โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

เปิดสวัสดิการเด่นของ 4 ประเภทองค์กรในไทย

Brand Inside

เผยแพร่ 17 ธ.ค. 2561 เวลา 09.00 น. • Ratirita
bonus
Photo : Shutterstock

พาไปดูสวัสดิการขององค์กร 4 ประเภทในไทย รัฐวิสาหกิจ, เอกชนไทย, เอกชนต่างชาติ และสตาร์ทอัพ แต่ละแห่งก็มีสวัสดิการที่ดึงดูดพนักงานแตกต่างกัน

Photo : Shutterstock
Photo : Shutterstock

หากพูดถึง“สวัสดิการในที่ทำงาน” ปฏิเสธไม่ได้ว่าถือเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่คนทำงานให้ความสำคัญและมีผลต่อการตัดสินใจเข้าทำงานกับองค์กรนั้น ๆ โดยเฉพาะในยุคที่เทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทสำคัญ ทำให้รูปแบบการทำงานและการใช้ชีวิตของคนในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม และส่งผลให้เกิดอาชีพใหม่ ๆ ขึ้นไม่ว่าจะเป็นบล็อกเกอร์ ยูทูปเบอร์ แม่ค้าออนไลน์ ฯลฯ ซึ่งเป็นอาชีพที่คนรุ่นใหม่หลายคนให้ความสนใจมากกว่าการทำงานประจำ

ทำให้หลายองค์กรเริ่มหันมาให้ความสำคัญในเรื่องการจัดสรรสวัสดิการให้แก่คนทำงานเพื่อเป็นเครื่องมือในการดึงดูดใจให้คนอยากเข้ามาทำงานกับองค์กร และเพื่อรักษาบุคลากรที่มีศักยภาพ

JobThai ได้เปิดเผยข้อมูล“สวัสดิการเด่นของ4 ประเภทองค์กรในไทยที่มอบให้พนักงาน” โดยได้ทำการสำรวจจากฝ่ายทรัพยากรบุคคลขององค์กรในประเทศไทย จำนวน457 คน

  • รัฐวิสาหกิจ

5 สวัสดิการแรกที่องค์ประเภทนี้ได้จัดสรรให้กับพนักงาน ได้แก่ 1.โบนัส  2.ตรวจสุขภาพประจำปี3.ค่ารักษาพยาบาลบุคคลในครอบครัว4.เงินกู้ยืม5.ค่าล่วงเวลา

Photo : Shutterstock
Photo : Shutterstock

สำหรับสวัสดิการที่โดดเด่นขององค์กรประเภทรัฐวิสาหกิจ คือ สวัสดิการด้านสุขภาพ เนื่องจากเป็นองค์กรที่รัฐบาลถือหุ้นเป็นส่วนใหญ่จึงมีการจัดสรรสวัสดิการเกี่ยวกับการเสริมสร้างสุขภาพเช่นเดียวกับหน่วยงานราชการ ซึ่งสวัสดิการด้านสุขภาพนี้สามารถดึงดูดให้คนอยากเข้ามาทำงานในองค์กรประเภทนี้ได้เป็นอย่างดี

นอกจากนี้ยังมีสวัสดิการที่น่าสนใจอย่างรางวัลพนักงานดีเด่นประจำปี ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้พนักงาน มีการพัฒนาประสิทธิภาพการทำงานอยู่เสมอ ขณะที่พนักงานในองค์กรประเภทนี้ได้ให้ความสำคัญกับวันหยุด–วันลา ตามกฎหมายกำหนด, โบนัส, ประกันสุขภาพ, ประกันสังคม และค่ารักษาพยาบาลบุคคลในครอบครัว ตามลำดับ

2. เอกชนไทย

องค์กรประเภทนี้ถือเป็นองค์กรที่มีการแข่งขันในการสรรหาบุคลากรค่อนข้างสูง จึงได้ให้ความสำคัญกับเรื่องสวัสดิการของพนักงานเป็นอย่างมาก

โดย5 สวัสดิการแรกที่องค์ประเภทนี้ได้จัดสรรให้กับพนักงาน ได้แก่ 1.โบนัส2.ค่าล่วงเวลา3.เงินช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาล4.เบี้ยขยัน5.เงินสนับสนุน เช่น งานแต่งงาน งานอุปสมบท

Photo : Shutterstock
Photo : Shutterstock

นอกจากนี้ยังมีการจัดสรรสวัสดิการที่โดดเด่นจากองค์กรประเภทอื่น ๆ เช่น จัดคอร์สอบรมและพัฒนาความรู้ให้แก่พนักงานภายในออฟฟิศ ซึ่งการสนับสนุนดังกล่าวจะช่วยให้พนักงานมีประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้น และยังสามารถมัดใจให้บุคลากรที่มีศักยภาพอยู่กับองค์กรไปนาน ๆ ด้วย

ในขณะที่พนักงานขององค์กรเอกชนไทยได้ให้ความสำคัญกับสวัสดิการด้านวันหยุด–วันลา ตามกฎหมายกำหนด, โบนัส, ประกันสังคม, ประกันสุขภาพ และค่าล่วงเวลา ตามลำดับ

3. เอกชนต่างชาติ

5 สรรสวัสดิการให้กับพนักงาน ได้แก่ 1.โบนัส2.สถานที่ออกกำลังกายภายในออฟฟิศ3.ห้องรักษาพยาบาลเบื้องต้นภายในออฟฟิศ4.ส่งพนักงานไปอบรมหรือศึกษาดูงานต่างประเทศ5. เงินกู้ยืม 

Photo : Shutterstock
Photo : Shutterstock

ด้วยความที่องค์กรต้องมีการติดต่อสื่อสารกับต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นสวัสดิการเด่นขององค์กรประเภทนี้ก็คือการส่งพนักงานไปอบรมหรือศึกษาดูงานต่างประเทศ ซึ่งถือเป็นสวัสดิการที่ช่วยพัฒนาศักยภาพของพนักงานเพื่อนำมาปรับใช้กับการทำงานได้เป็นอย่างดี

ส่วนพนักงานในองค์กรประเภทนี้ได้ให้ความสำคัญกับโบนัส, วันหยุด–วันลา ตามกฎหมายกำหนด, ประกันสุขภาพ, ประกันสังคม และค่ารักษาพยาบาลบุคคลในครอบครัว ตามลำดับ

4. สตาร์ทอัพ(Startup)

แน่นอนว่าเป็นองค์กรประเภทใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นได้ไม่นาน ส่วนใหญ่จะต้องทำงานที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีหรือนวัตกรรม ดังนั้นกลุ่มคนทำงานในองค์กรประเภทนี้ส่วนใหญ่จะเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีแนวคิดหรือวิธีการทำงานที่ไม่ยึดติดกับรูปแบบเดิม ๆ โดยองค์กรประเภทสตาร์ทอัพ(Startup)

5 สวัสดิการแรกให้กับพนักงาน ได้แก่ 1.โบนัส2.วันหยุด–วันลา ตามกฎหมายกำหนด3.เบี้ยขยัน4.ประกันสังคม5.กิจกรรมสันทนาการ ซึ่งอาจจะไม่ได้แตกต่างกับองค์กรประเภทอื่น

Photo : Shutterstock
Photo : Shutterstock

แต่ที่โดดเด่นคือมีการจัดสรรสวัสดิการในเรื่องเวลาทำงานที่ยืดหยุ่นได้(Flexible Hour) รวมถึงมีสวัสดิการเกี่ยวกับพื้นที่สันทนาการในออฟฟิศให้พนักงานได้พักผ่อนหย่อนใจในระหว่างการทำงาน อาทิ พื้นที่เล่นเกม เล่นกีฬา และเล่นดนตรี เป็นต้น

ซึ่งสอดคล้องกับการสำรวจของฝั่งพนักงานที่ทำงานในองค์กรประเภทนี้ พบว่าพวกเขาให้ความสำคัญในเรื่องเวลาทำงานที่ยืดหยุ่นได้(Flexible Hour) มาเป็นอันดับแรก เพราะกลุ่มคนรุ่นใหม่มองว่าโลกปัจจุบันที่ไร้พรมแดนทั้งด้านการสื่อสาร เวลา และสถานที่ ทำให้สามารถทำงานและมีชีวิตส่วนตัวที่สมดุลกันได้ โดยเน้นที่ประสิทธิภาพของตัวงานมากกว่าการกำหนดเวลาเข้า–ออกงาน

นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับสวัสดิการด้านโบนัส, วันหยุด–วันลา ตามกฎหมายกำหนด, ประกันสุขภาพ และการทำงานที่ไม่ต้องเข้าออฟฟิศ(Mobile Working) ตามลำดับ

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0