โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

เปิดกรุสมบัติ "ธนาธร" 5.6 พันล้าน แจ้งอนาคตใหม่กู้ 191 ล้าน

ไทยรัฐออนไลน์ - Politics

อัพเดต 20 ก.ย 2562 เวลา 23.04 น. • เผยแพร่ 20 ก.ย 2562 เวลา 22.01 น.
ภาพไฮไลต์
ภาพไฮไลต์

กกต.ตั้งแท่นจ่อฟัน ตู่ท้าสอบจริยธรรม วันนอร์ซัดเอื้อพวก บี้ไม่ธำรงไว้ซึ่งรธน.

“ประยุทธ์” ท้าร้องสอบจริยธรรม-ลากขึ้นเขียงซักฟอกโอ่รู้ทันหวังต้อนให้พูดโยงบางอย่าง “วิษณุ” ไม่สนลุยต่อเรื่องของฝ่ายค้าน “ชวน” ไฟเขียวปิดสมัยประชุมยื่นได้ย้ำคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญไม่ใช่คำวินิจฉัย แต่ความเห็นพ่วงท้ายก็ต้องรับฟัง “วันนอร์” ลั่นไม่โง่ ร้องปมแค่ถวายสัตย์ฯ ภาคต่อขยี้ไม่ยึดมั่นธำรงไว้ซึ่ง รธน.-เอื้อพวกพ้อง-คบคนผิดกฎหมาย มีมลทินเสื่อมเสีย ป.ป.ช.อ้อมแอ้มพร้อมรับเรื่อง เปิดกรุสมบัติ ส.ส. “ธนาธร” อู้ฟู่ 5.6 พันล้าน แจ้งเป็นเจ้าหนี้ปล่อยกู้ อนค. 191 ล้าน ฮือฮา ส.ส.พรรคจิ๋ว “คฑาเทพ” เจ้าของเหล็กไหลพันล้าน “มงคลกิตติ์” โชว์กรุพระเครื่องดัง 140 ล้าน “จรุงวิทย์” ตั้งแท่นชง กกต.ฟันคดีเงินกู้ อนค.ปัดรับไม้ต่อ ป.ป.ช. “เรืองไกร” ยื่นสอบ “ธรรมนัส” ขาดคุณสมบัติ ส.ส.ถือหุ้นสื่อ “ไก่อู” ไม่หวั่นถูกร้องทุจริตชี้กันสาดถล่มไม่ใช่ฝ้าในอาคารกรมประชาสัมพันธ์

กรณีพรรคร่วมฝ่ายค้านเดินหน้าต่อจ่อรวบรวมรายชื่อ ส.ส.อย่างน้อย 151 รายชื่อ ยื่นเรื่องต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งเรื่องไป ป.ป.ช. เพื่อพิจารณาส่งเรื่องต่อให้ศาลฎีกาไต่สวน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง กรณีกล่าวคำถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 161 ขณะที่ฝ่ายรัฐบาลไม่กังวลโยนผู้ยื่นพิจารณาเองว่าทำได้หรือไม่

“วิษณุ” ไม่สนยื่นสอบจริยธรรมผู้นำ

เมื่อเวลา 10.10 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีฝ่ายค้านเตรียมเข้าชื่อเสนอประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อยื่นคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ศาลฎีกาไต่สวน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมกรณีถวายสัตย์ปฏิญาณตนไม่ครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญว่า ไม่เป็นไรหากเขาคิดว่าเป็นช่องทางที่คิดว่าทำได้ก็ทำไป ใครอ่านรัฐธรรมนูญก็รู้อยู่ว่ามันมีช่องทางเช่นนั้น แต่สุดท้ายอยู่ที่ ป.ป.ช.และศาลฎีกาจะว่าอย่างไร เมื่อถามว่าจะเข้าเงื่อนไขตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ระบุว่าเรื่องดังกล่าวไม่อยู่ในอำนาจไต่สวนขององค์กรใดภายใต้รัฐธรรมนูญ นายวิษณุกล่าวว่า “ไม่ขอตอบ”

อยากลุยต่อก็เรื่องของฝ่ายค้าน

เมื่อถามย้ำว่า ตามช่องทางกฎหมายสามารถทำได้หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่ตอบเมื่อฝ่ายค้านจะเป็นฝ่ายยื่น ต้องพิจารณาเองว่าทำได้หรือไม่ ส่วนประเด็นที่ฝ่ายค้านอภิปรายทั่วไป ตามมาตรา 152 จะนำไปสู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจตามมาตรา 151 ได้หรือไม่ คงยังไม่มีใครประเมินเรื่องนี้ในเวลานี้ เมื่อถามว่า ประเด็นที่ฝ่ายค้านอภิปราย ทั้งเรื่องการถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วน และการแถลงนโยบายโดยไม่บอกที่มาวงเงินควรจบแล้วหรือยัง นายวิษณุ กล่าวว่า รัฐบาลมีหน้าที่อย่างไรก็ทำหน้าที่ในส่วนของรัฐบาลเรียบร้อยแล้ว ใครคิดว่ายังไม่ถูกต้องครบถ้วนสมบูรณ์ จะเดินหน้าต่อก็เป็นเรื่องของท่าน

“บิ๊กตู่” รู้ทันหวังจะให้พูดบางอย่าง

เมื่อเวลา 16.20 น. ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหมให้สัมภาษณ์ถึงกรณี 7 พรรคฝ่ายค้านเตรียมยื่นเรื่องต่อประธานสภาฯเพื่อส่งให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบมาตรฐานจริยธรรมของนายกฯว่า เรื่องของฝ่ายค้านขอให้ดำเนินการสอบไป ต้องไปดูฝ่ายกฎหมายว่าทำได้หรือไม่ เพราะเคารพกระบวนการทางกฎหมายทุกประการ ศาลรัฐธรรมนูญหรือศาลปกครองตนรับหมด และส่งคนไปดำเนินการทางคดีความ โดยชี้แจงสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และ ป.ป.ช. ทำมาตลอดเพราะมีการฟ้องร้องหลายอย่าง เมื่อไปชี้แจงทุกอย่างก็จบ ยืนยันว่าตนไม่หนี เมื่อถามว่านายกฯชี้แจงยังไม่เคลียร์ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ถือเป็นมุมมองของเขา ส่วนของตนบอกว่าชี้แจงเท่าที่ทำได้ ขณะเดียวกัน นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ได้ชี้แจงไปแล้ว ส่วนที่บอกว่าตนชี้แจงเองจะชัดเจนกว่านั้น คุณก็รู้ว่าเขาต้องการอะไร เขาต้องการให้ตนพูดอะไรสักอย่าง ต้องระมัดระวังมากที่สุดในการที่จะถูกลากไปเชื่อมโยงอะไรก็แล้ว แต่ต้องระมัดระวัง เพราะคนทำต้องรับผิดชอบในการที่จะต้องไปเกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงกับอะไรก็แล้วแต่

ท้าลากขึ้นเขียงซักฟอกก็ทำไปแจงได้

เมื่อถามว่า เรื่องนี้ควรจบได้แล้วใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ไม่รู้ก็แล้วแต่ท่าน ส่วนที่ฝ่ายค้านจะนำประเด็นการถวายสัตย์ปฏิญาณตนไปอภิปรายไม่ไว้วางใจก็ทำไป จะลากไปทำที่ไหนก็ไป ผมก็อธิบายได้ ผมก็อยากให้ประชาชนเข้าใจว่าประเทศชาติกำลังเผชิญหน้ากับอะไรอยู่ อย่าลืมอดีตที่ผ่านมาพฤติกรรมของหลายคน อยากให้เรียนรู้ไม่ให้เกิดขึ้นอีก” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

ปัดข่มขู่โชว์แฟ้มลับกลุ่มทำลายชาติ

เมื่อถามว่า เป็นกลุ่มบ่อนทำลายประเทศชาติตามเอกสารหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ในเอกสารดังกล่าวไม่ใช่จะต้องหมายถึงเพียงแค่นัก การเมือง เพราะมีเรื่องการแก้ไขปัญหาภาคใต้และการวางระเบิดรวมอยู่ด้วย ผลการสอบสวนต่างๆที่รายงานตนมา แต่บังเอิญว่าวันนั้นเอกสารติดกระเป๋าไปเลยหยิบมาดู ไม่ได้มีเจตนาเอามาขู่ใคร แต่เป็นเพราะสื่อไปถ่ายภาพออกมา ความจริงแล้วก็ไม่ควร อย่างไรก็ตาม ทุกวันนี้ตนก็ยิ้มสู้อยู่แล้วและสู้ในสิ่งที่ควรสู้ แต่ถามว่าจะสู้กับคนในชาติไปทำไม ตนสู้กับเศรษฐกิจและความยากจน ยืนยันว่าไม่ได้อยากสู้กับใคร อยากให้ทุกคนช่วยกันไตร่ตรองใคร่ครวญให้ดีในการจะทำอะไรก็ตาม รวมถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญซึ่งผ่านประชามติมามากมาย หากจะแก้ไขหรือทำอะไรควรอยู่ในกระบวนการ จะแก้ไขมาตราอะไรค่อยๆทำไป ไม่ได้ไปขัดขวางแต่อย่าลืมว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ทำให้หลายคนได้เข้ามาอยู่ในสภาฯ ฉะนั้นอย่าเลือกรัฐธรรมนูญเฉพาะบางมาตรา อยากให้ไปดูกฎหมายลูกด้วย โดยเฉพาะเกี่ยวข้องกับกฎหมายชุมนุม การปลุกคนมารวมตัวกันที่ถนนควรเลิกได้แล้ว วันหน้าอย่ามาตี พ.ร.บ.การชุมนุมอีก อยากให้เคารพกฎหมาย บ้านเมืองจะได้สงบ

“วันนอร์” ลั่นไม่โง่ขย่มแค่ถวายสัตย์

นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ ให้สัมภาษณ์ถึงยื่นเรื่องผ่าน ป.ป.ช. เพื่อส่งศาลฎีกาให้สอบจริยธรรม พล.อ.ประยุทธ์ ยังไม่ได้พูดคุยอย่างเป็นทางการกับพรรคร่วมฝ่ายค้าน เนื่องจากวันที่ 21 ก.ย. จะมีภารกิจลงพื้นที่ฝ่ายค้านสัญจรที่ จ.ชลบุรี วันที่ 23 ก.ย. คงได้หารือกันว่าจะดำเนินการเมื่อไหร่อย่างไร การยื่นสอบจริยธรรมเราจะไม่เน้นไปที่การถวายสัตย์ปฏิญาณอย่างเดียว จะไม่ยื่นว่าการถวายสัตย์ฯไม่ครบผิดจริยธรรมหรือไม่ เพราะศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งออกมาแล้วว่าไม่อยู่ในอำนาจตรวจสอบขององค์กรภายใต้รัฐธรรมนูญ เราคงไม่โง่จะยื่นแต่ประเด็นนี้ แต่จะยื่นเรื่องที่นายกฯไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ

ขยี้เอื้อพวกพ้องคบคนผิด ก.ม.มีมลทิน

“การไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ อาทิ ยึดมั่นธำรงไว้ซึ่งการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ถือผลประโยชน์ของประเทศชาติเหนือประโยชน์ส่วนตน ต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ไม่แสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบเพื่อตนเองหรือพวกพ้อง หรือมีพฤติกรรมรู้เห็นยินยอมให้ผู้อื่นใช้ตำแหน่งหน้าที่แสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ ไม่คบสมาคมกับผู้ประพฤติผิดกฎหมายผู้มีอิทธิพลหรือมีความประพฤติเสื่อมเสียอันอาจจะกระทบต่อความศรัทธาของประชาชนในการปฏิบัติหน้าที่” นายวันนอร์กล่าว

ตั้งทีมเช็กข้อกฎหมายยิบทุกฉบับ

นายวันมูหะมัดนอร์กล่าวอีกว่า การยื่นสอบจริยธรรมนี้ต้องดูกฎหมายหลายฉบับ ทั้งรัฐธรรมนูญที่ว่าด้วยเรื่องจริยธรรม พ.ร.บ.ประมวลจริยธรรมที่ออกโดยศาลรัฐธรรมนูญ ที่บังคับใช้ทุกองค์กรและประกาศของที่ประชุมใหญ่คณะตุลาการศาลฎีกา ที่ระบุว่าหากใครฝ่าฝืนประมวลจริยธรรมต้องดำเนินการอย่างไร สุดท้ายต้องดูกฎหมาย ป.ป.ช.ที่มีหน้าที่รับคำร้องจากสภาฯหรือบุคคลอื่นว่าเมื่อมีการร้องเรียนแล้ว ป.ป.ช.ต้องดำเนินการอย่างไร เรื่องนี้ฝ่ายกฎหมายของ 7 พรรคต้องตั้งทีมขึ้นมาเพื่อดูทุกอย่างให้รอบคอบ เชื่อว่าไม่นานทุกอย่างจะชัดเจนเพราะกฎหมายมีอยู่แล้ว และยืนยันสิ่งที่เราดำเนินการไม่ได้โกรธแค้นนายกฯ ต้องการให้ออกจากตำแหน่ง แต่เมื่อมีกฎหมาย กำหนดอยู่ ส.ส.ฝ่ายค้านต้องดำเนินการตรวจสอบ

“สามารถ” ซัดนายกฯ ไม่จริงใจ

นายสามารถ แก้วมีชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หลังการอภิปรายทั่วไปเชื่อว่าประชาชนทราบว่าคำตอบที่ได้จากรัฐบาลชัดเจนหรือไม่อย่างไร รับรู้ได้ว่าจริงๆ แล้วรัฐบาลมีความจริงใจกับประชาชนมากน้อยแค่ไหน ท่าทีของนายกฯให้ความสำคัญกับผู้แทนประชาชนเช่นไร ประชาชนสะท้อนออกมาว่านายกฯไม่ให้ความสำคัญกับการตรวจสอบของ ส.ส.เท่าที่ควร ไร้ความจริงใจช่วยเหลือประชาชน การทำงานจากรัฐบาล คสช.มาถึงรัฐบาลนี้ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ผู้นำรัฐบาลไม่สามารถแก้ปัญหาสร้างความเชื่อมั่นศรัทธาได้ สถานการณ์เศรษฐกิจล้มเหลว ประชาชนไม่มีรายได้ไร้ทางออก ไม่มีมาตรการจับต้องได้ ทำลายศรัทธาประชาชนลง รัฐบาลอยู่นานคนจนยิ่งเพิ่มขึ้น

“ชวน” ชี้ปิดสมัยประชุมยื่นสอบได้

เมื่อเวลา 13.00 น. ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ กล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายค้านเตรียมยื่นเรื่องให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งเรื่องไปยัง ป.ป.ช.ขอให้ตรวจสอบจริยธรรมร้ายแรงของนายกรัฐมนตรีว่า การยื่นเรื่องดังกล่าวสามารถกระทำเมื่อใดก็ได้ แม้จะเป็นช่วงปิดสมัยประชุมสภา แต่สิ่งสำคัญคือ การยื่นตรวจสอบจะต้องเข้าองค์ประกอบตามข้อกฎหมาย ส่วนสภาผู้แทนราษฎรในฐานะผู้ส่งต่อคำร้อง จะต้องพิจารณาว่าเข้าหลักเกณฑ์ตามกฎหมายใด เรื่องนี้จะตอบได้ก็ต่อเมื่อฝ่ายค้านยื่นเรื่องมายังสภาผู้แทนราษฎร

ต้องรับฟังความเห็นท้ายคำสั่งศาล รธน.

นายชวน ยังกล่าวถึงกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญมีผลผูกพันทุกองค์กรว่า ตามมาตรา 211 ของรัฐธรรมนูญ ให้คำวินิจฉัยมี ผลผูกพันกับทุกองค์กร แต่กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญไม่รับเรื่องของผู้ตรวจการแผ่นดินที่ส่งเรื่องให้วินิจฉัยปมถวายสัตย์ปฏิญาณนั้น ไม่ใช่การวินิจฉัยแต่เป็นคำสั่ง ส่วนที่คำสั่งดังกล่าวของศาลรัฐธรรมนูญมีคำพ่วงท้ายเอาไว้เป็นเรื่องที่ต้องรับฟัง แต่ทั้งนี้ต้องรอคำร้องของฝ่ายค้านยื่นมายังสภาผู้แทนราษฎรก่อนถึงจะพิจารณาได้ จะพูดแทนไม่ได้ว่าสิ่งใดเข้าหลักเกณฑ์ แต่ผู้ที่จะยื่นเรื่องต้องเป็นฝ่ายศึกษาเองว่าจะเข้าไปเป็นตาม ช่องทางใด แต่สิ่งสำคัญคืออยากให้กระบวนการประชา-ธิปไตยเดินหน้าไปตามปกติ

ป.ป.ช.พร้อมรับเรื่องรอดูข้อกล่าวหา

นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการ ป.ป.ช.กล่าวถึงกรณีพรรคฝ่ายค้านเตรียมล่าชื่อ ส.ส.ยื่นต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ ส่ง ป.ป.ช.ให้ส่งเรื่องไปยังศาล ฎีกา เพื่อพิจารณาไต่สวน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ กระทำผิดจริยธรรมร้ายแรง กรณีถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญว่า หากส่งมาต้องรับเรื่องไว้และให้สำนักที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายก่อนนำเสนอที่ประชุม ป.ป.ช.ชุดใหญ่เพื่อพิจารณา ขณะนี้รอให้ยื่นเรื่องมาก่อนดีกว่า แล้วถึงจะพูดในรายละเอียดได้ อย่างไรก็ตามขั้นตอนเมื่อยื่นมาแล้ว ป.ป.ช.ต้องดำเนินการตรวจรับคำกล่าวหาแล้วตรวจดูว่าเป็นคำกล่าวหาที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ช.จะรับไว้พิจารณาหรือไม่ หากเห็นว่าเป็นเรื่องที่อยู่ในอำนาจก็ดำเนินการตามกระบวนการไต่สวน ถ้าเป็นเรื่องที่ไม่อยู่ในอำนาจของ ป.ป.ช.ก็มีมติไม่รับพิจารณา เมื่อถามว่าเรื่องการตรวจสอบจริยธรรมอยู่ในอำนาจของ ป.ป.ช.หรือไม่ นายวรวิทย์ตอบว่า ข้อกล่าวหาเรื่อง การกระทำความผิดจริยธรรมเป็นเรื่องที่อยู่ในอำนาจของ ป.ป.ช. แต่ต้องดูข้อเท็จจริงในคำกล่าวหาก่อน

“ธนาธร” เปิดเซฟมูลค่า 5.6 พันล้าน

เมื่อเวลา 09.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีการเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เพิ่มเติม 80 คน ที่ขอขยายเวลาการยื่นบัญชีทรัพย์สิน แบ่งเป็นกรณีเข้ารับตำแหน่ง 79 คน และพ้นจากตำแหน่ง 1 คน มีบัญชีทรัพย์สินที่น่าสนใจ อาทิ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส.บัญชี รายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ มีทรัพย์สิน 5,632,536,266 บาท มีหนี้สิน 683,303 บาท รวมมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 5,631,852,963 บาท แยกเป็นทรัพย์สินของนายธนาธร 5,137,150,764 บาท และทรัพย์สินของนางรวิพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ คู่สมรส 495,385,501 บาท ทรัพย์สินส่วนใหญ่เงินฝากในบัญชีธนาคาร 1,527,870,470 บาท เงินลงทุน 3,014,693,453 บาท ทรัพย์สินที่น่าสนใจ อาทิ เรือยอชต์ 10 ล้านบาท รวมถึงนาฬิกาหรูหลายเรือน แหวนเพชร หนังสือในห้องสมุด 2,000 เล่ม เปียโน ชุดโฮมเธียเตอร์ ชุดเครื่องประดับสตรี เรือคยัก

เป็นเจ้าหนี้ปล่อยกู้ อนค. 191 ล้าน

นอกจากนี้ นายธนาธรมีการแจ้งต่อ ป.ป.ช.ถึงหนังสือสัญญาที่ให้พรรคอนาคตใหม่กู้ยืมเงิน 2 สัญญา ได้แก่ 1.สัญญากู้เงินลงวันที่ 2 ม.ค.2562 จำนวน 161,200,000 บาท มีข้อตกลงให้พรรคอนาคตใหม่ชำระเงินกู้ภายใน 3 ปี แบ่งเป็นปีที่ 1 ชำระ 80 ล้านบาท ปีที่ 2 ชำระ 40 ล้านบาท ปีที่ 3 ชำระ 41.2 ล้านบาท คิดดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ขณะนี้พรรคอนาคตใหม่ชำระหนี้สินบางส่วนแก่นายธนาธรแล้ว 2.สัญญากู้เงินลงวันที่ 11 เม.ย.2562 จำนวน 30 ล้านบาท มีข้อตกลงให้พรรคอนาคตใหม่ชำระเงินกู้ภายใน 1 ปี คิดดอกเบี้ยร้อยละ 2 ต่อปี

“เอ๋” อู้ฟู่ 169 ล้าน “ช่อ” มีแค่ 3.3 ล้าน

นายปิยบุตร แสงกนกกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ มีทรัพย์สิน 9,984,857 บาท มีหนี้สิน 2,310,236 บาท รวมมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 7,674,621 บาท มีของสะสมเป็นหนังสือภาษาไทยและต่างประเทศ 2,500 เล่ม มูลค่า 1.25 ล้านบาท วิสกี้ยี่ห้อ Hibiki master select, Hibiki 17 years, Akashi sing malt และ The yamazaki single malt 18 years 5 ขวด มูลค่า 65,200 บาท และไวน์ 6 ขวด 13,000 บาท น.ส.พรรณิการ์ วานิช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ มีทรัพย์สิน 3,319,567 บาท มีทรัพย์สินที่น่าสนใจ อาทิ กำไลทองคำโบราณ สร้อยข้อมือเพชร สร้อยข้อมือทองคำ สร้อยคอทองคำพร้อมจี้ นาฬิกา แหวน จี้ทองคำ ต่างหูเซาท์ซี สร้อยคอมุก กำไลเพชร ผ้าซิ่นไหม ผ้าซิ่นฝ้าย

น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ มีทรัพย์สิน 169,666,795 บาท มีหนี้สิน 29,731,411 บาท ทรัพย์สินส่วนใหญ่เป็นเงินฝาก ที่ดิน โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง รวมถึงมีพระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์เส้นด้าย มูลค่า 2.5 ล้านบาท พระสมเด็จนางพญาพิมพ์อกนูนใหญ่ มูลค่า 3.5 ล้านบาท และวัว 500 ตัว มูลค่า 17 ล้านบาท นอกจากนี้นางปารีณายังแจ้งว่าเป็นเจ้าของฟาร์มไก่ที่ อ.จอมบึง จ.ราชบุรี มีรายได้ต่อปี 109,962,076 บาท

“มงคลกิตติ์” เก็บกริ่งปวเรศทอง 140 ล.

นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ และ น.ส.พัทธนันท์ สุขสินธารานนท์ คู่สมรสมีทรัพย์สิน 192,902,325 บาท มีหนี้สิน 19,168,813 บาท รวมมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 173,733,512 บาท มีทรัพย์สินที่น่าสนใจคือ พระเครื่อง 9 รายการ มูลค่ารวม 140 ล้านบาท อาทิ พระกริ่งปวเรศ ทองคำหนัก 3 บาท มูลค่า 50 ล้านบาท พระสมเด็จวัดระฆังเลี่ยมทองคำ 1 บาท มูลค่า 40 ล้านบาท พระสมเด็จไกเซอร์เลี่ยมทองคำ 2 บาท มูลค่า 30 ล้านบาท พระร่วงหลังรางปืน จ.สุโขทัย เลี่ยมทองคำ 2 บาท มูลค่า 12 ล้านบาท

นอกจากนี้ นายมงคลกิตติ์ยังได้แจ้งบัญชีทรัพย์สินในส่วนของอดีตภรรยาคือ น.ส.ภคอร จันทรคณา ที่แม้จะจดทะเบียนหย่า แต่สถานะปัจจุบันยังอยู่ด้วยกันว่ามีทรัพย์สิน 4,913,145 บาท โดยการยื่นบัญชีทรัพย์สินครั้งนี้ นายมงคลกิตติ์ได้แจ้งเอกสารใบทะเบียนสมรสและใบหย่าหลายรายการ โดยแจ้งว่าได้สมรสครั้งแรกกับ น.ส.พัทธนันท์ ปี 2552 ก่อนจะจดทะเบียนหย่าในปี 2553 จากนั้นมาจดทะเบียนกับ น.ส.ภคอร และหย่ากับ น.ส.ภคอรในปี 2561 โดยกลับมาจดทะเบียนสมรสกับ น.ส.พัทธนันท์อีกครั้งเมื่อวันที่ 24 ก.ค.2562 แต่ปัจจุบันสถานะนายมงคลกิตติ์ยังอยู่กินกับ น.ส.ภคอร

“ชัช” เปิดกรุพระเครื่องกว่า 400 ล้าน

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ มีทรัพย์สิน 137,785,190 บาท แยกเป็นทรัพย์สินของนายพิธา 126,405,190 บาท คู่สมรส 11,180,000 บาท และมีหนี้สิน 22,954,064 บาท รวมมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 114,831,126 บาท แต่นายพิธาแจ้งว่า ได้แยกกันอยู่กับคู่สมรสที่มีปัญหาฟ้องหย่ากัน แต่ยังไม่ได้จดทะเบียนหย่า ทำให้การยื่นบัญชีทรัพย์สินในครั้งนี้ไม่ได้รับความร่วมมือจากคู่สมรส จึงไม่อาจยื่นบัญชีทรัพย์สินของทั้งคู่ครบถ้วนตามความเป็นจริง โดยยื่นตามแต่ที่ได้ค้นพบและปรากฏในเอกสาร รวมถึงที่พบในสื่อออนไลน์ต่างๆ

ขณะที่นายชัชวาลล์ คงอุดม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังท้องถิ่นไท มีทรัพย์สิน 1,088,573,006 บาท หนี้สิน 70,715,818 บาท รวมมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 1,017,857,188 บาท ทรัพย์สินส่วนใหญ่เป็นที่ดินย่าน อ.บางซื่อ และสิ่งปลูกสร้างย่าน ถ.ข้าวสาร รวมถึงสะสมพระเครื่องชื่อดังมากมายถึง 49 รายการ มูลค่า 400 กว่าล้านบาท อาทิ ชุดเบญจภาคี จำนวน 2 รายการ รายการละ 100 ล้านบาท พระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์ใหญ่ 20 ล้านบาท พระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์ใหญ่ พระประธาน 20 ล้านบาท พระจิตรลดา 10 ล้านบาท

พรรคเล็กโชว์โคตรเหล็กไหล 700 ล้าน

นายคฑาเทพ เตชะเดชเรืองกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังไทยรักไทย มีทรัพย์สิน 1,112,531,135 บาท ที่น่าสนใจแจ้งต่อ ป.ป.ช.ว่าครอบครองเหล็กไหล 2 ชิ้น มูลค่า 1,000 ล้านบาท ได้แก่ 1.เหล็กไหลช่อหรือโคตรเหล็กไหล มูลค่า 700 ล้านบาท ได้มาเมื่อวันที่ 1 ก.พ.2537 2.เหล็กไหลก้อน (มหาเหล็กไหล) มูลค่า 300 ล้านบาท ได้มาเมื่อวันที่ 20 ต.ค.2538 นอกจากนี้ยังแจ้งครอบครองอุกกาบาตมูลค่า 10 ล้านบาท ได้มาเมื่อวันที่ 5 ธ.ค.2540 และพระสมเด็จต่างๆอีก 7 องค์ มูลค่า 90 ล้านบาท

ส่วนบัญชีอื่นๆที่น่าสนใจ อาทิ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ โสด มีทรัพย์สิน 4,504,782 บาท น.ส.จารุวรรณ ศรัณย์เกตุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ลูกสาวของนายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ ส.ส.อุตรดิตถ์ พรรคเพื่อไทย มีทรัพย์สิน 38,660,727 บาท หนี้สิน 264,490,068 บาท มีหนี้สินมากกว่าทรัพย์สิน 225,829,341 บาท นายคารม พลพรกลาง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ มีทรัพย์สิน 28,768,041 บาท

“มนัญญา–3 ส.ส.” ยังไม่ยื่นทรัพย์สิน

นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการ ป.ป.ช. กล่าวว่า ขณะนี้ยังเหลือ ส.ส.ที่ไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สินอีก 3 รายคือ นางจุมพิตา จันทรขจร ส.ส.นครปฐม พรรคอนาคตใหม่ นายพรชัย อินทร์สุข ส.ส.พิจิตร พรรคพลังประชารัฐ นายพีระวิทย์ เรื่องลืดดลภาค ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยรักธรรม ส่วน ครม.มี 1 ราย ไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สินคือ นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรฯ หลังจากนี้ ป.ป.ช.จะทำหนังสือแจ้งให้คนเหล่านี้ทราบเพื่อให้ชี้แจงเหตุผลไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน ทั้ง 4 คนยังมีโอกาสยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช.ภายใน 15 วัน นับจากวันที่ได้รับหนังสือจาก ป.ป.ช. ส่วนข้อสังเกต ส.ส.บางคนยื่นทรัพย์สินมูลค่าสูงเกินเหตุ ป.ป.ช.ขอไปตรวจสอบดูรายละเอียดของมูลค่าที่แท้จริงก่อน

“คฑาเทพ” โอ่ของดีเปลี่ยนชีวิต

นายคฑาเทพ เตชะเดชเรืองกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังไทยรักไทย กล่าวว่า ที่มาของโคตรเหล็กไหล 700 ล้านบาท เมื่อกว่า 20 ปีที่แล้วมีชาวบ้านไปเจอแล้วนำไปเก็บไว้ แต่ปรากฏว่าเกิดเรื่องไม่ดีกับชาวบ้านคนดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง จึงนำไปให้ตนเพราะเห็นว่าเป็นคนชอบเดินสายทำบุญไปตามสถานที่ต่างๆน่าจะเหมาะสมกับการครอบครอง เมื่อได้นำมาบูชาเกิดเรื่องดีๆมากมายในไม่กี่เดือนไม่ถึงปีชีวิตตนเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีมาก มา เสี่ยงทายขออะไรมักสมหวังจึงทำพิธีบูชาครั้งใหญ่ จากนั้นมีชาวบ้านในพื้นที่แห่มาขอพรเสี่ยงทายมากมาย ถ้าขออะไรแล้วได้สมหวังจะยกขึ้น ถ้าไม่สมหวังจะยกไม่ขึ้น กลายเป็นเหล็กไหลที่มีชื่อเสียงมากในเวลานั้น มีสถานีโทรทัศน์และสื่อมวลชนมาทำข่าวจำนวนมาก ถึงขั้นมีคนที่ชื่นชอบเหล็กไหลจากต่างประเทศมาติดต่อขอซื้อในราคา 700 ล้านบาท แต่ไม่ขาย เก็บไว้บูชาที่พรรคพลังไทยรักไทย ที่บ้านสองคอน ต.โนนใหม่ อ.เมือง จ.อำนาจเจริญ พูดไปอาจไม่มีใครเชื่อ ขอให้มาพิสูจน์ให้เห็นกับตาแล้วจะได้รู้ว่า มีอะไรที่ไม่เคยเห็นอยู่จริง

“จรุงวิทย์” ชง กกต.ฟันเงินกู้ “ธนาธร”

พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต.ให้สัมภาษณ์สั้นๆ ถึงการตรวจสอบกรณีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่ให้พรรคอนาคตใหม่กู้ยืมเงินจำนวนที่เกินกว่าที่กฎหมายกำหนดว่า สัปดาห์หน้า สำนักงาน กกต.จะส่งเรื่องดังกล่าวต่อที่ประชุม กกต. เมื่อถามว่า การที่นายธนาธร แบ่งสัญญาเงินกู้ออกเป็น 2 ฉบับ มองว่าเป็นการทำนิติกรรมอำพรางหรือไม่ พ.ต.อ.จรุงวิทย์กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของคณะกรรมการไต่สวนจัดทำสำนวนขึ้น จากกรณีที่นายศรีสุวรรณมายื่นคำร้องไว้ตั้งแต่เดือน พ.ค.ที่ผ่านมา จึงเสนอต่อที่ประชุม กกต.เพื่อพิจารณา แต่ในเนื้อหาไม่ขอเปิดเผย ยืนยันไม่เกี่ยวกับกรณีที่ ป.ป.ช.เปิดเผยบัญชีทรัพย์สินของนายธนาธร

ก.ม.ห้ามบุคคลบริจาคเกินปีละ 10 ล้าน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 ในมาตรา 66 ระบุว่า บุคคลใดจะบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดแก่พรรคการเมือง มีมูลค่าเกิน 10 ล้านบาทต่อพรรคการเมืองต่อปีมิได้ และในกรณีที่บุคคลนั้นเป็นนิติบุคคล การบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดให้แก่พรรคการเมืองไม่ว่าพรรคเดียวหรือหลายพรรค เกินปีละ 5 ล้านบาท ต้องแจ้งให้ที่ประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้นทราบในการประชุมใหญ่คราวต่อไปหลังจากบริจาคไปแล้ว และพรรคการเมืองจะรับบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดซึ่งมีมูลค่าเกินกว่าวรรคหนึ่งมิได้

“หัวเขียง” ชี้ไม่แปลก ส.ส.กินข้าวคุยกัน

นายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ ประธานภาคอีสานพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีกระแสข่าวฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทยจะเปิดเผยหลักฐานสิ่งจูงใจเพื่อดูด ส.ส. พรรคเพื่อไทยของแกนนำพรรคพลังประชารัฐ หากไม่หยุดพฤติกรรมว่า ขณะนี้ตนยังไม่ได้พบกับ ส.ส.ที่มีชื่อในข่าว จึงยังไม่ได้สอบถามข้อเท็จจริง แต่ส่วนตัวมองว่าการที่ ส.ส.จะไปทานข้าวกับใครถือเป็นเรื่องธรรมดาของสังคมไทย ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาล หากมีความสนิทสนมกันสามารถไปทานข้าวร่วมกันได้ไม่ใช่เรื่องแปลก ถือเป็นการเอื้ออาทรต่อกันด้วยซ้ำไป เรื่องนี้ไม่ถึงขั้นจะเป็นจะตาย หากกรรมการบริหารพรรคติดใจในเรื่องนี้สามารถตั้งกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ว่ามีการมอบสิ่งจูงใจเหมือนที่เป็นข่าวหรือไม่ หากผลออกมาเป็นทางลบค่อยตั้งกรรมการสอบวินัยต่อไป แต่ถ้าไม่มีอะไรก็ควรปล่อยเรื่องนี้ไป และส่วนตัวมองว่าแค่เขาไปกินข้าวกันแล้วต้องมาระแวงเช่นนี้ไม่ถูกต้องนัก เราต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน ส.ส.แต่ละคนมีวุฒิภาวะรู้ผิดชอบชั่วดีหากทานข้าวกันแล้วไม่มีการก้าวล่วงงานของกันและกันก็ไม่มีอะไรเสียหาย

พท.จ่อเรียก ส.ส. สอบข้อเท็จจริง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากกรณีกระแสข่าว ส.ส.พรรคเพื่อไทยไปทานข้าวร่วมกับแกนนำพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ก่อนการประชุมสภาฯ เพื่ออภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 เมื่อวันที่ 18 ก.ย. ขณะนี้พรรคเพื่อไทยจะตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร จะเชิญ ส.ส.ที่ปรากฏชื่อในข่าวมาสอบถามข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร แต่ขณะนี้ยังไม่มีการกำหนดเวลาที่แน่นอน

“เรืองไกร” ร้อง กกต.สอบ “ธรรมนัส”

เมื่อเวลา 10.30 น. ที่สำนักงาน กกต. นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ เข้ายื่นคำร้องต่อ กกต. ขอให้ตรวจสอบ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ และ ส.ส.เขต 1 จ.พะเยา พรรคพลังประชารัฐ เนื่องจากมีลักษณะต้องห้ามเข้าข่ายขาดคุณสมบัติในการดำรงตำแหน่ง ส.ส.ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (3) ประกอบมาตรา 101 (6) หรือไม่ โดยนายเรืองไกรกล่าวว่า ได้ตรวจสอบการยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินหนี้สินต่อ ป.ป.ช.ของ ร.อ.ธรรมนัสแล้วว่า พบว่าได้แสดงรายการว่าได้ยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นจาก 3 บริษัท คือ บริษัท โกลเบิล ทราเวิล เอเจนซี่ จำกัด บริษัท สิทธิอาโป จำกัด และบริษัท ธรรมนัส พัทยา การ์ด (2009) จำกัด ช่วง เม.ย.62 หลังสมัครรับเลือกตั้งและการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มี.ค.

พบลาออก-ถือหุ้น 3 บริษัทธุรกิจสื่อ

“รวมทั้งเมื่อตรวจสอบวัตถุประสงค์การจดทะเบียนบริษัทกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้ากระทรวงพาณิชย์ พบว่าทั้ง 3 บริษัทมีการระบุวัตถุประสงค์การประกอบกิจการบริษัทไว้เหมือนกันในข้อ 11 ว่าประกอบกิจการบริการจัดเก็บ รวบรวม จัดทำ จัดพิมพ์และเผยแพร่สถิติ ข้อมูลในทางเกษตรกรรม อุตสาหกรรม พาณิชยกรรม การเงิน การตลาด รวมทั้งวิเคราะห์ประเมินผลในการดำเนินธุรกิจ ข้อความตามวัตถุประสงค์ดังกล่าวศาลรัฐธรรมนูญได้รับวินิจฉัยกรณี ส.ส.ถูกร้องว่าเข้าข่ายขาดคุณสมบัติการเป็น ส.ส.เนื่องจากถือครองหุ้นในธุรกิจสื่อ จึงเข้าข่ายขาดคุณสมบัติในการลงสมัครรับเลือกตั้งและขาดคุณสมบัติการเป็น ส.ส.” นายเรืองไกรกล่าว

“เทวัญ” ติดต่อ “ไก่อู” แจงถูกร้อง

ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รมต.ประจำสำนักนายกฯให้สัมภาษณ์กรณีนายจรูญ ไชยศร รองอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ยื่นคำร้องต่อ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (กมธ.ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎร ตรวจสอบ พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ถึงการใช้งบประมาณของกรมประชาสัมพันธ์ ที่ล่าสุดฝ้าอาคารฝ่ายนิทรรศการและศิลปกรรม สำนักพัฒนาการประชาสัมพันธ์ กรมประชาสัมพันธ์ อาคารที่ถูกร้องให้ตรวจสอบถล่มลงมาเมื่อวันที่ 18 ก.ย. ว่าดูจากหนังสือพิมพ์ ยังไม่ได้รับรายงานกรรมาธิการ ป.ป.ช. เบื้องต้นได้ให้เลขานุการรัฐมนตรีติดต่ออธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ให้ชี้แจงมาเป็นลายลักษณ์อักษรว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร อยากทราบเรื่องเหมือนกัน แต่ไม่ใช่หน้าที่ตน จะเรียกผู้ร้องมาให้ข้อมูล ที่ผ่านมากำชับการใช้งบฯต้องประหยัดโปร่งใส เห็นว่าสำนักงบฯตัดไปตั้งเยอะ จะตรวจสอบต่อไปอย่างไรคงต้องรอดูเอกสารที่อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์จะส่งมาก่อนแล้วจะประเมินอีกครั้งหนึ่ง ไม่มีอะไรน่าวิตก จะถูกเป็นเรื่องการเมือง เพราะเพิ่งเข้ามารับตำแหน่ง

“สรรเสริญ” ไม่หวั่นถูกลูกน้องยื่นสอบ

ด้าน พล.ท.สรรเสริญกล่าวว่า เมื่อมีการร้อง ให้ตรวจสอบ ก็เชื่อว่าคนที่มีหน้าที่เขามีคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ตนและคนที่เกี่ยวข้องพร้อมชี้แจงในทุกเรื่อง ถ้าพบว่ามีการทุจริตตนก็ต้องถูกลงโทษแต่ถ้าไม่พบการทุจริตตนก็ทำหน้าที่ต่อไป ส่วนประเด็นทำไมถึงถูกร้องนั้น ตนเป็นข้าราชการถือว่าโตแล้วไม่ขอตอบโต้ ส่วนเรื่องถ้าที่ถล่มลงมา เมื่อวันที่ 19 ก.ย. โฆษกกรรมาธิการ ป.ป.ช.ได้มาตรวจสอบอย่างไม่เป็นทางการแล้ว ตนไม่ขอชี้แจงอะไรมาก แต่ข้อเท็จจริงที่ถล่มลงมาเป็นเพียงกันสาดไม่ใช่ฝ้าในอาคารแต่อย่างใด

“พิศิษฐ์” ฉะเกรงใจผู้รับเหมาจี้ สตง.ลุย

นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส อดีตผู้ว่าสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้ ผู้ว่าฯ สตง.เร่งไปตรวจสอบเรื่องนี้โดยเร็วเพื่อตอบ สังคมให้ได้ โดยเฉพาะบริษัทสถาปนิกที่ออกแบบต่อเติมปรับภูมิทัศน์ บริษัทก่อสร้าง ได้จดทะเบียนไว้กับสภาวิศวกรรมสถานหรือไม่ ทำไมการทำงานต่ำ กว่ามาตรฐานเทียบกับตึกห้องแถวยังไม่ได้ พล.ท.สรรเสริญพูดกับสื่อว่ามีประกันซ่อมฟรีได้หมด แต่ของอย่างนี้ทำมาเพื่อซ่อมไปเรื่อยๆหรือเห็นเป็น ของหลวง ที่จริงต้องสั่งรื้อทำใหม่ ทำไมถึงเกรงใจผู้รับเหมาคนออกแบบมากนัก แต่ไม่เกรงใจประชาชนผู้เสียภาษี ตอนนี้อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์พูดได้อย่างเดียวอยู่ในประกัน ผิดหลักวิศวกรรมชัดๆไม่อย่างนั้นต่อไปซ่อมทุกฤดูฝน มีประกันคุม 2 ปี หลังจากนั้นไปฟ้องร้องกัน นี่เรียกว่าใช้เงินหลวงถูกต้องหรือยัง พล.ท.สรรเสริญ เข้ามาเป็นอธิบดี และมีโครงการนี้ต้องรับผิดชอบ สตง.ต้องถอดแบบดูหาคำตอบว่าอยู่ๆทำไมจึงไปเชิญบริษัทนี้มา สนิทกับใคร ใครขอร้อง

“วัชระ” บี้ พม.เคลียร์คดีโกงเงินคนจน

นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นหนังสือถึงนายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ติดตามกรณีเคยยื่นหนังสือถึง พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ อดีต รมว.พม.เมื่อวันที่ 7 มี.ค.61 ผ่านไป 18 เดือนยังไม่คืบหน้าเรื่องโกงเงินคนจน ขอเรียกร้องให้ รมว.พม. จัดส่งรายละเอียดการกระจายงบฯโครงการเงินค่าไร้ที่พึ่งปีงบฯ 59-62 ปีละ 600 ล้านบาท ว่าไปยังศูนย์ใดบ้างในแต่ละปีงบฯ มีตรวจสอบทุจริตหรือไม่ มีข้าราชการถูกลงโทษกี่คน โดยละเว้นการลงโทษข้าราชการชั้นผู้น้อยหรือให้กันข้าราชการชั้นผู้น้อยไว้เป็นพยาน และขอรายละเอียดงบฯจัดซื้อผ้าห่มตั้งแต่ปีงบฯ 56-62 ว่ามีงบฯจัดซื้อปีละเท่าใด จำนวนเท่าใด ผืนละเท่าไหร่ เอกชนรายใดเป็นผู้ขาย กระจายไปแจกที่ใดบ้าง และรายละเอียดงบฯจัดทำข้าวกล่องช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ปี 2554 มีเท่าใด เอกชนรายใดจัดทำ ใช้งบเท่าไหร่ กี่กล่อง ไปแจกที่ใด รวมงบฯทั้งสิ้นเท่าใด ขอเรียกร้องให้ รมว.พม.เร่งสอบสวนการทุจริตโครงการดังกล่าวโดยเร็ว หากมีการทุจริตจะได้นำผู้ทุจริตมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

“ศรีสุวรรณ” ยื่นสอบ “ช่อ” ด่า รธน.

เมื่อเวลา 11.00 น. ที่สำนักงาน ป.ป.ช. นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เดินทางมายื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช. ให้ไต่สวนเอาผิด น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่กล่าวถ้อยคำดูหมิ่นรัฐธรรมนูญปี 2560 เฮงซวยทุกมาตรา โดยนายศรีสุวรรณกล่าวว่า เป็นพฤติการณ์ตรงกันข้ามกับถ้อยคำที่เคยปฏิญาณก่อนเข้าปฏิบัติหน้าที่ในฐานะ ส.ส. ตามที่รัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 115 ได้บัญญัติไว้ว่าก่อนเข้ารับหน้าที่ ส.ส.ต้องปฏิญาณตนในที่ประชุมแห่งสภาฯ จะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชน แต่การที่ น.ส.พรรณิการ์กล่าวถ้อยคำรัฐธรรมนูญนี้เฮงซวยทุกมาตรา กระทบต่อความรู้สึกคนไทยที่เทิดทูนสถาบันที่บัญญัติไว้ในมาตราต่างๆในรัฐธรรมนูญ ไม่เหมาะสม สังคมอาจตีความกันไปต่างๆนานาได้ เข้าข่ายการฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้ายแรง จึงต้องร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. ให้ไต่สวนและตรวจสอบการกระทำว่าฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงหรือไม่ต่อไป หากเข้าข่ายต้องส่งคำร้องไปยังศาลฎีกา เพื่อไต่สวนลงโทษต่อไป

นายกฯบินสหรัฐฯถกสมัชชายูเอ็น

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ พร้อมคณะมีกำหนดการเข้าร่วมการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ (United Nations General Assembly-UNGA) ครั้งที่ 74 และร่วมประชุมสำคัญ ระหว่างวันที่ 21-27 ก.ย. ณ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เข้าร่วมประชุมที่สอดคล้องกับ 3 เสาหลักสหประชาชาติและผลประโยชน์ของไทย ได้แก่ 1.การประชุมระดับสูงว่าด้วยหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า 2.การประชุมระดับผู้นำว่าด้วยการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศ 3. การประชุมระดับผู้นำว่าด้วยเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน และพบกับภาคส่วนสำคัญได้แก่ 1.Asia Society 2.สภาธุรกิจสหรัฐฯ-อาเซียน รวมถึงพบปะหารือกับผู้นำประเทศได้แก่นายสกอตต์ มอริสัน นายกฯออสเตรเลีย นายอันโตนิอู กุแตเรซ เลขาธิการสหประชาชาติ และนาย Tijjane Muhammad Bande ประธานสมัชชาสหประชาชาติ สมัยที่ 74 ด้วย

ศาลยกฟ้องม็อบอยากเลือกตั้ง

ที่ศาลอาญา ศาลมีคำพิพากษาที่พนักงานอัยการคดีอาญา 5 เป็นโจทก์ฟ้องนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว นายกาณฑ์ พงษ์ประภาพันธ์ นายอานนท์ นำภา น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา หรือโบว์ นายสุกฤษฏิ์ เพียรสุวรรณ และ น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว หรือลูกเกด ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-6 ฐานยุยงปลุกปั่นตาม ป.อาญามาตรา 116 และชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คน ขัดคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดยศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า เมื่อคำนึงถึงสภาพการณ์และหลักการตรวจสอบแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์ติชมรัฐบาลตามหลักประชาธิปไตยแล้ว การกระทำของจำเลยทั้ง 6 ไม่เป็นความผิด พิพากษายกฟ้อง

“จ่านิว” ยิ้มบรรทัดฐานห้ามรัฐปิดปาก

ขณะที่นายสิรวิชญ์ กล่าวว่าขอขอบคุณองค์คณะผู้พิพากษาที่พิพากษาตามแนวทางที่เราสนับสนุนเห็นว่าเราใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ ไม่ได้สร้างความกระด้างกระเดื่องรุนแรง ยึดหลักสันติวิธี เรียกร้องสิทธิขั้นพื้นฐานคนไทยทุกคน ถือเป็นบรรทัดฐานแรกเห็นว่าประชาชนเรียกร้องสิทธิแสดงความเห็นไม่ถือเป็นการยุยงปลุกปั่น และบอกกับเจ้าหน้าที่รัฐว่าไม่สามารถใช้ ป.อาญามาตรา 116 มาปิดปากหรือสร้างความยุ่งยากให้ผู้เคลื่อนไหวเรียกร้องสิทธิตามรัฐธรรมนูญ ส่วนคดีถูกลอบทำร้าย ตำรวจไม่ได้แจ้งความคืบหน้าอะไรมาเลยแต่ให้เวลา ไม่อยากเร่งรัดอะไร เข้าใจว่ามีเหตุระเบิดอะไรต่างๆต้องสอบสวนเร่งด่วน ถ้าครบ 3 เดือนจะเริ่มเร่งรัดติดตาม

ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง

ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0