ไม่ใช่แค่ข้อมูลในรัฐบาลชุดนี้ แต่รายละเอียดอื่น ๆ ที่เชื่อมโยงไปถึงการบริหารของรัฐบาล คสช. จะถูกร้อยเรียงเป็นประเด็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน ในชื่อยุทธการอรุณรุ่ง อภิปรายรัฐมนตรีทั้ง 6 คน เริ่มตั้งแต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ตั้งแต่คุณสมบัติและความชอบธรรมในการดำรงตำแหน่ง เนื่องมาจากการเป็นผู้นำรัฐประหารปี 2557 และการเข้าทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี ทั้งที่ถวายสัตย์ปฏิญาณตนไม่ครบถ้วน รวมทั้งเรื่องการขายที่ดินบิดาย่านบางบอน 50 ไร่ ราคากว่า 600 ล้านบาท ให้กลุ่มทุนใหญ่ เชื่อมโยงการต่อสัญญาบริหารศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์นาน 50 ปี
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่ฝ่ายค้านบอกว่าจะไม่คุยเรื่อง "แหวนแม่ นาฬิกาเพื่อน" แล้ว แต่จะเน้นเรื่องการเอื้อประโยชน์ให้บริษัทด้านการประชาสัมพันธ์ของคนใกล้ชิด
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ถูกกล่าวหาเกี่ยวกับการจัดจ้างเอกชนกำจัดขยะโดยระบบเตาเผามูลฝอย ที่เขตหนองแขม และอ่อนนุช รวมวงเงิน 13,140 ล้านบาท
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี และนายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ถูกตั้งประเด็นอภิปรายกล่าวหา มีส่วนผลักดันแก้ไขกฎหมายศุลกากร ช่วยลดค่าปรับให้บริษัทฟิลลิป มอร์ริส ในคดีนำเข้าบุหรี่หลีกเลี่ยงภาษีศุลกากรและสำแดงเท็จ
ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะถูกอภิปรายในเรื่องลักษณะต้องห้าม กรณีศาลออสเตรเลียพิพากษาจำคุกคดีเกี่ยวพันกับยาเสพติด และวุฒิการศึกษาปริญญาเอกจากแคลิฟอร์เนียยูนิเวอร์ซิตี้ปลอม หรือไม่ได้มาตรฐาน
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายรัฐบาลได้ออกมาบอกว่า หากฝ่ายค้านขุดคุ้ยถึงเรื่องรัฐประหารก็จะเอาเรื่องเก่ามาพูดเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นความพยายามผลักดัน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม และความเสียหายจากคดีรับจำนำข้าว สมัยพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล
