จากจุดเริ่มต้นในปี พ.ศ.2546 นพ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ หรือ หมอเสริฐ ได้พบกับคุณยายฟูขณะที่ไปออกกำลังกายที่สวนลุมพินี โดยระหว่างนั้นคุณยายฟูกำลังหาบของวิ่งหนีเจ้าหน้าที่เทศกิจ และหกล้ม เนื่องจากไม่มีเงินพอที่จะไปเช่าที่ขาย ซึ่งคุณยายฟูจะคอยเอาหาบที่ใส่ข้าวต้มมัดไปแอบไว้ใต้ต้นไม้ แล้วคุณยายฟูจะกลับมานั่งอยู่บนฟุตปาธรอลูกค้า พอมีลูกค้าผ่านมาสั่งขนมคุณยายฟูจะลุกขึ้นและวิ่งไปหยิบขนมมาให้ หลังจากเหตุการณ์ในครั้งนั้น คุณหมอเห็นถึงความมานะพยายามของยายฟู จะคอยเหมาข้าวต้มมัดของคุณยายฟูเป็นประจำทุกครั้งที่ไปออกกำลังกายที่สวนลุมฯ พร้อมกับชวนคุณยายฟูมาทำข้าวต้มมัดส่งให้กับบางกอกแอร์เวย์ส เพื่อที่จะได้ไม่ต้องคอยแอบขายอีกต่อไป และอยากให้ผู้โดยสารได้ลองชิมข้าวต้มมัดที่มีรสชาติไม่เหมือนใคร
จากที่คุณยายฟูเคยอยู่ทาวน์เฮาส์เก่า ๆ ย่านดอนเมือง ช่วงเริ่มทำส่งให้สายการบินฯ ต้องแบกขนมขึ้นรถเมล์ไปส่งที่สนามบินดอนเมืองทุกวัน ผ่านมา 15 ปี ธุรกิจข้าวต้มมัดของคุณยายเติบโตขึ้น จาก 10 กิโลกรัมต่อวัน เป็น 200 กิโลกรรมต่อวัน ช่วยเลี้ยงดู 19 ชีวิตให้อยู่สุขสบาย ภายในบ้านเดี่ยว 50 ตารางวา 2 หลังใหญ่ แถมรถยนต์อีก 4 คัน
หลายปีก่อนคุณยายฟู ป่วยด้วยอาการเส้นเลือดในสมองตีบ เมื่อนายแพทย์ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ ทราบเรื่อง จึงให้เจ้าหน้าที่โรงพยาบาล เข้ามาดูแลคุณยายอย่างดีพร้อมกับออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด คุณยายพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลเกือบ 1 เดือนจนสุขภาพร่างกายเริ่มแข็งแรงขึ้น จึงเริ่มถ่ายทอดสูตรขนมให้กับลูก หลาน เพื่อให้ทุกคนในครอบครัวได้มีอาชีพที่มั่นคง
ปัจจุบันมีหลายสายการบิน หลายโรงแรมชื่อดัง โทรมายื่นข้อเสนอต่าง ๆ มากมายให้กับครอบครัวคุณยายฟู เพื่อขอให้ผลิตขนมข้าวต้มมัดส่งให้บริการกับลูกค้าบ้าง หลายธุรกิจก็ได้รับคำตอบปฏิเสธอย่างสุภาพ แม้ว่าที่ผ่านมาไม่เคยมีการเซ็นสัญญาการทำขนมผูกมัด มีเพียงประโยคสั้น ๆ ที่ครอบครัวนี้คิดอยู่เสมอว่า “ครอบครัวเรามีวันนี้ได้เพราะคุณหมอ”
