จากกรณีโลกออนไลน์กำลังให้ความสนใจและถกเถียงกันเกี่ยวกับโพสต์ของสมาชิกเฟซบุ๊กรายหนึ่ง ที่โพสต์ลงกลุ่ม มหัศจรรย์น้ำปัสสาวะ ยาดีที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้ เมื่อวันที่ 11 ก.ค. 61 เกี่ยวกับการนำปัสสาวะมาหยอดตา และอาบน้ำเพื่อการรักษา (อ่าน : พิสูจน์จะ ๆ ลุง 66 ปัดเสียสติ โชว์กินฉี่-ทาหน้า–หยอดตา มั่นใจในสรรพคุณรักษาโรค)
วันที่ 25 ส.ค. 62 ที่บ้านลาดใต้ ตำบลหนองบัวแดง อำเภอหนองบัวแดง จังหวัดชัยภูมิ นางทองคูณ คึงภูเขียว อายุ 72 ปี เปิดใจเล่าว่า ตนได้กินปัสสาวะของตัวเองมาหลายสิบปีแล้ว เพราะทางปู่ย่าตายายเคยพากันกิน มาจนถึงปัจจุบันนี้ก็ยังกินปัสสาวะของตัวเองเป็นประจำ และถ้าตาฝ้าฟาง ก็นำมาหยอดตา โดยสรรพคุณของน้ำปัสสาวะ ช่วยแก้ปวดเมื่อย แก้โรคไต โรคนิ่ว มะเร็ง แก้ภูมิแพ้ต่าง ๆ แก้อาการมือชา แต่ต้องเป็นปัสสาวะของตัวเอง ห้ามนำเอาปัสสาวะคนอื่นมาใช้
ด้านนางหนูพิศ ภูทองบ่อ อายุ 63 ปี เล่าว่า ตนไม่เคยกิน แต่เคยเห็นคุณตาคุณยายกินตอนแกมีชีวิตอยู่ เวลาไม่สบายหรือมีเพื่อนบ้านตกต้นไม้ จะให้กินปัสสาวะของตัวเอง และที่เห็นตายายเป็นคนชอบเลี้ยงสัตว์ มีวัวควาย ถ้าวัวควายตัวไหนมีโรคภัยผอมโซ ตายายก็จะนำปัสสาวะของตัวเองใส่กระบอกไม้ไผ่ เพื่อจะนำไปกอกปากให้สัตว์เลี้ยงกิน ไม่เกิน 1 สัปดาห์ สัตว์เลี้ยงก็จะเริ่มกินหญ้าดีขึ้น ร่างที่ผอมโซก็จะอ้วนขึ้น ตนยังจดจำนำมาปฏิบัติกับสัตว์เลี้ยงจนถึงทุกวันนี้
ด้าน นายใจถึงพุทธ เสียงแจ่ม อายุ 44 ปี ชาว ต.หนองอ้อ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี เปิดพื้นที่บริเวณพื้นมุมห้อง มีน้ำปัสสาวะบรรจุในขวดน้ำดื่ม วางเรียง 13 ขวด บางขวดมีสีเหลืองปกติ สีน้ำตาลเข้ม และมีเยื่อสีขาวลอยอยู่ พร้อมกับอธิบายว่า น้ำปัสสาวะขวดที่มีสีน้ำตาลเข้ม ใช้รักษาบาดแผลที่นิ้ว สีที่เห็นก็คือเลือดที่ไหลลงไปผสม พร้อมแสดงวิธีล้างตาให้ทีมข่าวได้ชม
นายใจถึงพุทธ เปิดเผยว่า ย้อนกลับไปเมื่อ 5 ปีก่อน ตนกำลังประสบปัญหาชีวิต ได้พบกับเพื่อนรุ่นพี่ที่เป็นนักปฏิบัติธรรม แนะนำให้ลองดื่มน้ำปัสสาวะของตัวเอง เพื่อเป็นการรักษาสุขภาพ ตามที่มีปรากฏในพระไตรปิฎกที่กล่าวว่าน้ำปัสสาวะเป็นยา จากนั้น ได้เดินทางไป จ.มุกดาหาร เพื่ออบรมแพทย์วีธรรมจากนายใจเพชร กล้าจน หรือ หมอเขียว ตนจึงเริ่มดื่มน้ำปัสสาวะตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา และได้เป็นจิตอาสาแพทย์วิถีธรรม
ในการดื่มครั้งแรก ปัสสาวะยังมีมีรสเค็ม เนื่องจากอาหารที่ตนกินเข้าไปมีการปรุงแต่งรสชาติ ตนจึงปรับเปลี่ยนมารับประทานอาหารมังสวิรัติ ร่วมกับการปฏิบัติธรรม ปัจจุบันนอกจากการดื่มกินแล้ว ตนยังนำน้ำปัสสาวะมาล้างตา จมูก หู และรักษาบาดแผล รวมทั้งนำมาใช้ในการอาบน้ำ และสระผมทุกวัน ก็มีสุขภาพดีขึ้น ดวงตาแจ่มใส ไม่ป่วย ไม่เป็นโรค บาดแผลก็หายเร็ว ไม่เคยไปหาหมอที่โรงพยาบาลแม้แต่ครั้งเดียว ทางด้านครอบครัว ทุกคนในบ้านทั้งภรรยาและลูก ต่างเข้าใจถึงการใช้ชีวิตของตน ซึ่งก็ไม่ได้ห้ามปรามหรือรังเกียจ
ที่ศูนย์สุขภาพสวนป่านาบุญ ต.สระกระโจม อ.ดอนเจดีย์ จ.สุพรรณบุรี ดร.ใจเพชร กล้าจน หรือหมอเขียว เปิดเผยว่า การนำปัสสาวะมาสะกัดเป็นยารักษาโรคมีมานานแล้ว โดยเรียนรู้จากตำราจีน ที่มีมานาน 100 ปี จนลองศึกษาและรับประทานเอง จนพบว่าหายจากอาการป่วย ทั้งนี้ เป็นเรื่องความเชื่อส่วน และเป็นการตัดสินใจของผู้อยากเข้าร่วมการรักษา พร้อมเปิดอบรมให้กับผู้ที่สนใจจะศึกษาตำรานี้ด้วย
น.ส.กิ่งแก้ว ฉัตรมณีพัฒนา ผู้ใช้ปัสสาวะ เปิดเผยว่า หลังจากตนผ่าตัดโรคมะเร็ง ก็ศึกษาทางอินเทอร์เน็ต จนมาพบวิธีการใช้ปัสสาวะ ตอนแรกตนไม่กล้ากินปัสสาวะ แต่เมื่อทดลองใช้ตั้งแต่มกราคม 2560 หลังจากนั้นตรวจค่ามะเร็งก็ดีขึ้น จึงใช้มาต่อเนื่อง
ด้าน ทันตแพทย์หญิงศิริรักษ์ ผู้ใช้ปัสสาวะ เปิดเผยว่า ตนก็เคยดื่มปัสสาวะ และพบว่าไม่มีกลิ่น ไม่รู้สึกว่ามีสิ่งแปลกปลอม และดื่มมาเรื่อย ๆ ในช่วงเวลาเช้าของทุกวัน หลังจากมีอาการปวดฟันและไปฝังรากฟันเทียม จากนั้นก็ใช้วิธีการอมปัสสาวะไว้แล้วบ้วนทิ้ง ปรากฏว่าแผลในปากก็ดีขึ้นด้วยเช่นกัน
https://youtu.be/tvEccH6sKu8
