นายชาตรี โสภณพนิช เกิดเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2476 ที่ประเทศไทย เป็นบุตรคนที่สองของ นายชิน โสภณพนิช ผู้ก่อตั้งธนาคารกรุงเทพ กับ นางชาง ไว เลาอิง สมรสกับ คุณหญิงสุมณี โสภณพนิช มีบุตรและธิดารวม 4 คนคือ นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกรุงเทพ, นางสาวิตรี รมยะรูป, นายชาลี โสภณพนิช และนางสุชาดา ลีสวัสดิ์ตระกูล
เนื่องจากครอบครัวทำธุรกิจการเงินและธนาคาร นายชาตรีจึงเลือกศึกษาด้านบัญชีและการธนาคาร โดยสำเร็จการศึกษาระดับอาชีวศึกษาชั้นสูงสาขาบัญชี จากวิทยาลัย Kwang Tai High Accountancy College ประเทศ Hong Kong จากนั้นเดินทางไปศึกษาวิชาการธนาคารระดับอุดมศึกษาที่ London Regent Street Poly-Technic ประเทศอังกฤษ และได้รับประกาศนียบัตรวิชาการธนาคารจาก Institute of Bankers ประเทศอังกฤษ
เมื่อกลับมาจากการศึกษาต่อ นายชาตรีได้เริ่มชีวิตการทำงานในตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายการบัญชีที่ บริษัท เอเชียทรัสต์ จำกัด เมื่อปี 2501 แล้วมาเป็นผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายบัญชี ของธนาคารกรุงเทพในเดือนตุลาคม 2502 เป็นผู้จัดการฝ่ายการบัญชีในเดือนมกราคม 2505
นายชาตรีได้ขึ้นดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการในปี 2523 กลายเป็นผู้นำที่พาธนาคารกรุงเทพเข้าสู่ยุคทอง โดยในข่วง 12 ปีที่เขาดำรงตำแหน่ง ผลประกอบการของธนาคารกรุงเทพมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นถึง 12 เท่า และเป็นครั้งแรกที่ธนาคารพาณิชย์ไทยทำกำไรสุทธิได้มากกว่า 1 หมื่นล้านบาท ทำให้ ณ ขณะนั้น ธนาคารกรุงเทพกลายเป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ และเป็น 1 ใน 200 ธนาคารชั้นนำของโลก และก้าวขึ้นมาเป็นประธานกรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ในปี 2535 จวบจนถึงปัจจุบัน
ในปี 2526 ระหว่างที่ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ นายชาตรีได้รับปริญญานิติศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จาก Pepperdine University ประเทศสหรัฐอเมริกา จากนั้นในเดือนมกราคม 2529 ได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จาก De La Salle University ประเทศฟิลิปปินส์ และในวันที่ 6 มกราคม 2551 ได้รับปริญญาศิลปศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาบริหารธุรกิจ และได้รับรางวัลเกียรติยศ "Lifetime Achievement Award" จาก Asia Pacific Bankers Congress (APBC) ในฐานะผู้ทำคุณประโยชน์โดยอุทิศตนเพื่อการพัฒนาและปรับปรุงภาคธุรกิจการธนาคาร ทำให้ธนาคารกรุงเทพเติบโตก้าวหน้าอย่างยั่งยืน และได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในภูมิภาคเอเชีย
ด้วยความสามารถและความสำเร็จด้านการธนาคารและการประกอบธุรกิจที่เป็นที่ประจักษ์ ทำให้นายชาตรีได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งสำคัญในทางธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ อาทิ ประธานสมาคมธนาคารไทย 3 สมัย ประธานสภาธนาคารอาเซียน กรรมการกลางสภาที่ปรึกษาผู้นำทางธุรกิจระหว่างประเทศของผู้ว่าการนครเซี่ยงไฮ้และเป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
นอกจากตำแหน่งทางด้านธุรกิจแล้ว นายชาตรียังเคยได้รับตำแหน่งทางการเมืองด้วย เช่น มิถุนายน 2531 เป็นสมาชิกวุฒิสภา, กรรมาธิการการคลังการธนาคารและสถาบันการเงิน-วุฒิสภา, กรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาศึกษาปัญหาและแนวทางพัฒนาเด็กและเยาวชนไปสู่การเป็นพลเมืองดีมีคุณภาพของรัฐสภา, ที่ปรึกษาฝ่ายการเมือง ประจำรัฐสภา ต่อมาในเดือนกรกฎาคม 2531 ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ฝ่ายวิชาการและการประชาสัมพันธ์, ที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในเดือนเมษายน 2539 ดำรงตำแหน่งกรรมาธิการการเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม เป็นต้น
ปัจจุบันนายชาตรีดำรงตำแหน่งเป็น ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นธนาคารที่มีสินทรัพย์มากที่สุดในประเทศ มีสินทรัพย์ทั้งหมดประมาณ 3.06 ล้านล้านบาท และตำแหน่ง ประธานกรรมการ บริษัท บางกอกเอ็นเตอร์เทนเมนต์ จำกัด ผู้ดำเนินกิจการสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 อ.ส.ม.ท. และยังเป็น ประธานกรรมการ ที่ปรึกษาคณะกรรมการ กรรมการ และผู้ถือหุ้น ในองค์กรชั้นนำเกือบ 30 แห่ง ทำให้ได้รับการจัดอันดับเป็นมหาเศรษฐี อันดับที่ 26 ของไทยจากการจัดอันดับของนิตยสารฟอร์บส ในปี 2561 มีสินทรัพย์ 45,570 ล้านบาท จนหลายคนทั้งในและนอกวงการธุรกิจต่างพากันเรียกนายชาตรีว่าเป็น “เจ้าสัวชาตรี”