โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

เปิดหลังคาท้าความหนาว ทดสอบ MINI COOPER S CONVERTIBLE LCI รุ่นปรับโฉม

ไทยรัฐออนไลน์ - Auto

อัพเดต 10 ธ.ค. 2562 เวลา 03.05 น. • เผยแพร่ 09 ธ.ค. 2562 เวลา 03.00 น.
ภาพไฮไลต์
ภาพไฮไลต์

MINI Cooper S Convertible รุ่นปรับโฉมเพิ่มความสดใหม่ล่าสุดประจำปี 2019 นั้น วางขายในประเทศไทยพร้อมกับการปรับปรุงเพิ่มเติมเพื่อความสวยงามน่าใช้ นี่คือจักรกลแบรนด์ MINI รุ่นขายดีที่อยู่ภายใต้ร่มเงาของ BMW แม้จะทำตัวเป็นรถอังกฤษ แต่แท้จริงแล้วมันคือรถเยอรมันที่มีประสิทธิภาพ โดยมี BMW Group อยู่เบื้องหลังการครอบครอง ความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นเกือบทุกจุด หลังจาก Cooper S เวอร์ชั่นแรกสุดมาจนถึงรุ่นใหม่ล่าสุดรหัส F57 กับรุ่นปรับโฉม LCI รูปลักษณ์ภายนอกมีการเปลี่ยนแปลงไม่มากนัก สำหรับ Cooper S ใหม่ ในตัวถังแบบเปิดประทุน Convertible มีการเปลี่ยนแปลงหลักๆ ทั้งหมด 11 จุด สำหรับราคาค่าตัวของ Cooper S Convertible Hightrim แบบนำเข้าทั้งคัน (CBU) อยู่ที่ 3,030,000 บาท พร้อม MSI Standard รับประกัน 3 ปี ไม่จำกัดระยะทาง ฟรีค่าบำรุงรักษา MSI นาน 3 ปี หรือ 60,000 กิโลเมตร

MINI ใหม่ LCI เปลี่ยนไฟหน้าใหม่เป็นไฟหรี่ LED Daytime Running Lights แบบเต็มวง ออปชั่นไฟอัตโนมัติ Adaptive LED ถูกถอดออกเพื่อทำราคา โลโก้ที่ฝากระโปรงและฝาท้ายแบบใหม่ ทรงของกระจังหน้าและฝากระโปรงหน้ายังเหมือนเดิม ที่เพิ่มเติมเข้ามาก็คือ ตราสัญลักษณ์ MINI ที่ปรับรูปแบบใหม่ โป่งล้อหุ้มพลาสติกกันกระแทกสีดำแบบเดิม กระจกหน้าบานโตตั้งชันและรูปลักษณ์กะทัดรัดที่น่าขับในสไตล์ของ MINI รวมถึงไฟท้าย LED ดีไซน์ธงอังกฤษ Union Jack ล้ออัลลอยลายใหม่ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นก็ยังเป็นของใหม่ พร้อมทริมบริเวณไฟเลี้ยวแก้มข้าง ของเล่นใหม่ใน New MINI Cooper S Convertible ก็ยังมีมาให้อีกเพียบ เช่น ไฟ welcome lights mini เมื่อเปิดประตูคนขับ หรือไฟตกแต่งบริเวณกาบบันได หัวเกียร์แบบใหม่ทรงคล้ายแท่งไอศกรีมพร้อมเกียร์ 7 สปีดคลัตช์คู่ที่มีประสิทธิภาพมากกว่าเกียร์  6 สปีดรุ่นเก่า 

ตัวถังสีน้ำเงินคาดขาวของ MINI Cooper S Convertible ดึงดูดสายตาของผู้คนรอบข้างได้เป็นอย่างดีเมื่อคุณกดปุ่มเพื่อพับหลังคาเก็บแล้ววิ่งตัวเปล่าๆ เปลือยๆ แบบไร้หลังคา! แม้จะคล้ายกับ Cooper S Convertible รุ่นที่แล้ว แต่รุ่นปรับปรุง LCI นั้นกลับแตกต่างอยู่หลายจุดหลายตำแหน่ง การเพิ่มเติมรายละเอียดของอุปกรณ์ตกแต่งและระบบขับเคลื่อนเป็นมาตรฐานของ BMW เจ้าของแบรนด์ MINI ในปัจจุบัน ทำให้การสร้าง MINI รุ่นใหม่ประจำปี 2019 จะต้องดูดีกว่าของเดิมที่มีอยู่ MINI Cooper S Convertible LIC มีขนาดเท่าเดิม โดยมีความยาวของตัวรถเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เมื่อเทียบกับ MINI R57 จากขนาดความยาวของตัวถังเพิ่มขึ้นอีก 98 มิลลิเมตร ฐานล้อถูกขยับเพิ่มอีก 28 มิลลิเมตร พร้อมการปรับส่วนหน้าของตัวรถให้ดูดีขึ้น รวมถึงห้องเก็บสัมภาระส่วนท้ายก็ยังมีความจุที่เพิ่มขึ้นถึง 30% ฝาท้ายเปิดออกคล้ายรถปิกอัพ เป็นดีไซน์ที่แปลกตาแต่ใช้งานได้จริง และเพิ่มความสะดวกเมื่อต้องขนของใส่ห้องเก็บสัมภาระด้านหลัง 

MINI Cooper S Convertible นำเสนอความเพลิดเพลินแบบเปิดโล่งที่แท้จริง อย่างแรกคือหลังคาผ้าใบประทับตราธงยูเนี่ยนแจ็คแบบซอฟต์ท็อปที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์และกลไกของการพับเก็บที่ค่อนข้างสลับซับซ้อน หลังคาผ้าทำงานด้วยระบบไฟฟ้านั้นแตกต่างจากหลังคาผ้าในอดีต กลไก Z-fold ที่ทำงานเงียบกริบ ไม่ว่าจะกดปุ่มเพื่อพับหลังคาเก็บสำหรับการขับกินลมชมวิวในช่วงอากาศเย็นแบบนี้ หรือกางออกเพื่อปิดคลุมห้องโดยสารในวันที่ร้อนจัด การทำงานแบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอน จะเปิดแบบหลังคาถลกเหมือน MINI ในอดีตก็ยังได้ หรือพับเก็บทั้งหมดเพื่อแปลงร่างเป็นรถเปิดประทุนเต็มรูปแบบ หลังคาผ้าไฟฟ้าน้ำหนักเบาทำงานแค่ 18 วินาที คุณสามารถพับเก็บหรือกางออกที่ความเร็วไม่เกิน 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง กลางผืนหลังคาพ่นสีตราธง Union Jack เป็นเอกลักษณ์ที่บ่งบอกตัวตนของรถรุ่นนี้ได้เป็นอย่างดี หลังคาผ้าสามารถทำความสะอาดได้โดยใช้น้ำฉีดล้างเพื่อขจัดฝุ่นละออง 

MINI Cooper S Convertible มีสัดส่วนที่อ้วนท้วนสมบูรณ์และสั้นกะทัดรัดตามสไตล์ของรถเล็กในตำนาน ยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไปทำให้ความต้องการของผู้คนเพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะพื้นที่ภายในห้องโดยสาร รวมถึงมาตรการของทางการที่เข้มงวดกวดขันในด้านระบบความปลอดภัยของรถยนต์ที่จำหน่ายอยู่ในยุโรปและอเมริกาทำให้ MINI ในทุกวันนี้มีขนาดที่ใหญ่ขึ้น การทำขนาดตัวรถให้มีพื้นที่ใช้สอยเพิ่มขึ้นเพื่อตอบโจทย์ความต้องการดังกล่าวของลูกค้า สำหรับมิติตัวถังของ Cooper S รุ่นเปิดประทุน Convertible มีความยาวรวม 3,850 มิลลิเมตร กว้าง 1,727 มิลลิเมตร สูง 1,415 มิลลิเมตร ความยาวฐานล้อ 2,495 มิลลิเมตร ระยะห่างล้อหน้า-หลัง 1,485 มิลลิเมตร ระยะห่างจากพื้นถึงใต้ท้อง 124 มิลลิเมตร น้ำหนัก 1,275 กิโลกรัม

MINI Cooper S Convertible F57 เวอร์ชั่นปรับโฉม LCI มีเบาะนั่งสีขาวนุ่มนิ่มน่านั่ง เบาะสามารถปรับให้ท่านั่งขับต่ำเตี้ยติดพื้นแบบสปอร์ต เบาะคนนั่งและคนขับยังคงใช้การปรับเบาะด้วยมือล้วนๆ ผ่านกลไกการปรับเบาะสำหรับการเลื่อนเดินหน้า ถอยหลัง หรือยกขึ้นลงออกมาในแนวดิบๆ ตำแหน่งของการนั่งใน MINI Cooper S เวอร์ชั่นปรับโฉมให้สัมผัสที่พอดิบพอดีสำหรับคนที่มีรูปร่างปกติ เบาะแบบสปอร์ตหุ้มหนังแท้สีขาวสะอาดตา ตัวเบาะออกแบบให้โอบรัดแผ่นหลัง ทำให้รู้สึกถึงความกระชับยามนั่ง การออกแบบใหม่ในบางจุดโดยยังคงการจัดวางแบบเดิม ทำให้ห้องโดยสารของ Cooper S Convertible กว้างขึ้นเล็กน้อย ทรงของตัวรถที่สั้นและมีฐานล้อไม่ยาวเกินไป ทำให้ความรู้สึกไม่ว่าจะขับช้าหรือขับเร็ว ล้วนแล้วแต่ตอบสนองออกมาในแนวคล่องตัวว่องไว เหมาะกับการซอกแซกไปบนถนนเส้นเล็กๆ ในเมือง 

ดีไซน์ภายในของ MINI ใน Cooper S รุ่นเปิดประทุน Convertible ค่อนข้างโดนใจวัยรุ่นในปัจจุบันจากรูปแบบที่ทันสมัย มาพร้อมหน้าจอแสดงผล และคอนเซปต์การทำงานแบบใหม่ ความกว้างที่เพิ่มขึ้นมอบพื้นที่กว้างขวาง โดยเฉพาะในเบาะนั่งทั้งสี่ที่ ที่นั่งด้านหน้าปรับตำแหน่งได้ครอบคลุมทุกสรีระของผู้ขับ และเพิ่มพื้นที่เบาะโดยสารด้านหลังมากกว่าเดิมถึง 23 มิลลิเมตร แม้ขนาดตัวถังจะเล็กแต่ภายในที่ถูกขยับขยายพื้นที่ใช้สอยช่วยสร้างความรู้สึกโปร่งโล่งให้ผู้โดยสารตอนหลัง ด้วยพื้นที่ช่วงไหล่และพื้นที่วางขาที่เพิ่มมากขึ้น เบาะหลังยังสามารถพับแยกได้แบบ 60:40 สำหรับช่องเก็บสัมภาระที่กระโปรงหลังเพิ่มความจุมากขึ้น 51 ลิตร รวมเป็น 211 ลิตร เพิ่มพื้นที่เพื่อรองรับการบรรทุกสัมภาระ หัวใจสำคัญของการออกแบบใหม่ล่าสุดก็คือ หน้าจอแสดงผล และคอนเซปต์การทำงานรูปแบบใหม่ บนแผงหน้าปัดบริเวณแกนพวงมาลัย ด้วยหน้าปัดดีไซน์วงกลมสไตล์ MINI แสดงผลความเร็วอัตราเร่ง และมาตรวัดปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงแบบใหม่ล่าสุด

คุณภาพของห้องโดยสารใน MINI Cooper S ทั้งสองตัวถังนั้นดีขึ้นเห็นๆ จากการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงและการจัดวางที่ลงตัว สวิตช์เปิดปิดกระจกบานประตูบริเวณแผงประตูทำให้ใช้งานได้สะดวกขึ้น แป้นควบคุมที่ใช้ระบบสัมผัสซึ่งออกแบบโดย BMW Group ทำให้เข้าและออกจากเมนูต่างๆ ได้ง่ายขึ้น เบาะหลังยังคงคับแคบเหมือนเดิม และเหมาะกับเด็กตัวเล็กๆ มากกว่า โดยเฉพาะเบาะหลังของรุ่นเปิดประทุน Cooper S Convertible แต่เบาะคู่หน้ามีพื้นที่บริเวณไหล่เพิ่มขึ้นซึ่งจะทำให้เวลานั่งหรือขับนั้นรู้สึกโปร่งโล่งมากกว่า Cooper S R56 รุ่นที่แล้ว อุปกรณ์ที่เจ้าของรถจะต้องยึดจับไปตลอดการขับขี่ก็คือพวงมาลัย วงพวงมาลัยแบบใหม่ของ Cooper S Convertible พวงมาลัยไฟฟ้าแบบใหม่มีขนาดที่พอดี ทำงานขึ้นตรงกับโหมดของการขับเคลื่อน 3 รูปแบบ (Green mode / Mid Mode / Sport Mode) ก้านวงของพวงมาลัยติดตั้งสวิตช์มัลติฟังก์ชั่นสั่งงานระบบเครื่องเสียงและระบบโทรศัพท์แบบบลูทูธ แต่ไม่มีแป้นเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ Paddle Shift มาให้เหมือนกับ Cooper JCW พวงมาลัยหุ้มด้วยหนังแท้เย็บเดินตะเข็บด้วยด้ายสีขาว 

หน้าปัดวัดความเร็วและวัดรอบแบบซ้อนกัน อ่านค่าได้ง่าย แต่จอ MID มีขนาดเล็กไปนิดนึง การปรับปรุงในตำแหน่งของช่องบอกปริมาณเชื้อเพลิงซึ่งอ่านค่าได้ง่ายขึ้น จอแสดงผลกลางสั่งงานด้วยการควบคุมผ่านแป้น controller หรือใช้นิ้วแตะที่หน้าจอเพื่อสั่งงานในระบบสัมผัส หน้าจอขนาดใหญ่ล้อมกรอบด้วยหลอด LED ในรูปแบบที่ถูกเติมเต็มด้วยสีสันอันเร้าใจ จอแสดงผลกลางพร้อมด้วยกราฟิกแบบใหม่ ใช้แสงจากหลอด LED ทำหน้าที่บอกสถานะการทำงานของเครื่องยนต์และการปรับตั้งต่างๆ ด้วยสัญลักษณ์แสงสีต่างๆ จอภาพตรงกลางยังเป็นมอนิเตอร์ของกล้องมองหลัง พร้อมเซนเซอร์ที่ใช้ในการกะระยะถอยหลัง คอยส่งสัญญาณเสียงแจ้งเตือนคนขับเมื่อถอยเข้าใกล้กับวัตถุกีดขวาง สำหรับหน้าจอแสดงผลส่วนกลางที่เป็นเอกลักษณ์ของ MINI ยังได้รับการออกแบบให้เจ้าของรถสามารถเลือกการแสดงผลในฟังก์ชั่นต่างๆ ได้อย่างหลากหลาย เป็นของเล่นที่ออกแบบให้ใช้งานได้ง่ายๆ โดย MINI Cooper S Convertible มาพร้อมหน้าจอสีสั่งงานด้วยระบบสัมผัสขนาด 6.5 นิ้ว แสดงผลที่เกี่ยวกับฟังก์ชั่นกับสภาวะการปรับตั้งระบบต่างๆ ของรถ สาระความบันเทิง และการเชื่อมต่อ MINI Connected สำหรับฟังก์ชั่นดังกล่าวมีระบบควบคุม MINI Touch Controller ที่ทำงานโดยใช้ระบบสัมผัสปลายนิ้วลงไปบนแป้นควบคุม เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถป้อนข้อมูลได้จากการเขียนด้วยนิ้วมือลงบนปุ่ม Controller ได้โดยตรง ในตำแหน่งของ MINI Touch Controller กราฟิกที่สวยงามของฟังก์ชั่นต่างๆ ช่วยเพิ่มความน่าใช้ขึ้นมาอีกนิด 

ลูกเล่นให้การขับขี่ใช้งานในชีวิตประจำวันอันรีบเร่งของคนเมืองยุคใหม่ ด้วยเทคโนโลยีหลอด LED แบบใหม่ล่าสุด ที่สามารถเปลี่ยนสีไฟรอบวงแหวนหน้าปัด แสดงผลตามสถานะ ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่บนถนน หรือการทำงานของฟังก์ชั่นต่างๆ ตามความพึงพอใจของผู้ขับ เช่น ขณะระบบควบคุมระยะการจอด (PDC) ทำงาน วงแหวนไฟเรืองแสงแบบ LED ที่เป็นลูกเล่นใหม่ของ New MINI จะแสดงระยะห่างระหว่างรถกับสิ่งกีดขวางด้านหลังรถด้วยกล้องมองหลังพร้อมเส้นระนาบกะระยะ และสัญญาณเสียงเมื่อขับถอยหลังเข้าไปใกล้กับวัตถุกีดขวาง การแสดงผลของเส้น LED ตามสถานะในสีต่างๆ ตามระยะใกล้-ไกลกับสิ่งกีดขวางหลังรถ ได้แก่ สีเขียว เหลือง หรือแดง นอกเหนือจากการแสดงผลกราฟิกบนหน้าจอ รวมถึงการเปลี่ยนโหมดการขับขี่ที่สามารถเห็นได้จากสีต่างๆ ได้แก่ สีเขียว สีส้ม หรือสีแดง หน้าจอแบบใหม่ล่าสุดของ New MINI ยังแสดงไฟสถานะสำหรับแนะนำเส้นทางของระบบแผนที่นำทาง MINI Navigation ใน MINI Cooper S F56 ซึ่งเมื่อรถเข้าใกล้จุดหมายปลายทางมากขึ้น แถบไฟบนวงแหวนก็จะลดน้อยลงตามไปด้วย โดยเทคโนโลยีแผนที่นำทาง MINI Navigation มีการปรับปรุงรายละเอียดของแผนที่แบบดิจิตอลพร้อมเข็มทิศที่เพิ่มเข้ามาให้เพื่อความสะดวกในการใช้งาน

ปุ่มปรับโหมดขับเคลื่อนที่จากเดิมอยู่ใกล้กับฐานของคันเกียร์ก็ถูกย้ายไปรวมอยู่กับสวิตช์ควบคุมบริเวณคอนโซลกลาง กุญแจแบบ Keyless ที่ติดตั้งระบบติดตามกุญแจด้วยสัญญาณเสียง ที่แถมมาให้สำหรับ MINI Cooper S รุ่นใหม่ทุกโมเดล ปุ่มปรับอุณหภูมิของห้องโดยสารยังเหมือนเดิม ที่เพิ่มเติมคือการใช้งานฟังก์ชั่นต่างๆ นั้นปรับมาให้มีความสะดวกรวดเร็ว โดยเฉพาะจอภาพมอนิเตอร์ที่สามารถกดสั่งงานบนหน้าจอด้วยระบบสัมผัส ทำให้การใช้งานระบบนำทางด้วยดาวเทียมมีความดีงามมากยิ่งขึ้นจากความสะดวกรวดเร็วและง่ายนั่นเอง 

ร่ายยาวรายละเอียดของตัวรถกันแล้วก็ออกไปท้าลมหนาวเลยดีกว่า กดปุ่มสตาร์ตเครื่องยนต์ด้วยสวิตช์สีแดงคล้ายปุ่มปล่อยขีปนาวุธ เครื่องยนต์ 2 ลิตร MINI TwinPower Turbo ติดขึ้นมาอย่างเร็ว ผมโยกคันเกียร์ไปที่ตำแหน่ง D แล้วค่อยๆ เคลื่อนเจ้า MINI มุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตกของกรุงเทพมหานคร บนเส้นทางบางบัวทอง-สุพรรณบุรี กำลังที่ส่งถ่ายออกมาจากเครื่องยนต์ผ่านระบบเกียร์แบบใหม่ในโหมด MID MODE เป็นหน่วยขับเคลื่อนเริ่มต้นของ Cooper S ทุกครั้งที่สตาร์ตเครื่องยนต์ ความเนียนจากการทำงานของเครื่องยนต์และเกียร์ ส่วนหนึ่งเกิดจากผลพลอยได้ของการเปลี่ยนชุดส่งกำลังมาเป็นเกียร์คลัตช์คู่ 7 สปีดใน Cooper S Hatch และ Convertible ส่วน Cooper SD เครื่องยนต์ดีเซล ใช้เกียร์ออโต้แบบ 8 สปีด สำหรับเกียร์ทวินคลัตช์ลูกใหม่ที่ใส่เข้ามาในรุ่น Cooper S เครื่องยนต์เบนซินเพื่อความรวดเร็วในการเปลี่ยนอัตราทด ช่วยทำให้การเร่งแซงรถช้า หรือการขับขึ้นภูเขาชันๆ กลายเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นมาก Cooper S เครื่องเบนซิน 2 ลิตร 4 สูบ เทอร์โบแปรผันแบบ Twin Scroll วางตามขวางขับเคลื่อนล้อหน้าระบบอัดอากาศเทอร์โบเดี่ยวลูกเดียวโดดๆ กับฟังก์ชั่น Overboost ทำงานได้อย่างไร้ที่ติ และมีอัตราความประหยัดที่น่าพอใจ มันอาจไม่แรงมุทะลุเหมือน Cooper JCW แต่สามารถใช้งานได้ดีในชีวิตประจำวันอันรีบเร่งของคนเมือง

ขุมกำลังของ Cooper S รุ่นเปิดประทุน Convertible วางเครื่องยนต์เบนซินแบบแถวเรียง 4 สูบ ความจุ 2.0 ลิตร พลาสติกครอบฝาสูบแบบใหม่ เครื่องยนต์ติดตั้งระบบอัดอากาศแบบเทอร์โบแปรผัน หรือ Twin Scroll Turbocharger เป็นเครื่องยนต์แบบ 4 กระบอกสูบ เทคโนโลยี MINI TwinPower Turbo มีปริมาตรความจุ 1,998 ซีซี กำลังสูงสุด 141 กิโลวัตต์ หรือ 192 แรงม้า ที่ 4,700-6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด (Overboost) 280-300 นิวตันเมตร ที่ย่าน 1,250-4,750 รอบต่อนาที อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 6.7 วินาที ความเร็วสูงสุดตะกายไปได้ถึง 230 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 18.5 กิโลเมตร/ลิตร ระดับการปล่อย CO2 เท่ากับ 122 กรัม ต่อระยะทาง 1 กิโลเมตร มาตรฐานมลพิษระดับ EURO-6 

ชุดเกียร์ใน MINI Cooper S Convertible คันทดสอบเป็นเกียร์อัตโนมัติแบบทวินคลัตช์ หรือเกียร์อัตโนมัติแบบ 7 สปีดพร้อมคลัตช์สองชุดที่ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่ เติมเต็มประสบการณ์การขับขี่สไตล์โกคาร์ทด้วยการตอบสนองที่ว่องไวของระบบเกียร์ ช่วยเสริมประสิทธิภาพของชุดขับเคลื่อนที่เทแรงบิดออกมาจากเครื่องยนต์สองลิตรเทอร์โบ เกียร์อัตโนมัติทวินคลัตช์รุ่นใหม่ เชื่อมโยงการทำงานกับระบบ Auto Start/Stop ในการทำงานของเครื่องยนต์ MINI Cooper S แบบอัตโนมัติ ลดอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงในสภาพการจราจรที่แออัด รวมถึงความใส่ใจในสภาพอากาศที่เข้ามาช่วยในเรื่องการลดค่ามลพิษ เป็นกลไกในด้านสมรรถภาพและประสิทธิภาพที่ผสานกันอย่างลงตัว การปรับปรุงความสามารถตามหลักการเทอร์โมไดนามิกส์ หรือการเปลี่ยนความร้อนเป็นพลังงาน พร้อมกับระบบจ่ายเชื้อเพลิงแบบยิงตรง คอมมอนเรล ไดเรค อินเจคชั่น มีแรงดันสูงสุดในชุดหัวฉีดไฟฟ้ามากถึง 2,000 บาร์ มอบศักยภาพการจ่ายเชื้อเพลิงที่มีความแม่นยำและมีประสิทธิภาพในการจุดระเบิด เพื่อคายพลังงานออกมาในรูปของแรงบิด แถมยังมีประหยัดเชื้อเพลิงได้ดีขึ้นนิดๆ

เจ้าจิ๋วที่ตัวไม่ค่อยจะจิ๋วตามชื่อ MINI เป็นรถทดสอบที่อยู่ภายใต้เครื่องหมายการค้าของ BMW Group การเปลี่ยนไฟท้ายเป็นลายธงอังกฤษแสดงออกถึงความพยายามในการบ่งบอกผู้คนทั่วไปว่ามันคือรถอังกฤษแต่แท้ที่จริงแล้วมันคือรถเยอรมันที่มีการขับดีงาม! ไม่ว่าจะย่องอยู่ในเมืองหรือโลดแล่นเต็มฝีเท้าในการขับทางไกล ทุกครั้งที่ขับ MINI หมายถึงการผญจภัยที่สนุกสนาน ไม่ว่าคุณจะขับมันไปช็อปปิ้งในเมืองหรือเอาออกมาเปิดหลังคารับลมเย็นๆ ในช่วงฤดูหนาวที่ไม่มีอยู่จริงในประเทศไทยก็ถือว่าเป็นรถที่เหมาะทั้งนั้น การเลือกซื้อรถเล็กราคาแพงจาก MINI หมายถึงการเลือกของเล่นที่ถูกใจในวัยเด็กและของเล่นที่ถูกใจนั้นส่วนใหญ่มีราคาแพงทั้งสิ้น! ผมอยู่กับ Cooper S รุ่นเปิดประทุน Convertible และเมื่อลมหนาวโชยมาอ่อนๆ ก็ถึงเวลาที่จะขับออกไปพิสูจน์ความเจ๋งท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงามในช่วงต้นฤดูหนาวแถบอำเภอศรีสวัสดิ์

นับจากปี 2001 MINI กว่าสองล้านคันถูกส่งออกมาจากโรงงานทั่วโลกเพื่อขายให้กับคนที่ชอบรถคันเล็กแต่มีราคาไม่เล็กตามขนาดของตัวถัง รูปลักษณ์ของมันก็แทบจะไม่แตกต่างไปจากรุ่นก่อนปรับโฉมถ้าไม่สังเกตให้ดีก็จะไม่รู้ว่านี่คือ Cooper S รุ่นใหม่ในรูปแบบ LCI เวอร์ชั่น F56 เป็นรถที่ถูกสร้างมาแบบใหม่ถอดด้ามและเปิดตัวในปี 2014 การปรับโฉมในปี 2018-2019 สานต่อความสามารถในการขับด้วยเครื่องยนต์และเทคโนโลยีของระบบ Multimedia ทำให้มันเป็นรถที่มีคุณลักษณะแตกต่างอย่างสิ้นเชิงเมื่อเทียบกับบรรพบุรุษเมื่อ 60 ปีก่อน การปรับปรุงเป็นหัวใจของความสำเร็จที่ทำได้ดีกว่าในยุคแรกๆ ที่ยังคงเป็นรถอังกฤษแบบเก่า MINI Cooper S Convertible รุ่นใหม่ยาวขึ้น 98 มิลลิเมตร แต่การนั่งเบาะหลังก็ยังไม่ได้รับความสะดวกสบายเหมือนเดิม ฐานล้อถูกขยับขยายจากรุ่น R56 ออกไปอีก 28 มิลลิเมตร เพื่อเพิ่มการยึดเกาะและเพิ่มพื้นที่ของเบาะหลัง การปรับปรุงด้านหน้าด้วยการเติมรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ทำให้มันแทบจะไม่แตกต่างไปจากรถรุ่นพี่ที่ออกมาขายในปี 2014 เท่าใดนัก

ความเตี้ยของรถที่ไม่มากเกินไปทำให้การเข้าออกจากห้องโดยสารของ MINI ใหม่มีความสะดวกสบายพอสมควร เมื่ออากาศเย็นคุณจะใช้เวลาแค่ 18 วินาทีในการพับหลังคา เจ้าหลังคาแสนกลก็จะพับเก็บอย่างเร็วและเงียบเพื่อการขับแบบเปิดประทุน เปิดหน้ารับอากาศเย็นที่มีให้แบบไม่นานนักก่อนจะกลับมาร้อนเหมือนเดิม MINI Cooper S Convertible ต้องการความแตกต่างที่ไม่ใช่แค่ตัวเลขแรงม้าและแรงบิด รูปลักษณ์ที่ดุดันผสมกับความน่ารักน่าชัง ทั้งช่องดักอากาศบนฝากระโปรงหน้า ช่องรับอากาศที่กันชนหน้าเอาไประบายความร้อนให้กับจานเบรก ท่อระบายไอเสีสองท่อคู่ตรงกลางใต้กันชนหลังที่ให้เสียงระเบิดปุๆ เพื่อความเร้าใจในทุกครั้งที่เร่งความเร็ว

ล้ออัลลอยขอบ 18 นิ้วลายใหม่ ยางยี่ห้อ Pirelli รุ่น Cinturato P7 แบบรันแฟลต ไซส์ 205/40R18 เบาะแบบสปอร์ตพร้อมท่านั่งที่มาดมั่น บอกให้รู้ว่าเจ้าของต้องควักถึง 3 ล้านเพื่อแลกกับการขับรถเปิดประทุนคันเล็กรุ่นนี้ เมื่อกดคันเร่งลงจนสุด กำลัง 192 แรงม้าจะทะลักออกมาพร้อมแรงดึงที่ทำให้คุณรู้สึกสนุก อาการทอร์คสเตียร์หรืออาการดึงที่พวงมาลัยเกิดขึ้นทันทีแต่ไม่มากเท่ากับ John Cooper Works ที่มีกำลังมากกว่า แรงฉุดลาก 300 นิวตันเมตรเมื่อระบบ Overboost ทำงาน ส่งผลให้ Cooper S Convertible เป็นรถเล็กที่มีอัตราเร่งว่องไวใช้ได้ ตัวเลข 6.8 วินาทีในการทะยานไปถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงนั้นกลายเป็นตัวชี้วัดสมรรถนะของมันได้เป็นอย่างดี ส่วนความเร็วสูงสุด 230 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ไม่มีถนนที่โล่งมากพอให้กระหน่ำไปจนถึงความเร็วสูงสุด แต่ถึงจะมีผมก็ไม่กล้าเสี่ยงอัดเจ้าจิ๋วตัวแสบให้เร็วจี๋ขนาดนั้นเพราะมันอันตรายและผิดกฎหมายอย่างชัดเจน! 

อัตราทดเกียร์คลัตช์คู่ 7 สปีดสั้นกระชับ นั่นหมายความว่าคุณจะรู้สึกได้ถึงการขับแบบสปอร์ตอย่างแท้จริง เกียร์ทำงานเร็วแม้จะไม่มีแป้นเปลี่ยนเกียร์มาให้เหมือนกับ JCW แต่ชุดส่งกำลังแบบใหม่ที่มีคลัตช์ถึงสองชุดก็ไวจนการใช้ Paddle Shift ไม่มีความจำเป็น ใช้โยกคันเกียร์ขึ้น-ลงก็สนุกและได้อารมณ์แบบเกียร์แมนวล ชุดส่งกำลังของมันตัดต่อได้เนียนและไหลลื่น เมื่อไล่อัตราทดขึ้นๆ ลงๆ ไปตามความเร็วและสภาพเส้นทาง รวมถึงเสียงท่อท้ายที่ระเบิดปังๆ ก็จะมีให้เฉพาะรุ่นเกียร์อัตโนมัติเท่านั้น เกียร์ทวินคลัตช์เข้ามาเติมเต็มความสามารถในการทดกำลังได้ดี หัวเกียร์แบบใหม่ที่มีหน้าตาเหมือนแท่งไอติมยังจับได้ถนัดมือดีอีกด้วย เมื่อผลักคันเกียร์ไปทางซ้ายคุณก็จะเข้าสู่โหมดแมนนวลสำหรับการเปลี่ยนเกียร์ด้วยตัวเองบนเส้นทางภูเขาสูงชันที่ต้องใช้เกียร์ช่วยในการไต่หรือไหลลงมาจากเนินเขา 

กลิ่นของความเป็น MINI ที่คุ้นเคยปรากฏอยู่ทั่วไปหมดและบางอุปกรณ์ถูกปรับปรุงให้มีเหตุผลของการใช้งานดีกว่าเดิม การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดทั้งปวง ส่วนหนึ่งมาจากแบบสอบถามลูกค้าที่ทำตามความต้องการของคนที่ยอมจ่ายเงิน 3 ล้านเพื่อแลกกับรถเปิดหลังคาคันนิดเดียว ช่วงล่างที่โอนอ่อนผ่อนคลายมากกว่า JCW ทำให้มันเป็นรถที่มีทั้งความหนึบและความนุ่ม ไม่แข็งกระด้างมากจนทำให้เกิดอาการสะเทือน การเซ็ตช่วงล่างให้ออกมาในลักษณะของรถโกคาร์ทแต่ไม่สะเทือนซางกระด้างจนเกินงามทำให้มันเป็นรถเล็กที่ใช้ขับออกทางไกลได้ดีและไม่ทำให้คุณต้องพบกับอาการปวดบั้นเอวหรือปวดหลัง ช่วงล่างที่กระชับยังส่งผลไปถึงการเข้าโค้งที่แม่นยำ การถ่ายเทน้ำหนักที่ดีและความสบายเมื่อวิ่งผ่านผิวถนนไม่เรียบ ขับมันทั้งวันก็ยังไม่เมื่อยเนื่องจากเบาะแบบใหม่นั้นเข้ากันกับช่วงล่างแบบสปอร์ตที่ไม่ได้แข็งโป๊กเหมือน MINI JCW ตัวเลขความเร็วในการตะกายจาก 0 ไปจนถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงนั้นเร็วกว่าเดิมพอสมควร ส่วนหนึ่งเป็นผลลัพธ์จากอัตราทดของเกียร์ทวินคลัตช์ที่ทำให้คุณรู้สึกได้ถึงสมรรถนะที่เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น การแซงรถช้าหรือรถบรรทุก รวมถึงการดันตัวเองขึ้นเนินชันๆ จึงกลายเป็นเรื่องที่ง่ายดายขึ้น เกียร์ออโต้สมัยใหม่นั้นเปลี่ยนเกียร์ได้เร็วและช่วยลดเกียร์ลงต่ำเมื่อคาอยู่ในโหมด Sport แล้วใช้เบรกหนักๆ เครื่องยนต์ทำงานได้ไหลลื่นและมีเสียงการทำงานในรอบสูงที่เร้าใจใช้ได้ ในขณะที่กำลังสูงสุด 192 แรงม้านั้นพอเพียงจนไม่จำเป็นจะต้องดิ้นรนเสียเงินเพิ่มเพื่อสอยรุ่น JCW ที่มีม้าถึง 230 ตัว รุ่น JCW Convertible ยังแข็งเกินไปเมื่อเจอกับเส้นทางชนบทแบบนี้ และเมื่อกดสวิตช์ปรับโหมดไปที่ Sport ความบันเทิงเริงรมย์หลังพวงมาลัยก็จะเพิ่มมากขึ้นแต่ก็ควรจะระวังให้ดีๆเพราะมันเป็นรถเล็กที่ปราดเปรียวว่องไวจนบางครั้งก็เกินงามมากไปหน่อยหากใส่แบบไม่ยั้ง พวงมาลัยไฟฟ้าในโหมดนี้ขยับตัวตึงมือขึ้นมาอีกนิดเพื่อปรับความหนืดให้เข้ากับความเร็วที่เปลี่ยนไป การเลี้ยวที่เฉียบคมเกิดขึ้นทันทีที่คุณเริ่มต้นเปลี่ยนองศาของพวงมาลัย แต่ระวังให้ดีๆ เมื่อใช้ความเร็วสูงก็ไม่ควรเปลี่ยนทิศทางอย่างฉับพลันทันที ฐานล้อที่สั้นกุดทำให้มันเป็นรถที่ไวในย่านความเร็วสูงและอาจทำให้เสียการควบคุมได้ถ้าสบัดพวงมาลัยเร็วเกินไป โดยภาพรวม พวงมาลัยไฟฟ้าใน Cooper S มีน้ำหนักที่กำลังดี แม่นยำและกระชับตัว เมื่อโยนรถเข้าโค้งเร็วๆ สักครั้งสองครั้งคุณจะพบว่าพวงมาลัยของมันกลายเป็นพัฒนาการที่ลงตัวมากกว่าเดิม มันพาหน้ารถไปในทิศทางที่ต้องการได้อย่างเที่ยงตรง แม้โหมด Sport จะทำให้น้ำหนักของพวงมาลัยเพิ่มขึ้นก็ตาม

ความคล่องตัวกับรถขนาดเล็กนั้นเป็นของที่คู่กันแต่ MINI Cooper S Convertible ยังมีความสบายให้คุณได้ผ่อนคลายเวลาขับแบบเปิดหลังคา ความคล่องตัวช่วยทำให้การขับบนทางหลวงหมายเลข 4041 สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้นเนื่องจากเป็นทางลาดยางสองเลนสวนที่คับแคบรกร้างว่างเปล่าท่ามกลางดงดิบของผืนป่าฝั่งตะวันตก เป็นเส้นทางที่วกไปวนมาหลังเขื่อนศรีนครินทร์ที่ไม่มีใครผ่านจากความเปลี่ยวของป่าที่เต็มไปด้วยภูเขาสูงชันซึ่งครอบคลุมจังหวัดกาญจนบุรี สุพรรณบุรี อุทัยธานีไปจนถึงจังหวัดตาก ล้อ 18 นิ้วกับยาง 205/40R18 มีแก้มที่เตี้ยติดพื้นทำให้ต้องระวังหลุมบนถนนที่มีอยู่ทั่วไปหมด เมื่อเปิดหลังคาแล้ววิ่งด้วยความเร็วต่ำมันก็เป็นรถที่ขับกินลมชมวิวได้ดีเหมือนรถเปิดประทุนทั่วไป กระจกบังลมบานประตูถ้ายกขึ้นมาก็ช่วยลดกระแสลมที่พัดเข้ามาในห้องโดยสารทำให้ทรงผมที่เซ็ตมาเป็นอย่างดีไม่ยุ่งเหยิงเป็นรังนกกระจาบ 

แม้จะมีหลายสิ่งหลายอย่างที่พยายามแสดงให้เห็นว่ามันเป็นรถอังกฤษ แต่แท้ที่จริงแล้ว Cooper S Convertible ก็เป็นรถเยอรมันที่ขับได้ดีคันหนึ่งในวงการรถเล็กประสิทธิภาพสูง เป็นการพัฒนาจากรากเหง้าของรถจิ๋วในอดีตจนเติบใหญ่ในปัจจุบัน มีหลายสิ่งหลายอย่างถูกปรับเปลี่ยนเพื่อทำให้มันมีความน่าใช้เพิ่มขึ้น งานปรับปรุงในรุ่น LCI ของ F57 ให้ความรู้สึกแพงและสวยงาม เช่นเดียวกับสุนทรียภาพของการขับเมื่อเทียบกับคู่แข่ง มันเป็นรถที่เหมาะกับฤดูหนาวของประเทศไทย ขับสบายไม่สะเทือนมากจนเกินไปจากช่วงล่างที่เซ็ตมาลงตัว แม้คุณจะเปิดหลังคาวิ่งแค่ 3 วัน และอีก 362 วันก็ต้องวิ่งแบบปิดหลังคามันก็ยังคุ้มล่ะครับ.

General information

Brand Mini
Model Convertible
Generation Convertible (F57)
Modification (Engine) Cooper S 2.0 (192 Hp)
Start of production 2019
Body type Cabriolet
Seats 4
Doors 2

Engine specs
Power 192 hp @ 5000-6000 rpm
Torque 280-300 Nm @ 1250-4600 rpm.
206.52 lb.-ft. @ 1250-4600 rpm.
Engine location Front, Transverse
Engine displacement 1998 cm3 121.93 cu. in.
Number of cylinders 4
Position of cylinders Inline
Cylinder Bore 82 mm 3.23 in.
Piston Stroke 94.6 mm 3.72 in.
Compression ratio11.0:1
Number of valves per cylinder 4
Fuel System Direct injection
Turbine TwinScroll Turbo 
Space, Volume and weights
Kerb Weight 1,200 kg 2,645.55 lbs.
Max. weight 1,745 kg 3,847.07 lbs.
Trunk (boot) space - minimum160 l 5.65 cu. ft.
Trunk (boot) space - maximum215 l 7.59 cu. ft.
Fuel tank capacity 44 l 11.62 US gal | 9.68 UK gal
Performance specs
Fuel consumption (economy) - urban7.9-7.8 l/100 km
29.77 - 30.16 US mpg 35.76 - 36.22 UK mpg
Fuel consumption (economy) - extra urban5.1-4.9 l/100 km
46.12 - 48 US mpg 55.39 - 57.65 UK mpg
Fuel consumption (economy) - combined6.1-6.0 l/100 km
38.56 - 39.2 US mpg 46.31 - 47.08 UK mpg
Fuel Type Petrol (Gasoline)
Acceleration 0 - 100 km/h 6.8 sec
Maximum speed 230 km/h 142.92 mph
Emission standard EURO VICO2 emissions 142-139 g/km

Dimensions
Length 3,850 mm 151.57 in.
Width 1,727 mm 67.99 in.
Height 1,415 mm 55.71 in.
Wheelbase 2,495 mm 98.23 in.
Front track 1,485 mm 58.46 in.
Rear (Back) track 1,485 mm 58.46 in.
Ride height 115 mm
Drag coefficient (Cd)0.36
Minimum turning circle (turning diameter)10.8 m 35.43 ft.

Drivetrain, brakes and suspension specs
Drive wheel Front wheel drive
Number of Gears 7 Speed transmission
suspension Independent, Spring McPherson, with stabilizer
Rear suspension Multi-link independent
Front brakes Ventilated discs
Rear brakes Disc
Steering type Steering rack
Power steering Electric Steering
Tires size 205/40R18  Pirelli Cinturato P7
Wheel rims size 7J x 18 

อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/

ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง

ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0