โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

เปิดภารกิจสำคัญ 4ตำรวจ มือทำงานระดับประเทศ สู่รางวัลคำสั่งแต่งตั้ง'62

Thairath - ไทยรัฐออนไลน์

เผยแพร่ 18 มี.ค. 2562 เวลา 14.22 น.
ภาพไฮไลต์
ภาพไฮไลต์

ถึงแม้คำสั่งแต่งตั้งรอบนี้ยังออกไม่หมด แต่ก็ทำเอาตำรวจหลายนายที่รอลุ้นรายชื่อกันข้ามปี พากันถอนหายใจเฮือกใหญ่ ด้วยความโล่งอก โล่งปอด โดยเฉพาะนายตำรวจที่สมหวังดั่งใจหวัง คงจะด้วยความขยันหมั่นเพียร บวกกับความพยายามสร้างผลงานช่วยเหลือประชาชน มุ่งเน้นประโยชน์ของชาติบ้านเมืองเป็นหลักมาตลอดทั้งปี ก็จะได้ก้าวขาขยับสลับที่ หรือก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งหลักกันไปหลายร้อยนายในหนังสือคำสั่งแต่งตั้งที่ผ่านมา "ใครที่ทำงานเต็มที่ ไม่ได้ขี้เกียจสันหลังยาว" ท้ายที่สุดมีชื่อเข้าวิน อันนี้คงต้องเฮกันอย่างภาคภูมิใจ! มิใช่ไปฉกชิงวิ่งแย่งเก้าอี้ "ดีๆ" ของใครเค้ามา  

ตำแหน่งสำคัญๆ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติทั่วประเทศไทย ที่นายตำรวจคนไหนๆ ก็ใฝ่ฝันอยากนั่งหย่อนก้นสักครั้งเพื่อสร้างศักดิ์ศรีแห่งความภาคภูมิใจ มันจะเป็นของใครไปไม่ได้นอกจาก"เป็นของคนที่เค้าทุ่มเททำงานจริงๆ" ไทยรัฐออนไลน์ หยิบยกรายชื่อนายตำรวจสมหวัง ได้ดีเพราะการทำงานอย่างจริงจังในรอบปีที่ผ่านมา เนื่องจากมีหลักฐานปรากฏเด่นชัด "อิจฉาตาร้อนกันไม่ได้" (นะคะ) เพราะว่าข้อมูลที่ล้วงลึกมาให้รับทราบต่อไปนี้ล้วนแล้วแต่เป็น "ของจริง มาแน่นๆ จัดเต็มๆ" 

- พ.ต.อ.สัมพันธ์ เหลืองสัจจกุล -

เพิ่งจะสมหวังก้าวคว้าดาวติดยศ "พ.ต.อ." ไปหมาดๆ เมื่อคำสั่งแต่งตั้งที่ผ่านมา  (2561) ได้เปิดประสบการณ์ใหม่ด้วยตำแหน่ง ผู้กำกับท่องเที่ยว ดูแลพื้นที่ภาคอีสาน จากเคยเป็นตำรวจเมืองหลวงอยู่นครบาลมาทั้งชีวิต กระทั่งเมื่อปีก่อน พ.ต.อ.สัมพันธ์ เหลืองสัจจกุล นักเรียนนายร้อยรุ่น 53 ก็ได้ไปขึ้นตำแหน่งเป็น "ผกก.1 บก.ทท.2" ดูแลภาคอีสานหลายจังหวัด ที่เด็ดไปกว่าเพราะผลงานเข้าตากรรมการอย่างจัง เพราะทีมงาน บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ได้ยกโขยงกันไปแจกโฉนดที่ดินคืนให้กับพี่น้องชาวอีสานหลายจังหวัด 

ไม่เพียงแต่ไกล่เกลี่ยเรื่องโฉนดที่ดินอย่างเดียว ปัญหาอาชญากรรมการกวาดล้าง บุกค้นจับกุมตลอดปีที่ผ่านมา รัฐบาลไทยร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถึงกับต้องตั้งศูนย์ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือที่เรียกว่า ศูนย์ TACTICS โดยมีพลตำรวจเอก ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ ที่ปรึกษาพิเศษสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้อำนวยการศูนย์ฯ และมี พลตำรวจตรี สุรเชษฐ์ หักพาล หรือบิ๊กโจ๊ก รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (ตำแหน่งเดิม) เป็น หัวหน้าชุดปฏิบัติการฯ (ปัจจุบันติดยศ พล.ต.ท. ดำรงตำแหน่ง ผบช.สตม.)

ก็คงจะได้เห็นความขยันและฝีไม้ลายมือกันพอสมควร อยู่ดีๆ พ.ต.อ.สัมพันธ์ เหลืองสัจจกุล ก็กลายเป็นม้ามืด ไม่ใช่เด็กสร้าง "บิ๊กโจ๊ก" ไม่ใช่ลูกรัก "บิ๊กแป๊ะ" และไม่ได้มาจากบ้านวงษ์สุวรรณ แต่กระโดดเข้ามานั่งกลางใจ เพราะ "ขยันทำงานอย่างจริงจัง" จากตำแหน่งผู้กำกับท่องเที่ยวภาคอีสาน ก็สลับมานั่งเก้าอี้ ผู้กำกับ ตม.ชลบุรี ในขณะที่ พ.ต.อ.ทรงโปรด สิริสุขะ ครบวาระ ขึ้นรองผู้การ ตม.3 ในคำสั่งแต่งตั้งเดียวกัน..

ม้ามืด - ม้าขาว - ม้าดำ อันนี้ไม่ทราบได้ แต่หลังจากที่วงในไปกระซิบถามกันมาปากต่อปากก็ทราบโดยทั่วกันว่า "มติเป็นเอกฉันท์" จังหวัดชลบุรี ปัญหาเยอะ โดยเฉพาะเรื่องต่างด้าวคนเข้าเมือง ที่ประชุมต้องเคาะออกมามีบทสรุปเป็นเสียงเดียวกัน เพราะว่า พ.ต.อ.สัมพันธ์ เหลืองสัจจกุล เท่านั้นต้องมาจัดการกวาดล้างแก้ปัญหา ไม่ได้ดีเพราะเป็นเด็กใคร แต่ได้เพราะตั้งใจทำงานจนบ้านช่องไม่ได้กลับ เพื่อนร่วมรุ่นแต่งงานกันไปหมดแล้ว แต่เค้ายัง "โสดมาก" เพราะวันๆ ทำแต่งาน 

 - พ.ต.อ.กัมพล รัตนประทีป -

ส่วนอีกหนึ่งนายตำรวจหนุ่มรูปงาม ขวัญใจนครบาล ที่หลายคนคงจะงงๆ กันอยู่บ้างในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา เพราะไม่รู้ว่าอยู่ตำแหน่งไหนยังไงกันแน่ เพราะปรากฏตัวแถลงข่าวดังข่าวใหญ่หลายพื้นที่ในประเทศไทยพ.ต.อ.กัมพล รัตนประทีป ผกก.สน.ห้วยขวาง หรือผู้กำกับมาร์ค นักเรียนนายร้อยรุ่น 52 คำสั่งนี้ได้โยกไปเป็นผู้กำกับ สน.ลุมพินี เพราะได้รับความไว้วางใจจากผู้บังคับบัญชา ด้วยบุคลิกที่เป็นคนตรงๆ จริงจังกับงาน ต้องทำ ต้องได้ ต้องเสร็จ เป๊ะไปทุกองศา เสียงลือเสียงเล่าว่า ผู้ใต้บังคับบัญชา สน.ห้วยขวาง มีความเกรงกลัวสบตาสักครั้งยังไม่ค่อยจะกล้า ขาด ลา มาสาย สำนวนค้าง หรือแม้กระทั่งแต่งตัวไม่เรียบร้อย ก็ไม่เคยปล่อยไว้นะจ๊ะ 

ในห้วงเวลากว่า 2 ปี ที่ผู้กำกับมาร์ค ดูแลพื้นที่ห้วยขวาง พยายามอย่างยิ่งยวดที่จะต้อง "เอาให้อยู่" ด้วยสโลแกนแรกเริ่มเดิมที "ผมมาที่นี่เพื่อสร้างชื่อเสียง" ดังนั้นห้วยขวางในยุคผู้กำกับมาร์ค แตกต่างกว่าทุกยุคสมัย ไม่ว่าจะเป็นตัวอาคาร ลานจอดรถ ห้องประชุมทันสมัย การจัดระเบียบโรงพักใหม่ทุกชั้น สำคัญที่สุดคือ ย้ายห้องผู้กำกับมาไว้ด้านหน้า เพราะเชื่อว่าหากประชาชนมาแจ้งความสมควรอย่างยิ่งที่ต้องพบเจอผู้กำกับโรงพักก่อนใคร ไม่ใช่เอาขึ้นไปอยู่ชั้น 2 หรือพื้นที่ลึกลับซับซ้อนเข้าถึงยาก 

ผลงานการจับกุมกวาดล้างอาชญากรรมของโรงพักห้วยขวาง สถิติจับกุมอยู่ในลำดับต้นๆ ของนครบาล อีกทั้งห้วยขวางยุคนี้ยังเป็นที่เชิดหน้าชูตาของประเทศชาติ เนื่องจากมีตำรวจจากหลายประเทศพากันมาดูงาน และจดจำนำไปพัฒนาเป็นแบบอย่าง ….แค่นี้ยังไม่หมดนะคะ เพราะถึงแม้ผู้กำกับมาร์คจะดูมีภาพลักษณ์ดุดันน่าเกรงขาม แต่ด้านการบำรุงขวัญกำลังใจลูกน้อง มีไม่ขาด สวัสดิการดีๆ ของตำรวจในโรงพัก ถูกสรรหาจัดแจงมาโดยผู้กำกับมาร์คแทบทั้งสิ้น 

และที่น่าทึ่งไปกว่านั้น เค้าสวมหมวกในการทำงานมากกว่า 1 ใบ เนื่องจากได้รับความไว้วางใจจากผู้บังคับบัญชา เป็นหนึ่งในชุดทำงานของ ศูนย์ TACTICS ไขปัญหาคดีดังทั่วประเทศที่มาร้องเรียนในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรียกได้ว่า"ตำรวจคนไหนทำไม่ได้ ต้องส่งต่อมาให้ ผู้กำกับห้วยขวาง" สานต่อจนเสร็จ ดังนั้นแฟ้มงานที่กองอยู่เต็มโต๊ะ คือคดีสำคัญของประชาชนที่เดือดร้อนทั้งประเทศ ท้ายที่สุดคำสั่งนี้ผลงานดีเข้าตา ต้องย้ายไปปรับปรุงจัดระเบียบพื้นที่ สน.ลุมพินี สังกัด บก.น.5 ….ทิ้งบรรทัดฐานการทำงานที่สูงปรี๊ดดดด ไว้ให้ผู้กำกับคนใหม่ได้สานต่อ ซึ่งก็คงจะเหนื่อยพอดู เพราะห้วยขวางยุคนี้ *"ต้องเอาให้อยู่"    *

 - พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย - 

คุ้นหน้าคุ้นตาที่สุดเลยก็ว่าได้ หลายคนคงจะจำภาพมือปราบแก๊งเปรี้ยว ฆ่าหั่นศพ แห่งเขาสวนกวาง เพราะครั้งนั้นกลายเป็นคดีดังข้ามประเทศ ด้วยความเหี้ยมโหดของเหล่าบรรดาสาวสวยที่ใจกล้าเลือดเย็น หั่นร่างเพื่อนสาวเป็นชิ้นๆ ก่อนเอาไปทิ้งไว้ในพื้นที่ สภ.เขาสวนกวาง ซึ่งมี พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย นักเรียนนายร้อยรุ่น 52 (ผู้กำกับหนึ่ง) เป็นผู้กำกับประจำสถานี เมื่อปี 2560 และลงพื้นที่คลี่คลายคดีที่สร้างเสียงฮือฮาให้กับสาวๆ ทั้งประเทศ ด้วยรูปร่างหน้าตาที่หล่อเหลาไม่แพ้ ผู้กำกับมาร์ค เพื่อนร่วมรุ่น อีกทั้งการทำงานยังถึงลูกถึงคน ทั้งงานสืบสวน จับกุม ปราบปราม กระทั่งล่าแก๊งเปรี้ยวกลับมาดำเนินคดีได้ในที่สุด 

หลังจากนั้นผู้กำกับหนึ่ง ก็ย้ายมารับตำแหน่งเป็น ผู้กำกับ สภ.เมืองบ้านเป็ด จ.ขอนแก่น และก็มีคดีดังคดียากให้ต้องพิสูจน์ฝีไม้ลายมืออีกหลายคดี โดยเฉพาะเมื่อต้นปีที่ผ่านมา แก๊งมันทุกเม็ด เครือข่ายยาบ้ารายใหญ่ออกอาละวาทในโลกออนไลน์ สั่งเป็นสั่งตาย สั่งฆ่าน้องเรด บ้านตูม จนกลายเป็นข่าวดังสนั่นไม่แพ้แก๊งเปรี้ยวเมื่อปี 60 ซึ่งก็อีกนั่นแหละ ผู้กำกับหนึ่งก็มีหมวกหลายใบในการกวาดล้างจับกุม เพราะนอกจากต้องดูแลคดีในพื้นที่แล้ว ห้วงปีที่ผ่านมา "ผู้กำกับหนึ่ง" เป็นตำรวจชุดทีมงานเดินหน้าไกล่เกลี่ย คืนโฉนดที่ดินให้กับชาวบ้านในภาคอีสานทุกจังหวัด 

ชาวบ้านในภาคอีสานที่มีปัญหาถูกเจ้าหนี้ยึดโฉนดไป คงไม่มีใครไม่รู้จักผู้กำกับหนึ่ง เพราะเค้าเป็นมือไกล่เกลี่ย ลงพื้นที่ทุกจังหวัด ไขปัญหาปิดคดีเป็นรายบุคคล โดยได้รับการสั่งตรงจากผู้บังคับบัญชาส่วนกลาง นั่นเพราะความไว้วางใจที่ได้รับเป็นอันดับต้นๆ นอกจากจะกลายเป็นขวัญใจชาวอีสานไปแล้ว ผลของการทำงานหนักหน่วงตลอดทั้งปีที่ผ่านมา "ผู้กำกับหนึ่ง" ได้โยกมานั่งเก้าอี้ผู้กำกับ สภ.เมืองขอนแก่น ดูแลบำบัดทุกข์บำรุงสุข แก้ปัญหาความเดือดร้อนให้ชาวขอนแก่น ในคำสั่งแต่งตั้งที่เพิ่งจะออกไปหมาดๆ …ตำรวจคนอื่นจะมาน้อยอกน้อยใจคงไม่ได้ เพราะที่เห็นกันอยู่ตำตา ผู้กำกับหนึ่งเค้ามีวันนี้เพราะผลงานล้วนๆ ค่าาา 

- พ.ต.ท.เนติ วงษ์กุหลาบ - 

ถือเป็นน้องเล็กสุดในหมู่มวลรุ่นพี่ที่กล่าวมาข้างต้นทั้งหมด พ.ต.ท.เนติ วงษ์กุหลาบ รองผกก.4 บก.ป. (ว่าที่ผู้กำกับโฟ๊ก) นักเรียนนายร้อยรุ่น 55 ภายหลังเติบโตอยู่ในสังกัดนครบาล กระทั่งติดยศรองผู้กำกับสืบสวน สน.อุดมสุข กระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ ด้วยฝีไม้ลายมือและคอนเนกชั่นในการทำงานที่มีไหวพริบ คิดไว ทำอะไรคล่องแคล่ว กลายเป็นที่หมายตาของผู้บังคับบัญชา กระทั่งได้เข้ามาช่วยงานกองบังคับการปราบปรามร่วม 2 ปี คำสั่งล่าสุด ได้แต่งตั้งขึ้นเป็น "ผกก.5 บก.ป." 

สื่อมวลชนรุ่นเก่าๆ หลายสำนักรู้จักเขาดี กับบทบาท สารวัตรประชาสัมพันธ์กองบัญชาการตำรวจนครบาล ที่ถือเป็นหัวใจหลักของการประสานงานสิบทิศ ขับเคลื่อนภาพลักษณ์หน่วยงานได้อย่างมีศักยภาพ และยังได้รับความไว้วางใจจากผู้บังคับบัญชาเป็นหนึ่งในทีมโฆษกของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งแน่นอนว่าเขาเป็นตำรวจที่อายุน้อยสุดในทีม  

ไม่ใช่เฉพาะงานพีอาร์ เทคโนโลยีข่าวสาร เพราะที่ผ่านมา เขาเคยดำรงตำแหน่ง สารวัตรจราจร สน.ลาดกระบัง, สารวัตรสืบสวน กองกับการสืบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 4 รองผู้กำกับการสืบสวน สน.อุดมสุข ผ่านงานสืบจับคดีใหญ่ คดียากในพื้นที่มานับร้อย เขาเคยบอกไว้ด้วยว่า งานสืบสวน ถือเป็นงานที่ท้าทายของตำรวจ เพราะต้องแสวงหาข้อเท็จจริงและหลักฐานเพื่อทราบรายละเอียดของคดี โดยงานสืบสวนยุคปัจจุบันนั้น นักสืบจำเป็นที่ต้องเข้าใจเรื่องของเทคโนโลยี รวมถึงหลักนิติวิทยาศาสตร์ โดยไม่ละเลยต่อข้อมูลท้องถิ่นและเทคนิคที่นักสืบรุ่นเก่าได้ถ่ายทอดมา 

การโยกมาอยู่ในรั้วกองปราบปราม พ.ต.ท.เนติ วงษ์กุหลาบ ถือเป็นหัวใจหลักในการขับเคลื่อนงานปฏิบัติการข่าวสารของกองบังคับการปราบปราม ภายใต้แนวคิดของพล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. คนปัจจุบัน ที่มุ่งเน้นพัฒนากองปราบยุค 4.0 ให้ก้าวล้ำนำสมัยในทุกมิติ ด้วยความพยายามนำข้อกฎหมายให้เข้าถึงประชาชน พร้อมเปิดเรื่องรับร้องเรียนตามหลักเกณฑ์ของหน่วยงาน ให้คำปรึกษาแนะนำด้านกฎหมายผ่าน inbox facebook กองปราบปราม ที่ผ่านมาข้อมูลข่าวสารต่างๆ ถูกผลักดันเข้าถึงประชาชนในโลกโซเชียลให้ความรู้กับประชาชน ซึ่งข้อมูลเหล่านี้สื่อหลายสำนักได้นำไปเผยแพร่ต่อ สร้างความรู้ให้กับประชาชนให้ระมัดระวังตัวถึงภัยอันตราย และการหลีกเลี่ยงที่จะตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพในยุคปัจจุบัน 

นอกจากนี้ พ.ต.ท.เนติ วงษ์กุหลาบ ยังเป็นผู้คิดค้นโปรแกรมรถสายตรวจที่ดีที่สุดในประเทศไทย ไม่ต้องใช้ตู้แดง ไม่ต้องยิงคิวอาร์โค้ด แต่ระบบการทำงานล้ำหน้าทันสมัย สามารถรู้พิกัดของรถทุกคันในพื้นที่ และการทำงานดูแลความปลอดภัยประชาชนของตำรวจกองปราบทุกคนก็อยู่ในสายตาผู้บังคับบัญชา เรียกได้ว่านอกลู่นอกทางหรือแวบหายไม่ได้เลย ….นี่ยังไม่รวมอีกหลายโครงการที่เขาได้ทำประโยชน์เพื่อตำรวจใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ และอื่นๆ อีกมากมาย  

สำหรับบทบาท"ผกก.5 บก.ป." มีต้นแบบที่สร้างผลงานไว้ดีไม่น้อยหน้าใคร ยุคสมัยที่ พ.ต.อ.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง ดำรงตำแหน่ง ซึ่งก็เชื่อได้ว่าการเข้ามารับช่วงสานงานต่อของ พ.ต.ท.เนติ วงษ์กุหลาบ ที่ผ่านการลงพื้นที่มาแล้วทุกหน้างาน จะยกระดับการทำงานให้มีศักยภาพยิ่งไปกว่าเป็นหน่วยงานที่พึ่งสุดท้ายของประชาชนอย่างแท้จริง 

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวไว้ว่า ผู้บังคับบัญชาทุกคน สนับสนุนคนทำงานเป็นหลัก และเชื่อว่าไม่มีหน่วยงานใด อยากได้ตำรวจขี้เกียจ ไม่กระตือรือร้นเข้ามาร่วมงาน ฉะนั้นเป็นตำรวจต้องทำงานรับใช้สังคม แก้ปัญหาให้เด็ดขาด ทำทุกอย่างที่สามารถทำได้ อย่าเกี่ยงงาน หรือปัดภาระหน้าที่ของตนเองไปให้คนอื่น อย่าสร้างภาพ ต้องทำงานอย่างจริงจัง เพราะคนทำงานใครๆ ก็อยากได้เข้ามาอยู่ในทีม และอยากส่งเสริมคนคนนั้นไปในทางที่ดี เพื่อที่จะได้ทำประโยชน์ให้กับประชาชนในพื้นที่ บ้านเมือง และประเทศชาติต่อไป

“ขอขอบพระคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนาย ที่ทำงานหนักตลอดทั้งปีที่ผ่านมา ส่วนคนที่ยังทำงานไม่เต็มที่ หรือมองเห็นจุดด้อยของตัวเองเมื่อเปรียบเทียบกับคนอื่นๆ ก็อยากให้ปรับปรุงตัว กระตือรือร้นให้มากขึ้น ตั้งใจจริงจังเพื่อส่วนรวม และนอกจากทำงานเก่งแล้ว ต้องประพฤติปฏิบัติเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเพื่อนตำรวจและประชาชนในประเทศ เป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดีด้วย อย่าลืมว่าสิ่งไหนเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติบ้านเมือง นั่นคือสิ่งที่ตำรวจทุกนายพึงกระทำอย่างไม่รีรอ”.

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0