR Online

(Police Focus)

เล่นเอาตำรวจเกือบเสียหลักกับจดหมายของ นายดนุสรณ์ นุ่มเจริญ อายุ 28 ปี ถูกทิ้งไว้ในห้องพักย่านซอยหมอเหล็ง หลังจากก่อเหตุลั่นไกใส่ น.ส.ปิยานุช ฉัตรไทย อายุ 28 ปี อดีตภรรยา เสียชีวิตภายในคลินิกเสริมความงาม ชั้น 4 ห้างเซ็นจูรี่ เดอะมูฟวี่พลาซ่า อนุสาวรีย์ชัยฯ โดยจับใจความว่า จะตามไปฆ่าคนรักใหม่ของผู้ตายอีกรายที่ จ.พะเยา แต่สุดท้ายมาถูกตำรวจติดตามจับกุมได้ใน จ.เพชรบุรี

พ.ต.ท.ณัฐพงศ์ ตรงเที่ยง รอง ผกก.สส.บก.น.1 หนึ่งในชุดไล่ล่า เล่าว่า จากการพูดคุยกับตัวคนร้ายทราบว่า ประเด็นเกิดจากเรื่องส่วนตัวเขาเป็นคน Sensitive เวลาคุยเรื่องครอบครัวจะค่อนข้างเศร้า แต่เวลาคุยเรื่องปืนกลับตาลุกวาว ที่รู้คือเขารักครอบครัวมากโดยเฉพาะแม่ ครอบครัวมีปัญหาพ่อกับแม่แยกทางกัน กลายเป็นคนขาดความอบอุ่นจึงแสวงหาความรัก เมื่อมีแฟนความรักเลยกลายเป็นความหึงหวง คนร้ายเชื่อว่าฝ่ายหญิงกำลังนอกใจ แต่ความเป็นจริงกลับมีอะไรที่ลึกกว่านั้น!

ผมมองว่าเป็นเหตุการณ์ต่อเนื่องจากที่ จ.ลพบุรี จ.นครราชสีมา ซอยจุฬา 10 และล่าสุดในห้างเซ็นจูรี่ เป็นการใช้อาวุธปืนทั้งหมด กลายเป็นพฤติกรรมเลียนแบบจากสิ่งที่เห็นในสื่อ เพราะเห็นว่าการใช้ปืนคือการตัดสินปัญหา ก่อนหน้าเราไม่เคยพบเห็นเหตุการณ์แบบนี้ จะเห็นก็แต่ในต่างประเทศจนมาเกิดขึ้นในประเทศเรา ผมไม่รู้ว่าเขาคิดอย่างไรแต่ เหรียญ ย่อมมี 2 ด้านเสมอ ด้านหนึ่งคนอาจมองว่าเขาไม่ดี ส่วนอีกด้านก็ต้องไปถามว่าเขาทำเพราะอะไร

"ผมมองหาแรงจูงใจเกิดจากอะไรกันแน่ เพราะคนๆ หนึ่งจะฆ่าคนได้ต้องเกิดจากการตัดสินใจ เขารักผู้หญิงคนนี้มากแต่แล้วอะไรเป็นเหตุให้เขาคิดเช่นนั้น คบกันมานานกว่า 10 ปี มีลูกด้วยกัน 1 คน"

รองเที่ยงในวัย 45 ปี เล่าต่อว่า เรื่องจดหมายของคนร้ายจริงแล้วไม่ได้เป็นกลหลอกล่อตำรวจ เขาคงเขียนด้วยอารมณ์รู้ว่ายังไงตำรวจเข้าไปค้นในห้องพัก สรุปว่าเขาโกรธและหึงหวงจริง ยิ่งเข้าใจว่าฝ่ายหญิงไปมีอะไรกับผู้ชายอีกคน คือชนวนเหตุในการลงมือโชคดีเราทำงานด้วยความรวดเร็ว เหตุเกิดเวลา 15.00 น. ตามจับกุมได้เวลา 04.00 น.ในคืนต่อมา เราประเมินไว้หมดแล้วก็ไม่รู้อะไรถูกอะไรผิด ถ้าเราได้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวคนร้ายมากเท่าไร ก็สามารถประเมินเหตุการณ์ได้มากขึ้น

ในประเด็นที่ จ.พะเยา เราไม่ได้ตัดทิ้งคนร้ายก่อเหตุแล้วหลบหนี คำถามคือขีดความสามารถเขามีแค่ไหน จะหนีไปไหนและไปด้วยพาหนะอะไร เรามานั่งช่วยกันคิด อีกด้านก็มีข้อมูลครอบครัวที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ตรวจสอบการขนส่งทั้งทางอากาศ รถไฟ รถโดยสาร และรถส่วนตัว จ.พะเยา ไม่มีรถไฟและสนามบินเขามีรถจักรยานยนต์ แสดงว่าเขาเดินทางด้วยรถโดยสาร สิ่งที่เราทราบคือเขาเตรียมการมาแล้วบางส่วน

ตอนนั้นเรารู้แล้วว่าเขากำลังลงภาคใต้ จึงจัดทีมแยกไปดักที่ สายใต้ใหม่ ปรากฎว่าไปพบ ยอมรับตำรวจมึนงงว่าเขาจะไปอย่างไรแล้วไปหาใคร มีข้อมูลว่าบ้านพ่อแม่อยู่ที่ อ.หัวหิน แต่ไม่ตัดประเด็นเพื่อนเพราะเพื่อนได้โพสต์เฟซบุ๊กว่า "ติดต่อด้วย" ประสานไปยัง ผกก.สภ.หัวหิน ให้ช่วยติดตามเพื่อนคนร้าย เราชั่งใจระหว่าง จ.พะเยา กับ อ.หัวหิน ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเขาด้วย ตอนหลังได้ข้อมูลเพิ่มเลยเทกำลังไปทาง อ.หัวหิน

"เรามารู้ทีหลังว่าเขาเป็นคนชอบเล่นปืน โดยเขาวางแผนไว้ว่าจะสั่งปืนและกระสุนจากออนไลน์ เมื่อได้ของแล้วก็เดินทางออกไปก่อเหตุ ห้องพักกับสถานที่ก่อเหตุไม่ไกลกันมาก ลงมือเสร็จกลับมาที่ห้องเขียนจดหมายและเปลี่ยนเสื้อผ้า เลยมั่นใจได้ว่าเขาเตรียมการมาแล้ว จากนั้นสะพายเป้ออกไปนั่ง จยย.รับจ้างขึ้นรถตู้ที่อนุสาวรีย์ชัยฯ ลงที่ จ.สมุทรสาคร แล้วมาขึ้นรถตู้อีกทอดที่ ถ.พระราม 2 มุ่งหน้าไป อ.หัวหิน ตอนหลังเขาเฉลยว่าเลือกไป อ.หัวหิน เพื่อเตรียมลงมือยิงพี่สาวอดีตภรรยา"

สืบสวน 1-2 พูดถึงเบื้องลึกของอดีตผัวโหดว่า ปมเกิดจากเขาไม่ค่อยมีฐานะถูกทางพ่อตากีดกัน พอมีลูกพ่อตาก็เอาลูกของเขาไปเลี้ยง ทำให้รู้สึกว่าตัวเองโดนรังแกแล้วก็ถูกทางครอบครัวฝ่ายหญิงกดดันมาตลอด หลังก่อเหตุพอตัดสินใจจะไปยิงพี่สาวอดีตภรรยา ปรากฎว่านึกคิดถึงแม่ก็เลยโทรหาแม่ ด้วยความรักลูกจึงพยายามกล่อมให้มอบตัว แต่ตัดสินใจเดินทางไปหาพ่อซึ่งมีครอบครัวใหม่อยู่ไม่ได้ จึงไปหาพี่ชายที่บ้านในพื้นที่ ต.ห้วยแม่เพียง อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี จนนำมาสู่การจับกุม

เกิดจากทีมงานที่ช่วยกันแชร์ข้อมูล ตำรวจ สน.พญาไท และ กก.สส.บก.น.1 ทำงานหนัก งานสืบสวนก็เหมือน วิทยาศาสตร์ ตั้งสมมติฐาน ตอบสมมติฐาน และทำงานร่วมกัน ดูว่าสมมติฐานนั้นขัดกับความเป็นจริงมั้ย ถ้ามันไม่ขัดหรือไม่ฝืนจนเกินไป สำคัญคือข้อมูลเป็นข้อเท็จจริงให้มากที่สุด เพื่อมาวิเคราะห์แล้วทำนายอนาคต ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่ทำมาถูกหรือผิด ทุกคดีย่อมมีความยากง่ายของมัน แต่สิ่งที่เราทำได้เร็วและดีคือ สามารถพิสูจน์ทราบบุคคล พอเราได้บุคคลก็ได้ครอบครัว

ต่างประเทศให้ความสนใจเรื่องพฤติกรรม (Behavior) ชีวิตคนเราจะมี 3 ด้าน คือ 1. ชีวิตทางการ คนอื่นสามารถรับรู้ได้ 2. ชีวิตส่วนตัว คนใกล้ชิดสามารถรับรู้ได้ และ 3. ชีวิตลับ หรือมุมมืด ไม่อยากเปิดเผยให้ใครรับรู้ ถ้าหาชีวิตลับเจอก็จะเจออาชญากรรม การจะรู้พฤติกรรมคนอื่นได้ต้องใช้เวลา ในยุคสมัยนี้สามารถสืบได้จากออนไลน์ เช่น เฟซบุ๊ก ก็ทราบได้ว่าคนนั้นมีพฤติกรรมอย่างไร คนเรามักทำในสิ่งที่ตัวเองคุ้นเคยอยู่เป็นประจำ มีความสำคัญมากในการติดตามตัวคนร้าย

สำหรับประวัติ พ.ต.ท.ณัฐพงศ์ พื้นเพเป็นชาว จ.สมุทรสาคร จบโรงเรียน ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ใกล้โรงเรียนนายร้อยตำรวจ สามพราน จ.นครปฐม เกิดแรงบันดาลใจอยากเป็นตำรวจ จบ นรต.รุ่น 52 เคยรับราชการใน จว.สกลนคร กองปราบปราม และนครบาล จุดเริ่มต้นการเป็นนักสืบเกิดขึ้นที่ กอง 3 กองปราบปราม (รับผิดชอบภาคอีสาน) มีโอกาสทำคดีสำคัญหลายเคส

"ผมเคยเป็นนักกีฬารักบี้เปรียบกับการทำงาน เสมือนเป็นทีมๆ หนึ่ง เราทำงานกับทุกคน เราเป็นส่วนประกอบของทีม ก็แค่ทำให้ทุกอย่างในทีมเดินหน้าไปได้ ติดขัดตรงไหนก็ช่วยๆ กันแก้ปัญหา นครบาลภารกิจเยอะอยู่แล้วด้วยเนื้องาน ทำตัวให้นิ่งๆ แล้วรอรับกับงานเพื่อแก้ปัญหาในแต่ละงาน"

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0