โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

เปิดคำพิพากษา ทำไม!ต้องประหาร “นวัธ”ส.ส.เพื่อไทยขอนแก่น

Manager Online

เผยแพร่ 24 ก.ย 2562 เวลา 07.44 น. • MGR Online

ศูนย์ข่าวขอนแก่น-เปิดคำพิพากษาสั่งประหารชีวิต “นวัธ”ส.ส.เพื่อไทยเขต 7 ขอนแก่น พยานหลักฐานชัดเป็นผู้จ้างวานฆ่าปลัด อบจ.ขอนแก่นในขณะนั้นโดยไตร่ตรองและวางแผนล่วงหน้า ปมเหตุเรื่องชู้สาว ที่ผู้ตายมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับภริยาจำเลย

ในที่สุดเมื่อสายของวันนี้(24ก.ย.)ศาลจังหวัดขอนแก่นก็ได้อ่านคำพิพากษาตัดสินประหารชีวิต นายนวัธ เตาะเจริญสุข ส.ส.เพื่อไทยในฐานะจำเลยจ้างวานฆ่าอดีตปลัดจังหวัดขอนแก่น นายสุขชาติ โคตรทุม เสียชีวิต เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 07.00 น.วันที่ 3 พ.ค.2556 ขณะกำลังจะขับรถไปทำงาน

ภายหลังรับทราบคำพิพากษา นายนวัธมีสีหน้าค่อนข้างเครียดและถูกควบคุมตัวชั่วคราวเพื่อรอให้ภรรยาเดินเรื่องยื่นหลักทรัพย์เป็นโฉนดที่ดิน มูลค่า 8 ล้านบาท ประกันตัวออกมาเพื่อต่อสู้คดีในชั้นอุทรณ์ คาดว่าไม่เกินเวลา 16.00 น.วันนี้น่าจะทราบว่าศาลให้ประกันตัวหรือไม่หรือต้องเรียกทรัพย์ค้ำประกันเพิ่ม

ในโอกาสนี้ทีมงาน “ผู้จัดการออนไลน์” จึงขอนำคำพิพากษาฉบับย่อมาให้อ่านถึงที่มาที่ไปของการพิจารณาคดีตัดสินประหารชีวิต นายนวัธ ดังนี้

สรุปคำพิพากษาคดีอาญาหมายเลขดำที่ 929/256คดีหมายเลขแดงที่ 976/2562 ของศาลจังหวัดขอนแก่นระหว่างพนักงานอัยการจังหวัดขอนแก่นโจทก์ นางลำดวน โคตรทุม โจทก์ร่วม นายนวัธ เตาะเจริญสุข จำเลย คดีนี้โจทก็ฟ้องว่าจำเลยใช้จ้างวานยุยงส่งเสริม ดาบตำรวจวีระศักดิ์ ชำนาญพล และ พ.ต.ท.สมจิต แก้วพรม กับพวกให้ฆ่านายสุชาติ โคตรรทุม ผู้ตาย

ต่อมาเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2556 ดาบตำรวจวีระศักดิ์ และ พ.ต.ท.สมจิตกับพวกร่วมกันใช้อาวุธปืนพกยิง ผู้ตายหลายนัด เป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 84 , 299 แต่จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลพิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ก่อนวันเกิดเหตุดาบตำรวจวีระศักดิ์และ พ.ต.ท.สมจิตกับพวกร่วมกันวางแผนฆ่าผู้ตายซึ่งดำรงตำแหน่งปลัดองค์การบริหารส่วน จังหวัดขอนแก่นในขณะนั้น

จนกระทั่งวันที่ 3 พฤษภาคม 2556 เวลาประมาณ 7 นาฬิกา พ.ต.ท.สมจิตกับพวกร่วมกันใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายจนถึงแก่ความตาย ต่อมาศาลฎีกามีคำพิพากษาว่าดาบตำรจวีระศักดิ์และ พ.ต.ท.สมจิตกับพวกมีความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่น โดยไตร่ตรองไว้ก่อน ลงโทษจำคุกตาบตำรวจวีระศักดิ์กับพวกตลอดชีวิต และประหารชีวิต พ.ต.ท.สมจิต

คดีนี้ตามพยานหลักฐานของโจทก์และโจทก์ร่วมรับฟังได้ว่ามูลเหตุในการฆ่าผู้ตายมาจาก เรื่องชู้สาว ที่ผู้ตายมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับภริยาจำเลย

ส่วนปัญหาจำเลยกระทำความผิดตาม ฟ้องหรือไม่ศาลเห็นว่าในความผิดฐานใช้จ้างวานยุยงส่งเสริมให้บุคคลอื่นกระทำความผิดนั้น ผู้ที่จะใช้ให้ผู้อื่นกระทำความผิดไม่ได้ลงมือเอง ก่อนกระทำความผิดจะต้องมีการวางแผนเป็นขั้นเป็นตอน เพื่อตัดตอนให้ตนเองห่างจากผู้ลงมือเพื่อปกปิดการกระทำความผิดไว้เพื่อมิให้บุคคลอื่น ซึ่งมีใช่ผู้ร่วมกระทำความผิดล่วงรู้ เพราะเกรงภัยจะมาสู่ตนได้โดยง่าย จึงยากที่จะหาประจักษ์พยาน ที่จะรู้เห็นได้

การจะวินิจฉัยว่าจำเลยกระทำความผิดหรือไม่จะต้องพิจารณาจากพยานแวดล้อม พยานบุคคลที่เป็นพยานบอกเล่าวัตถุพยาน ซึ่งในคดีนี้โจทก์และโจทก์ร่วมมีบันทึกคำให้การในชั้นสอบสวนของดาบตำรวจวีระศักดิ์ ยืนยันว่าก่อนวันเกิดเหตุดาบตำรวจวีระศักดิ์ขับรถยนต์พา พ.ต.ท.สมจิตไปพบนายประพันธ์ แล้วเดินทางไปบ้านจำเลย

พ.ต.ท.สมจิตและนายประพันธ์เข้าไปในบ้านจำเลยเป็นเวลานาน หลังจากนั้นดาบตำรวจวีระศักดิ์ขับรถพา พ.ต.ท.สมจิตและนายประพันธ์ผ่านหน้าบ้านผู้ตายแล้วขับกลับมาส่งนายประพันธ์ที่หน้าบ้านจำเลย และในวันเกิดเหตุดาบตำรวจวีระศักดิ์ขับรถยนต์ไปเฝ้าดูความเคลื่อนไหวบริเวณหน้าบ้านผู้ตาย ส่วน พ.ต.ท.สมจิต นายประพันธ์และนายบุญช่วยอยู่ที่รถยนด์อีกคันหนึ่งซุ่มดูเหตุการณ์บริเวณปากซอยทางเข้าบ้าน

จนถึงเวลาเกิดเหตุ เมื่อผู้ตายถอยรถยนต์ออกจากบ้าน ดาบดำรวจวีระศักดิ์โทรศัพท์แจ้ง พ.ต.ท.สมจิต นายบุญช่วยขับรถยนต์ขวางหน้ารถผู้ตาย เมื่อผู้ตายลงมาจากรถ พ.ต.ท.สมจิตและนายประพันธ์ลงจากรถยนต์แล้วใช้อาวุธปืนยิงหลายนัด จนผู้ตายถึงแก่ความตายในที่เกิดหตุ ซึ่งรายละเอียดดังกล่าวนั้นอยู่ในความรับรู้ของดาบตำรวจวีระศักดิ์ยากที่พนักงานสอบสวนจะปั้นแต่งเพื่อเอาผิดจำเลยได้และเป็นการให้การหลังเกิดเหตุไม่นาน

ดาบตำรวจวีระศักดิ์ย่อมไม่มีเวลาที่จะคิดไตร่ตรองเพื่อปรักปรำหรือช่วยเหลือฝ่ายใด ชี้ให้เห็นว่า ดาบตำรวจวีระศักดิ์ให้การด้วยความสมัครใจ คำให้การในชั้นสอบสวนของดาบตำรวจวีระศักดิ์จึงน่าเชื่อถือ

นอกจากนี้ยังปรากฏว่าในช่วงก่อนวันเกิดเหตุในวันเกิดเหตุ ทั้งก่อนและหลังเกิดเหตุ พ.ต.ท.สมจิตและจำเลยได้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ติดต่อกันจริง พยานพฤติเหตุแวดล้อมของโจทก์และโจทก์ร่วมสอดคล้องเชื่อมโยงกันรับฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่า จำเลยเป็นผู้ใช้ผู้อื่นฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน

จริงจึงมีคำพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๙ (๔) ประกอบมาตรา๘๔ ลงโทษประหารชีวิต และให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหม ทดแทน 300,000 บาท พร้อมคอกเบี้ยอัตราร้อยละ 75 ต่อปีนับแต่วันที่ 3 พฤษภาคม 2556 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ร่วม.

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0