เปิดมุมมองใหม่ใน"ศรีลังกา"

การท่องเที่ยวเดินทางไปในประเทศที่นับถือศาสนาพุทธ หลายคนมักมองว่าเป็นการรวมกลุ่มกันไปเพื่อไหว้พระแสวงบุญ อย่างการเดินทางไป "ศรีลังกา" ก็เช่นกัน คนส่วนใหญ่เข้าใจว่าไปที่นั่นเพื่อสักการะพระธาตุเขี้ยวแก้ว และไหว้พระตามสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ แต่ล่าสุดมีโอกาสได้ร่วมทริป"เจอร์นีย์ ทู ศรีลังกา วิธ เคทีซี" ทำให้มุมมองการท่องเที่ยวที่มีต่อประเทศนี้เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เพราะการเดินทางครั้งนี้เป็นการท่องไปทางตอนใต้ของประเทศที่ได้รับการขนานนามว่า "ไข่มุกแห่งมหาสมุทรอินเดีย" ซึ่งหลายคนอาจยังไม่คุ้นเคยมากนัก และวันนี้เราจะพาไปลุยพร้อมกัน

ป้อมปราการเมืองกอลล์

หลังจากการเดินทางราว 3 ชั่วโมงครึ่งจบสิ้นลง เครื่องบินของสายการบินศรีลังกาแอร์ไลน์ก็พาเราร่อนลงสู่ท่าอากาศยานนานาชาติบันดารานายาเก ห่างจากกรุงโคลัมโบเมืองหลวงราว 30 กิโลเมตร จากจุดนี้เรามุ่งหน้าสู่"เมืองกอลล์" นั่งรถมองทิวทัศน์สองข้างทางเพลินๆ ราว 2 ชั่วโมงเศษ เราก็จะได้สัมผัสเมืองชายทะเลที่สวยงามและมีเสน่ห์ ซึ่งไกด์ประจำทริปเล่าให้ฟังว่า เมืองกอลล์เป็นเมืองเก่าสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยโปรตุเกสเข้ามายึดครองเมื่อราวศตวรรษที่ 16 ที่นี่จึงเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมในสไตล์ยุโรปในยุคโคโลเนียลที่สวยงามและแปลกตาหลงเหลืออยู่หลายแห่ง และการชมเมืองชมเส้นทางประวัติศาสตร์ครั้งนี้แนะนำให้นั่งรถตุ๊กตุ๊ก ซึ่งเป็นพาหนะสุดชิคและสุดฮิตของชาวศรีลังกา แม้การขับขี่จะค่อนข้างหวาดเสียวสักหน่อย แต่ก็จะทำให้เราได้สัมผัสวิถีชีวิตของคนพื้นถิ่นอย่างแท้จริง

ประภาคารกอลล์

สุเหร่ามีรา

โบสถ์คริสต์

ไฮไลท์สำคัญที่ไม่ควรพลาดคือป้อมปราการเมืองกอลล์ สร้างขึ้นในยุคล่าอาณานิคม ปัจจุบันเป็นป้อมใหญ่ที่สุดที่ยังหลงเหลืออยู่ในเอเชีย และได้ถูกบรรจุให้เป็นหนึ่งในมรดกโลกของยูเนสโก ภายในป้อมปราการบนพื้นที่ประมาณ 8 ตารางกิโลเมตร มีสถานที่น่าเก็บภาพเป็นที่ระลึกหลายแห่ง เช่นประภาคารกอลล์ อีกหนึ่งจุดชมวิวยอดนิยมหันหน้าออกสู่ทะเลสีเขียวมรกต โดยประภาคารกอลล์เป็นประภาคารตั้งอยู่ทางใต้สุดและเก่าแก่ที่สุดในศรีลังกา มีอายุถึง 168 ปี สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1848 ลักษณะคล้ายดาว 5 เหลี่ยม เดิมเป็นสถานที่บัญชาการทางทหารของกองทัพอังกฤษ ห่างกันไม่มากนักเป็นที่ตั้งของ สุเหร่ามีรา อายุราว 300 ปี เป็นมัสยิดที่ใหญ่และมีชื่อเสียงที่สุดในกอลล์ นอกจากนี้ยังมีโบสถ์คริสต์และศาลเจ้าอยู่ภายในป้อมแห่งนี้ด้วย

ล่องเรือชมโลมาและวาฬสีน้ำเงิน

จากเมืองกอลล์เรามุ่งหน้าไป"มิริสซ่า" เมืองทางตอนใต้สุดของประเทศ ล่องเรือไปกลางมหาสมุทรอินเดีย เพื่อชมโลมาและวาฬสีน้ำเงิน สัตว์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ความยาวเมื่อโตเต็มที่อาจยาวถึง 30 เมตร น้ำหนักกว่า 100 ตัน และครั้งนี้โชคดีเป็นของคณะเราเพราะโลมาฝูงใหญ่แหวกว่ายเข้ามาใกล้เรือของเราอยู่หลายครั้ง ส่วนวาฬสีน้ำเงินแม้จะไม่เห็นในระยะประชิดแต่ก็รับรู้ได้ว่าแหวกว่ายอยู่ไม่ไกลจากเรือมากนัก

อุทยานแห่งชาติยาลา

ฝูงกวางดาว

จระเข้

ควายป่า และนกหลากหลายสายพันธุ์

ชมสัตว์ในท้องทะเลกันไปแล้วก็เป็นคราวของสัตว์ในป่ากันบ้าง และอีกหนึ่งจุดสำคัญที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดคือ อุทยานแห่งชาติยาลา ภายในอุทยานเต็มไปด้วยสัตว์ป่าหายากและใกล้สูญพันธุ์ รวมถึงสัตว์ป่าสุดป๊อปอย่างเสือดาว ช้าง จระเข้ กวางดาว หมูป่า ควายป่า และนกกว่า 130 สายพันธุ์ ที่นี่ถึงจะไม่เป็นที่นิยมเท่ากับทางแอฟริกา แต่ก็นับเป็นการเริ่มต้นในการท่องเที่ยวแบบซาฟารีในภูมิภาคเอเชีย การเดินทางเข้าไปส่องสัตว์ด้านในมีกฎค่อนข้างเข้มงวด แต่หากเราทำตามกติกาความสนุกสนานก็เกิดขึ้นได้แบบเกินร้อยทีเดียว

การตกปลาบนไม้ค้ำ

อีกหนึ่งไฮไลท์พลาดไม่ได้ของศรีลังกาคือการตกปลาบนไม้ค้ำ ที่เมืองค็อกคาลา เป็นวิธีการตกปลาแบบดั้งเดิมของชาวประมงศรีลังกาสืบสานกันมานานนับ 100 ปี โดยนั่งทรงตัวอยู่บนไม้ค้ำใกล้ชายฝั่งสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 2 เมตร การตกปลาไม่ต้องใช้เหยื่อแต่จะใช้เข็มแทน เพราะเมื่อลงไปในน้ำเข็มจะสะท้อนแสงทำให้ปลาติดเบ็ดได้ง่าย ปลาที่ตกได้จะเป็นปลาชายฝั่ง อาทิ ปลาทราย ปลาข้างขาว เป็นต้น ปัจจุบันแม้ว่าการตกปลาแบบนี้จะยังมีให้เห็นอยู่บ้างแต่ก็ไม่นิยมเหมือนเมื่อก่อน

บุโรพุทโธจำลอง

ต้นพระศรีมหาโพธิ์

พิธีรับพระธาตุ

ตระเวนชมเมืองต่างๆ จนเริ่มรู้จักวิถีชีวิตคนพื้นเมืองมากขึ้น แต่ก่อนโบกมือลาศรีลังกาเราไม่ลืมที่จะไหว้พระขอพร ณ วัดคงคาราม ในกรุงโคลัมโบ หนึ่งในวัดนิกายสยามวงศ์และเป็นที่ตั้งของโรงเรียนพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์แห่งแรกของศรีลังกา มีชื่อเสียงด้านสถาปัตยกรรม จิตรกรรม และศิลปะที่มีความโดดเด่น เพราะเป็นแบบผสมผสานระหว่างศรีลังกา อินเดีย ไทย และจีน ภายในพระอุโบสถประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยสีเหลืองสดใส และภาพฝาผนังปูนปั้นนูนสีสันสดใสแปลกตา นอกจากนีี้ยังมีบุโรพุทโธจำลอง มีอาคารต่างๆ ไว้เก็บรักษาโบราณวัตถุและสิ่งมีค่าต่างๆ มากมายทางศาสนา รวมถึงสิ่งของต่างๆ ที่มีบุคคลนำมาถวายไว้มากมาย และจุดสำคัญสุดแห่งหนึ่งคือต้นพระศรีมหาโพธิ์ 1 ใน 16 หน่อจริงแยกมาจากต้นพระศรีมหาโพธิ์อนุราธปรุะ คณะของเรายังได้เข้าร่วมพิธีศักดิ์สิทธิ์ "รับพระธาตุ" โดยจะนำพระธาตุมาเทินบนศีรษะ เพื่อระลึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตามความเชื่อว่า "หากท่านใดได้ทำพิธีมงคลบูชารับพระธาตุนี้ จะทำให้หมดเคราะห์ ตัดกรรม และโชคดีตลอดไป"

ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ เคทีซียังได้ร่วมกับบริษัทนำเที่ยว เวิลด์ เอ็กซ์พลอเรอร์ จัดแพ็กเกจท่องเที่ยวศรีลังกาในราคาพิเศษ ผู้สนใจสามารถติดตามแคมเปญได้ที่ www.ktcworld.co.th หรือติดต่อสอบถามที่ 0-2123-5050

++++++++++

เรื่อง : วันวิสา โรจน์แสงรัตน์

ภาพ : วาทินี ห้วยแสน