ช่วงนี้อากาศหนาวแล้ว สิ่งที่ควรระวังเรื่องสุขภาพนั่นก็คือไวรัสหวัด การป้องกันนอกจากจะทำให้ร่างกายแข็งแรง พักผ่อนเพียงพอ ห่มผ้าให้อุ่นเวลานอนแล้วนั้น อาหารก็มีส่วนสำคัญไม่ที่จะช่วยให้สุขภาพร่างกายดีเช่นกัน โดยวันนี้จะมาเสนอ 7 อาหารต้านโรคหวัด
1 แกงเผ็ด และ อาหารรสเผ็ดทุกชนิด
ที่มีพริกประเภทต่างๆ รวมถึงพริกไทยเป็นส่วนประกอบ จะช่วยทำให้หายใจโล่ง หายคัดจมูก นอกจากนั้นอาหารประเภทแกงเผ็ดยังประกอบไปด้วนสมุนไพรไทยมากมายที่ช่วยเสริมภูมิต้านทาน เช่น ใบมะกรูด ใบกระเพรา ใบโหระพา หอม เป็นต้น
2 ซุปไก่ น้ำต้มไก่ แกงข่าไก่
น้ำที่ต้มไก่มีสรรพคุณในการต้านหวัดที่ทั่วโลกรู้กัน โดยมีรายงานวิจัยพบว่าซุปไก่มีฤทธิ์ยับยั้งการเคลื่อนที่ของเม็ดเลือดขาวชนิดที่เรียกว่า นิวโทรฟิลด์ ไปยังเนื้อเยื่อปอด ทำให้ลดกระบวนการอักเสบในปอด และลดอาการไอ
3 น้ำขิง
ขิงนอกจากจะช่วยลดอาการท้องอืดเฟ้อ และ ช่วยย่อยอาหารแล้ว นำขิงร้อนๆ ยังมีฤทธิ์ช่วยขับเหงื่อ แก้หวัดเย็น หรืออาการรู้สึกหนาวไข้ต่ำๆ เมื่อเริ่มมีฝนตกอากาศชื้นและเกิดอาการเซื่องซึม เฉื่อยชา เริ่มเป็นหวัด รีบดื่มน้ำขิงก็จะช่วยลดอาการได้อย่างดีค่ะ
4 ชาร้อน
ชาร้อนทุกชนิดมีสารโพลิฟีนนอล ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดอาการติดเชื้อ ทำให้เยื่อบุโพรงจมูกชุ่มชื้น หายใจสะดวก ควรชงชาในน้ำร้อนตั้งทิ้งไว้ราว 1 นาที จะดึงคุณสมบัติแก้หวัดชาได้ดีที่สุด
5 น้ำผักผลไม้
ผักและผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง เช่น แครอท ผักใบเขียวจัด ส้ม ฝรั่ง องุ่น แคนตาลูป มะละกอสุก มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระเช่น เบตาแคโรทีน (วิตามินเอ) วิตามินซี วิตามินอี ซึ่งช่วยกำจัดเชื้อโรคที่เข้าสู่ร่างกาย ป้องกันการติดเชื้อ
6 กระเทียม
กระเทียมจะช่วยป้องกันและรักษาไข้หวัดได้อย่างดี นักวิจัยชาวจีน ดร.เบนจามิน เลา แห่งมหาวิทยาลัยโลมาลินดาในแคลิฟอร์เนีย ได้ศึกษายารักษาโรคตามแบบแพทย์ตะวันออกมานาน ได้ทำการศึกษาแล้วพบว่า "กระเทียม" มีกำมะถันเป็นองค์ประกอบ ซึ่งออกฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียและไวรัสหวัดได้โดยตรง และยังช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาวได้
7 โยเกิร์ต
โยเกิร์ตช่วยเพิ่มการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาว และช่วยเพิ่มการสร้างสารแอนติบอดีบางชนิดได้ การศึกษากับอาสาสมัครทั้งคนหนุ่มและคนสูงอายุ พบว่าการรับประทานโยเกิร์ตทุกวันเป็นเวลา 1 ปี ช่วยลดอาการจากหวัดและภูมิแพ้ ผู้ป่วยหายเร็วขึ้น และร้อยละ 25 เป็นหวัดน้อยลง เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้รับประทาน
ขอบคุณข้อมูลเพจสุขภาพ : https://www.facebook.com/behealthyonline
