โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

เปิดข้อกฎหมายกัญชาใน "เนเธอร์แลนด์-แคนาดา" ว่าครอบครองได้กี่กรัม ปลูกกันได้กี่ต้น

Amarin TV

เผยแพร่ 26 พ.ค. 2562 เวลา 14.43 น.
เปิดข้อกฎหมายกัญชาใน
อีกหนึ่งประเทศที่ได้รับการยกย่องให้สวรรค์ของนักสูบสายเขียว คงต้องยกให้เนเธอร์แลนด์ โดยเฉพาะที่เมืองอัมสเตอร์ดัม ที่แม้คนจำนวนมาก (แม้แต่คนใน

อีกหนึ่งประเทศที่ได้รับการยกย่องให้สวรรค์ของนักสูบสายเขียว คงต้องยกให้เนเธอร์แลนด์ โดยเฉพาะที่เมืองอัมสเตอร์ดัม ที่แม้คนจำนวนมาก (แม้แต่คนในประเทศ) จะมองว่าเป็นเมืองบาป แต่ก็ยังมีคนอีกมาก (รวมทั้งคนในประเทศอีกเช่นกัน) ที่มองว่าอัมสเตอร์ดัมคือเมืองแห่งเสรีภาพ โดยเฉพาะเสรีภาพในการสูบกัญชาโดยไม่ถูกตำรวจรวบ และยกย่องให้เป็นเมืองกัญชาเสรีที่แท้จริง แต่ในความจริงแล้ว…มันจะเสรีอย่างที่คนข้างนอกคิดกันจริงๆ หรือเปล่า!?

จากข้อมูลที่เผยแพร่ทางเว็บไซต์ amsterdam.info ได้มีการเผยแพร่เงื่อนไขเกี่ยวกับมาตรการควบคุมยาเสพติดในประเทศ โดยกฎหมายได้แบ่งประเภทยาเสพติดเป็น 2 ประเภท คือ Hard Drugs ซึ่งหมายถึงยาเสพติดร้ายแรงที่ห้ามครอบครองและซื้อขาย อาทิ โคเคน LSD มอร์ฟีน และเฮโรอีน กับยาเสพติดประเภท Soft Drugs ซึ่งก็คือกัญชาทั้งที่อยู่ในรูปแบบของต้น ใบ และน้ำมัน รวมทั้งเห็ดเมาที่ออกฤทธิ์หลอนประสาท

ซึ่งรัฐบาลเนเธอร์แลนด์นั้นออกแบบกฎหมายดังกล่าวภายใต้แนวคิด “ลดทอนความเป็นอาชญากรรมด้วยการลดทอนความผิดคดียาเสพติด” นี่เองที่ทำให้กัญชานั้นอยู่ในประเภท Soft drugs และจำหน่ายภายใต้เงื่อนไขต่างๆ ที่สามารถตรวจสอบได้

กัญชาส่วนใหญ่ในเนเธอร์แลนด์มักถูกขายกันในร้านที่เรียกกันว่า ร้านกาแฟ (Coffee Shop) ซึ่งต้องได้รับอนุญาตจากรัฐในการเปิด กล่าวคือร้านต้องสามารถสอบได้ ไม่ว่าจะเป็นเอกสารประจำตัว เอกสารข้ออนุญาตให้พักอาศัย (สำหรับร้านที่เปิดให้ลูกค้าเข้าไปปุ้นกันได้) และใบอนุญาตซื้อขายกัญชา รวมทั้งทางร้านขายต้องจำหน่ายให้กับผู้ใหญ่เท่านั้น และห้ามโฆษณา หรือห้ามเปิดร้านในรัศมี 250 เมตรที่มีโรงเรียนตั้งอยู่

แต่นอกจากร้านค้าจะต้องมีใบอนุญาตและสามารถตรวจสอบได้ ลูกค้าที่มาใช้บริการเองก็ยังถูกควบคุมด้วยกฎหมายนี้ด้วยเช่นกัน ซึ่งผู้ซื้อกัญชาอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี แต่ละคนจะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขการครอบครองกัญชาไม่เกิน 5 กรัม (ทั้งแบบแห้ง แบบน้ำมัน และแบบแปรรูปแล้ว) รวมไปถึงการห้ามมีต้นกัญชาไว้ในครอบครองเกิน 5 ต้น และที่สำคัญคือห้ามซื้อตุน

ส่วนการปลูกกัญชาสำหรับใช้ประโยชน์ส่วนบุคคลนั้นยังถือเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย แต่ถ้าเป็นการปลูกพืชกัญชาเพื่อใช้ส่วนบุคคลในปริมาณไม่เกิน 5 ต้นก็ถึงว่ารอดตัวไป แต่ถ้าปลูกเกินกำหนดเมื่อไหร่ และถูกตำรวจเจอหรือมีใครร้องเรียน ก็ยังถูกดำเนินคดีอยู่ดี เพราะอย่างไรก็ตาม การครอบครอง การผลิต การซื้อขายยาเสพติดที่เป็น Soft Drugs ยังถือเป็นความผิดทางอาญาในหมวดของยาเสพติดชนิดร้ายแรงและชนิดไม่ร้ายแรง

นอกจากนี้ ยังมีการกำหนดพื้นที่เสพยาเอาไว้อีกด้วย ซึ่งหากมีการปุ้นกัญชากันนอกพื้นที่ที่กำหนด หน่วยงานท้องถิ่นก็มีอำนาจจับกุมได้ทันที โดยไม่สามารถอ้างความเสรีในการเสพกัญชากลางเมืองอัมสเตอร์ดัมได้

แม้จะมีกฎหมายและข้อบังคับชัดเจน แต่ก็ใช่ว่าผู้นำประเทศจะแฮปปี้เหมือนกับพืชใบขียวที่ชาวประชาดูดกันตาเยิ้ม เพราะจากการเยือนแคนาดาของ มาร์ค รุตเตอ (Mark Rutte) นายกรัฐมนตรีเนเธอร์แลนด์ ในช่วงปลายปี 2018 เขาได้บอกให้คนหนุ่มสาวพยายามถอยห่างจากการใช้กัญชา พร้อมทั้งเล่าเรื่องของญาติคนหนึ่งที่เสพกัญชามากเกินไปจนมีผลกระทบตามมาด้านสุขภาพจิตอย่างร้ายแรง

อีกทั้งผู้นำเนเธอร์แลนด์ยังบอกอีกว่า “อย่าลองเลย แต่ถ้าลองไปแล้ว ก็ขอให้มั่นใจว่า กัญชาจะไม่ใช่จุดเริ่มต้นที่ทำให้อยากลองยาตัวอื่นอีก”

แน่นอนว่าในเวทีดังกล่าว จัสติน ทรูโด (Justin Pierre James Trudeau) นายกรัฐมนตรีแคนาดา ยังได้กล่าวถึงการออกกฎหมายเสรีในการใช้กัญชาของแคนดา ซึ่งมีเป้าหมายแท้จริงเพื่อให้แน่ใจว่าคนที่ขายกัญชาให้ในสถานที่ที่ได้รับอนุญาต จะไม่มีอย่างอื่นมาขายให้กับลูกค้า และตัดการติดต่อระหว่างผู้เสพกับอาชญากร ซึ่งนั่นก็เป็นหลักการเดียวกับของประเทศเนเธอร์แลนด์ที่ออกแบบกฎหมายดังกล่าวภายใต้แนวคิดว่า “ลดทอนความเป็นอาชญากรรมด้วยการลดทอนความผิดคดียาเสพติด”

อย่างไรก็ตาม กฎหมายกัญชาแคนาดาที่มีผลไปเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2018 ได้อนุญาตให้ผู้มีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี สามารถซื้อหากัญชาได้ไม่เกิน 30 กรัม สำหรับการปลูกกัญชาเองที่บ้านนั้น กำหนดให้มีได้ไม่เกิน 4 ต้น แต่หากเกินกว่านั้น จะต้องรับโทษจำคุกสูงสุดนานถึง 14 ปี เช่นเดียวกับการลักลอบจำหน่ายกัญชาให้แก่ผู้เยาว์ การนำเข้าและส่งออกกัญชา ส่วนการขับขี่ยานพาหนะด้วยความมึนเมาที่เป็นผลจากการเสพกัญชามีบทลงโทษจำคุกสูงสุด 10 ปี พร้อมปรับเป็นเงินอีกด้วย

มาถึงตรงนี้ ก็ได้เวลามองย้อนกลับมาที่ประเทศไทย ที่กำลังหาช่องทางเพื่อชูนโยบายกัญชาเสรีที่อยู่นอกเหนือจากความเป็น “ทางการแพทย์” นั่นคือการใช้กัญชาเพื่อความบันเทิง หรือที่เรียกกันว่า “กัญชาเพื่อสันทนาการ” แบบเดียวกับที่แคนาดาและเนเธอร์แลนด์มีอยู่นั้น เราพร้อมหรือไม่…ที่จะใช้ข้อบังคับแบบเดียวกับประเทศต้นแบบเหล่านี้!? หรือจะต้องมีกฎหมายกัญชาแบบไทยๆ ขึ้นมาใช้กันเอง

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0