โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

เปิดทุกขั้นตอนประหารชีวิตนักโทษเด็ดขาด จากประสบการณ์พี่เลี้ยงนักโทษ

อีจัน

อัพเดต 21 มิ.ย. 2561 เวลา 02.33 น. • เผยแพร่ 20 มิ.ย. 2561 เวลา 13.21 น. • อีจัน
เปิดทุกขั้นตอนประหารชีวิตนักโทษเด็ดขาด จากประสบการณ์พี่เลี้ยงนักโทษ
เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.61 ที่ผ่านมา มีเหตุการ&#3…

เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.61 ที่ผ่านมา มีเหตุการณ์ที่ทำให้ประชาชนชาวไทยลุกฮือขึ้นมาให้ความสนใจอีกครั้งกับการลงโทษประหารชีวิตนักโทษเด็ดขาด

การประหารนักโทษในไทยไม่ใช่เรื่องแปลก ถ้าพูดกันใน 9 ปีก่อน แต่เมื่อเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นอีกครั้งในปี 2561 ที่ห่างหายจากการดำเนินการประหารชีวิตนักโทษมานาน

เนื่องจากประหารชีวิตนักโทษครั้งสุดท้าย ก็ตั้งแต่วันที่ 24 สิงหาคม 2552 ด้วยวิธีการฉีดสารพิษ

ทำให้ประชาชนหลายคนเข้าใจผิดว่า “ประเทศไทยยกเลิกโทษประหารแล้ว”

กรมราชทัณฑ์ออกหนังสือประกาศ “ประหารชีวิตนักโทษเด็ดขาด ในคดีฆ่าผู้อื่นอย่างทารุณ” ในเวลาประมาณไม่เกิน 19.00 น. ของวันที่ 18 มิ.ย.61 หลังทำการประหารชีวิต นายมิ๊กซ์ ธีรศักดิ์ หลงจิก อายุ 26 ปี
อรรถยุทธ พวงสุวรรณ หรือ ยุทธ บางขวาง 1 ในเจ้าหน้าที่ ที่ได้รับมอบหมายดำเนินการประหารในครั้งนี้

ได้โพสต์ข้อความ ขออโหสิกรรม แก่ นายมิ๊ก โดยมีข้อความว่า

นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อาระหะโต สัมมา สัมพุธ ตัสสะ

นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อาระหะโต สัมมา สัมพุธ ตัสสะ

นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อาระหะโต สัมมา สัมพุธ ตัสสะ

อิติปิโส ภะคะวา ยมมะราชาโน ท้าวเวชสุวรรณโณ มะระณังสุขัง อะหังสุคะโต นะโม พุทธายะ

ท้าวเวชสุวรรณโณ จาตุมหาราชิกา ยักขะพันตา ภัทภูริโต เวสสะ พุสะ พุทธัง อะระหัง พุทโธ ท้าวเวชสุวรรณโน นะโมพุทธายะ

พุทธัง อเจตนานัง ธัมมัง อเจตนานัง สังฆัง อเจตนานัง

สิ่งที่พวกกระผมทำในวันนี้ มิมีเจตนาที่จะกระทำ เป็นการกระทำตามหน้าที่ ขอได้โปรดอโหสิกรรมให้แก่พวกข้าพเจ้าด้วย สาธุ

และอีก 1 โพสต์ที่มีข้อความว่า

พุทธัง อเจตนานัง ธัมมัง อเจตนานัง สังฆัง อเจตนานัง

สิ่งที่พวกผมกระทำในวันนี้ มิมีเจตนาที่จะกระทำ เป็นการกระทำตามหน้าที่ ขออโหสิกรรมให้แก่พวกผมด้วย
ขอบคุณนะมิ๊กที่เอ่ยปากอโหสิกรรมให้ผม ขอให้มิ๊กไปสู่สุคติตามศาสนาของมิ๊กนะ

ยุทธ บางขวาง เป็นเจ้าพนักงานอบรมและฝึกวิชาชีพ ชำนาญงาน หรือพี่เลี้ยงนักโทษประหาร
ด้วยความที่ ยุทธ บางขวาง ได้ใกล้ชิดกับนักโทษประหารทุกขั้นตอน ตั้งแต่เริ่มถูกขานชื่อ จนถึงวินาทีนักโทษสิ้นใจ

ยุทธ บางขวาง เป็นพี่เลี้ยง นำนักโทษไปประหารชีวิตด้วยการยิงเป้ามาแล้วทั้งสิ้น 38 ราย เป็นนักโทษชาย 37 ราย เป็นนักโทษหญิง 1 ราย และได้นำนักโทษไปประหารชีวิตด้วยการฉีดสารพิษจำนวน 2 ราย เป็นนักโทษชายทั้งคู่
ทำให้ ยุทธ บางขวาง รู้ทุกรายละเอียดขั้นตอนของการประหารนักโทษ จึงทำเป็นหนังสือ คำสารภาพครั้งสุดท้ายของนักโทษประหาร เพื่อให้ความรู้แก่ประชาชนทั่วไป

โดยระบุในคำนำไว้ว่า การประหารชีวิตด้วยการยิงเป้าหรือฉีดสารพิษหรือจะด้วยวิธีไหนก็ตาม จุดมุ่งหมายก็คือการจบชีวิตของบุคคลที่ถูกระบุว่ากระทำความผิดร้ายแรงและไม่สมควรมีชีวิตอยู่ร่วมกับคนอื่นได้อีกต่อไป นับเป็นการลงโทษขั้นรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

โดยในหนังสือ มีการบอกเล่ารายละเอียดขั้นตอนและวิธีการประหารชีวิตด้วยการฉีดสารพิษ อย่างละเอียด
เริ่มตั้งแต่

เมื่อเรือนจำกลางบางขวาง ได้รับคำสั่งที่มีอำนาจถูกต้องตามกฎหมาย ให้ดำเนินการประหารชีวิต นักโทษเด็ดขาด ที่ถูกศาลตัดสินลงโทษประหาร

เรือนจำก็จะมอบหน้าที่ให้ฝ่ายทะเบียนตรวจสอบความถูกต้องของประวัติผู้ต้องขัง เพื่อป้องกันการประหารผิดคน และแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการประหารชีวิตด้วยการฉีดยาทั้งหมด 10 หน้าที่ คือ

1.หัวหน้าชุดพี่เลี้ยง 1 นาย

2.พี่เลี้ยง 3 นาย ต่อนักโทษประหาร 1 คน

3.หัวหน้าชุดผู้ไปรับยาและสารพิษ 1 นาย

4.เจ้าหน้าที่รับยาและสารพิษ 3 นาย

5.เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 1 นาย

6.เจ้าหน้าที่ฝ่ายทัณฑปฏิบัติ 2 นาย

7.เจ้าหน้าที่ฝ่ายทะเบียนประวัติ 4 นาย

8.ช่างภาพ 1 นาย

9.ผู้ให้สัญญาณการประหารชีวิต 1 นาย (หัวหน้าชุดประหาร)

10.เจ้าหน้าที่ฉีดยาและสารพิษ 3 นาย
เมื่อเจ้าหน้าที่ชุดประหารรับทราบคำสั่งแล้ว จะจัดเตรียมสิ่งของเครื่องใช้ในการประหารชีวิต เช่น ตรวจสอบความพร้อมของห้องประหาร เตียงประหาร สายยางสำหรับเดินน้ำยาและสารพิษ ห้องสักขีพยาน ถุงมือยาง อาหารมื้อสุดท้าย ดอกไม้ธูปเทียน ฯลฯ

รวมทั้งนิมนต์พระหรือตัวแทนศาสนาอื่นที่นักโทษประหารนับถือไว้ และแจ้งไปที่กองทะเบียนประวัติอาชญากร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้จัดส่งเจ้าหน้าที่มาร่วมดำเนินการด้านการตรวจสอบประวัติบุคคลทั้งก่อนและการประหารชีวิต รวมทั้งทำหนังสือแจ้งกรรมการซึ่งมีหลายหน่วยงานให้รับทราบ เพื่อมาร่วมเป็นสักขีพยาน

เวลา 11.00 น. ของวันประหาร เจ้าหน้าที่จะไปรับยาที่กรมราชทัณฑ์ฝั่งตรงข้ามเรือนจำบางขวาง โดยสารพิษที่จะใช้ฉีดนักโทษจะประกอบไปด้วยตัวยา 3 ชนิด

1.สารโซเดียนเพนโททัล

2.สารแพนคูไรเนียมโบรไมค์

3.สารโพแทสเซี่ยมคลอไรด์
เวลาประมาณ 16.00 น. น. พี่เลี้ยงนักโทษ จะเข้าไปเบิกตัวนักโทษประหารจากห้องควบคุม พาขึ้นรถกอล์ฟไปศาลาเย็นใจ เพื่อตรวจสอบประวัติ พิมพ์ลายนิ้วมือ เขียนจดหมายพินัยกรรม และให้โอกาสได้โทรหาญาติเป็นครั้งสุดท้าย

หลังจากนั้น ผู้อำนวยการส่วนควบคุมหรือเวรผู้ใหญ่จะเข้ามาอ่านคำสั่งยกฎีกาให้นักโทษประหารฟัง และพาไปห้องประหารด้วยการฉีดสารพิษ ซึ่งอยู่ด้านหลังฝั่งขวาของห้องประหารด้วยการยิงเป้า (สถานที่หมดทุกข์) โดยยังไม่ผูกตาของนักโทษ

บริเวณห้องประหาร จะมีห้องทาสีขาว ซึ่งภายในห้องนั้นจะมีอาหารมื้อสุดท้ายวางไว้พร้อมน้ำดื่ม ซึ่งขณะนักโทษรับประทานอาหารที่ต้องการทานเป็นมื้อสุดท้าย จะมีพี่เลี้ยงเข้าไปพูดคุยเพื่อคลายความเครียดในห้องนี้ด้วย
หลังทานอาหารเสร็จ ก็จะมีพระสงฆ์มาเทศนาธรรมให้กับนักโทษฟัง ทันทีที่นักโทษถวายดอกไม้ธูปเทียน ก็ถือว่าเป็นอันเสร็จพิธีทางศาสนา
เมื่อการเตรียมตัวทุกอย่างพร้อมแล้ว พี่เลี้ยงจะนำผ้าขาวมาปิดตานักโทษ เพื่อพาออกไปสู่ห้องประหาร

เมื่อนักโทษก้าวเข้ามายังห้องประหาร จะถูกนำไปนอนที่เตียงสีดำ รูปกางเขน มีเข็มขัด 5 จุด รัดบริเวณหน้าผาก รัดหน้าอก รัดหน้าท้อง รัดหน้าขา รัดข้อเท้า และมีเข็มขัดรัดแขนข้างละ 2 เส้น ที่หัวเตียงจะมีขาตั้งสำหรับแขวนถุงน้ำเกลือ ข้างเตียงประหารจะมีเครื่องตรวจจับสัญญาณเต้นของหัวใจ
พี่เลี้ยงและเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆจะทำการขอขมาต่อนักโทษประหารที่นอนอยู่บนเตียง แล้วมายืนรออยู่ที่ข้างห้อง
จากนั้นเจ้าหน้าที่ฉีดยาและสารพิษจะนำถุงน้ำเกลือมาต่อเข้าที่หลังมือของนักโทษประหาร ทำการปล่อยน้ำเกลือให้เดินเข้าสู่กระแสเลือดของนักโทษ ซึ่งยังไม่มีสารพิษเจือปนแต่อย่างใด

บริเวณหัวเตียงประหารจะมีห้องหน้าต่างกระจกบานใหญ่หนึ่งห้อง เหนือกระจกจะมีไฟสีเขียวสีเหลืองและสีแดงติดอยู่ ภายในห้องหน้าต่างกระจกจะมีการต่อสายน้ำเกลือจากห้องออกไปที่เตียงประหาร
ที่ปลายเตียงประหาร จะมีห้องกระจกสีทึบอยู่ห้องหนึ่ง ถ้ามองจากห้องประหารออกไปจะมองไม่เห็นอะไร แต่ถ้ามองจากในห้องนี้ออกมาที่ห้องประหารจะสามารถมองเห็นเหตุการณ์ต่างๆ ภายในห้องประหารได้อย่างชัดเจน ห้องนี้คือห้องของกรรมการและสักขีพยาน

ซึ่งทั้งหมดจะมานั่งดูการดำเนินการประหารชีวิตภายในห้องนี้ตั้งแต่เริ่มต้น จนกระทั่งนักโทษประหารได้สิ้นใจไปเป็นที่เรียบร้อย

เมื่อทุกอย่างพร้อม ผู้ให้สัญญาณการประหารชีวิตจะสะบัดธงแดงลงเพื่อให้สัญญาณว่าดำเนินการประหารได้

ขั้นตอนที่หนึ่ง ไฟสีเขียวสว่างขึ้น เจ้าหน้าที่จะกดปุ่มฉีดสารโซเดียมเพนโททัล ปริมาณ 20-25 ซีซี เข้าสู่กระแสเลือดของนักโทษ ยาชนิดนี้จะทำให้นักโทษประหารหลับลึก ไม่รู้สึกตัว
ขั้นตอนที่สอง ไฟสีเหลืองสว่างขึ้น เจ้าหน้าที่จะกดปุ่มฉีดสารแพนคูไรเนียมโบรไมค์ ชนิดน้ำ ปริมาณ 50 ซีซี เข้าสู่กระแสเลือดของนักโทษ ยาชนิดนี้จะทำให้กล้ามเนื้อคลายตัว และทำให้ระบบการหายใจหยุดทำงาน

ขั้นตอนที่สาม ไฟสีแดงสว่างขึ้น เจ้าหน้าที่จะกดปุ่มฉีดสารโพแทสเซี่ยมคลอไรด์ ชนิดน้ำ ปริมาณ 50 ซีซี เข้าสู่กระแสเลือดของนักโทษเป็นชนิดสุดท้าย ยาชนิดนี้จะทำให้หัวใจหยุดเต้น ซึ่งมีผลทำให้เสียชีวิตในที่สุด

เมื่อแน่ใจว่านักโทษประหารได้สิ้นใจไปแล้ว พี่เลี้ยงจะเชิญแพทย์มาตรวจร่างกายของนักโทษเพื่อยืนยันอีกครั้งหนึ่ง เมื่อแพทย์ประกาศว่านักโทษประหารได้เสียชีวิตไปแล้ว
เจ้าหน้าที่ทุกนายจะทำการขอขมาต่อร่างของนักโทษประหารอีกครั้ง
แล้วช่วยกันนำร่างของนักโทษลงจากเตียงประหารมาไว้บนถาดอลูมิเนียม จากนั้นจะนำถาดดังกล่าวใส่เข้าไปในช่องเก็บศพที่มีอุณหภูมิเย็นจัดซึ่งตั้งอยู่ในห้องประหารนั่นเอง เสร็จแล้วจะปิดช่องเก็บศพใส่กุญแจล็อคไว้ ทิ้งศพไว้ภายในนั้น 1 คืน
รุ่งเช้านักโทษชั้นดีจะช่วยกันตัดตรวนออกจากเท้าของร่างนักโทษประหาร และช่วยกันอาบน้ำทำความสะอาดร่างกาย ใส่เสื้อผ้าให้ใหม่ และนำร่างบรรลุลงโลงศพ
จากนั้นจะส่งศพออกทางประตูผี นำศพไปเก็บไว้ที่ช่องเก็บศพนักโทษประหารของวัดบางแพรกใต้ เพื่อรอให้ญาติมารับไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป

นี้คือรายละเอียดบางส่วนที่ได้รับรู้จาก หนังสือเรื่อง คำสารภาพครั้งสุดท้ายของนักโทษประหาร ยังมีเนื้อหาที่น่าสนใจอีกหลายหัวข้อ ที่ ยุทธ บางขวาง ถ่ายทอดเรื่องราวเอาไว้ จากประสบการณ์ตรงในชีวิตของพี่เลี้ยงนักโทษ
ทุกนาทีในห่วงเวลาของการเป็นนักโทษประหารนั้น เพียงแค่ได้อ่าน มันก็บีบคั้นหัวใจซะเหลือเกิน
ทุกๆ บรรทัด ทุกๆ ข้อมูล ที่ถ่ายทอดมาทั้งหมดนี้ จุดประสงค์คือ ให้เป็นบทเรียนในการดำรงชีวิต การได้รู้ข้อมูลก่อน ไม่ใช่เพื่อเป็นการเตรียมตัว แต่เป็นการเตือนสติให้ตัวเองเดินไปในทางที่ถูกต้อง

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0