โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

เจาะกลยุทธ์ COM7 ที่จะไม่เป็นแค่ค้าปลีกไอที

Wealthy Thai

อัพเดต 09 ส.ค. 2566 เวลา 18.21 น. • เผยแพร่ 01 มี.ค. 2564 เวลา 11.41 น. • This’s Alano

ในช่วงที่เกิดการระบาดของ COVID-19 ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจสะดุดทันที การดำเนินธุรกิจก็ย่อมเกิดความท้าทายอย่างมาก ที่จะสร้างผลประกอบการให้ออกมาสวยหรู แต่ COM7 หรือ บริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) ก็ได้พิสูจน์ให้นักลงทุนเห็นแล้วว่าเขาสามารถก้าวข้ามแรงกดดันเหล่านี้ได้ แม้ช่วงแรกๆจะสะดุดบ้าง แต่ก็สามารถปรับตัวได้ทันท่วงที
ทั้งนี้สะท้อนจากผลประกอบการปี 2563 ที่ถือว่าเป็นปีของความท้าทายอย่างมาก จากการระบาดของ COVID-19 แต่ปี 2563ทาง COM7 มีจำนวนลูกค้ามาใช้บริการร้านค้าปลีกกว่า 3.8 ล้านราย เพิ่มขึ้น 8% จากฐานปี 2562 และยังสามารถรายงานกำไรสุทธิของปี 63 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 1,490 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.53% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,216 ล้านบาท
ส่วนรายได้รวมปี 63 อยู่ที่ 37,306 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.8% จากปีก่อนที่ทำได้ 33,362 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทยังสามารถรักษายอดขายให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าจะมีผลกระทบจาก COVID-19 ซึ่งส่งผลให้มีการปิดสาขาชั่วคราวตามนโยบายภาครัฐ ทั้งนี้ยอดขายที่เติบโตโดยหลักมาจากสินค้าที่ได้รับประโยชน์จากการ Work From Home ซึ่งบริษัทได้มีการปรับเรื่องสินค้าให้ตอบโจทย์การทำงานที่มีความเป็น Mobility มากขึ้นและประเภทสินค้าต่างๆที่เกี่ยวข้อง
โดยจำแนกออกเป็นแต่ละธุรกิจดังนี้ ธุรกิจค้าปลีกมีรายได้ 34,877 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% ช่องทางจำหน่ายอื่นๆมีรายได้ 2,429 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 47% สามารถรักษายอดขายให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าจะมีผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้ต้องมีการปิดสาขาชั่วคราวตามนโยบายภาครัฐ ทั้งนี้ยอดขายที่เติบโตโดยหลักมาจากสินค้าที่ได้รับประโยชน์จากการ Work From Home และ Learn from home รวมถึง สินค้าที่รองรับกลุ่มผู้ที่สนใจการเกิดขึ้นสกุลเงินใหม่ (Cryptocurrency) และเส้นทางอาชีพใหม่อย่างยูทูปเบอร์
“กำไรสุทธิไตรมาส 4/63 ที่ 556 ล้านบาท เติบโต 44%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเติบโต 49%จากไตรมาสก่อน ถือว่าสูงกว่าที่ตลาดคาด 26% จากรายได้ที่สูงกว่าคาด 9% หนุนโดยยอดขายเพิ่มขึ้นจากสินค้า iPhone 12, กลุ่ม Work from home และสมาร์ทโฟนอื่นๆ ได้รับผลบวกจากมาตรการของภาครัฐ (เราเที่ยวด้วยกัน, คนละครึ่ง และ เราไม่ทิ้งกัน)” นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว
ล่าสุดนายสุระ คณิตทวีกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร COM7 ได้ออกมาเปิดเผยถึง ภาพรวมธุรกิจปี 64 โดยตั้งเป้ายอดขายเติบโตไม่ต่ำกว่า 10%จากปีก่อน เนื่องจากความต้องการสินค้า ไอทีและสินค้าเทคโนโลยีเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง รวมทั้ง ต้อนรับการมาของ 5G กระตุ้นยอดขาย และสอดรับพฤติกรรมใหม่ผู้บริโภค
ทั้งนี้วางกลยุทธ์ขยายสาขาปีนี้เพิ่มเป็นประมาณ 1,000 สาขา และน่าจะมีโอกาสต่อยอดไปยังธุรกิจใหม่ๆ จากการที่ COM7 เข้าไปเป็นถือหุ้นใหญ่ของ บริษัท เน็คซ์ แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ NCAP หนึ่งในผู้นำธุรกิจให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์และดำเนินธุรกิจด้านไฟแนนซ์ ซึ่งน่าจะเห็นความร่วมมือระหว่าง COM7 และ NCAP ชัดเจนขึ้นภายในปีนี้
นอกจากนี้ บริษัทคาดใช้เงินลงทุนจากการขยายสาขาและลงทุนในกิจการเดิมรวมประมาณ 300 ล้านบาท และเตรียมเงินไว้สำหรับลงทุนในธุรกิจอื่นๆ เพิ่มเติมอีก 500 – 1,000 ล้านบาท เพื่อเพิ่มจุดแข็ง และการเติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างพูดคุยกับพันธมิตร หากมีความคืบหน้าจะแจ้งใหทุกท่านทราบต่อไป
“ปี 2564 เรามีแพลนใหม่ เราไม่คิดว่าเราจะหยุดอยู่ที่เดิม วันนี้เรามีโอกาส และมีหลายอย่างอีกมากมาย เราไม่ยึดติดแค่การเติบโตของยอดขายสาขาเดิม รวมทั้งสินค้าประเภทไอทีเพียงอย่างเดียว เราเชื่อว่าในอนาคตจะมีอะไรใหม่ๆเกิดขึ้นกับ COM7”นายสุระ กล่าว
ณ สิ้นปี 2563 บริษัทมีสาขาภายใต้การบริหารงานของกลุ่มบริษัท จํานวนทั้งหมด 911 สาขา แบ่งเป็น BANANA 303 สาขา Studio7 106 สาขา KingKong Phone 94 สาขา True Shop by Com7 122 สาขา แฟรนไชส์ 114 สาขา BKK 51 สาขา iCare 28 สาขา และอื่นๆ 93 สาขาโดย มีการขยายเพิ่มจากปีที่แล้วรวม 124 สาขา (ปี 2562 : 787 สาขา) โดยเป็นการเร่งขยายสาขาในไตรมาส 4/2563 เพื่อให้ได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ ซึ่งยอดขายของสาขาใหม่จะเกิดขึ้นในปี 2564
รวมทั้งบริษัทได้มีแผนในการเปิดสาขา แบบ Stand Alone นอกห้างสรรพสินค้า เพื่อรองรับในสถานการณ์ต่างๆ เมื่อรวมกับสาขาที่เป็นแฟรนไชส์ที่ตั้งอยู่ตามหัวเมืองสําคัญ ที่ปีนี้จะมีการปรับโมเดลธุรกิจใหม่ให้ครบวงจร และต้องรองรับธุรกิจในอนาคต รวมทั้ง ส่งเสริมในการเป็นจุดรับสินค้า เมื่อลูกค้าสั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ของบริษัทได้ โดยปี 2563 มีจำนวนลูกค้ามาใช้บริการร้านค้าปลีกกว่า 3.8 ล้านราย เพิ่มขึ้น 8% จากฐานปี 2562
นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด บอกว่า ขณะนี้แนะนำ “ซื้อ” COM7 ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 60 บาท จากเดิม 48.00 บาท โดยเป็นผลของการปรับกำไรสุทธิปี 64 และ re-rate PER เพิ่มขึ้น ซึ่งมองเป็นต่อการประชุมนักวิเคราะห์วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (25 ก.พ.) จาก 1.แนวโน้มรายได้ที่สูงขึ้นทั้งช่องทางออฟไลน์ และออนไลน์ ตามจำนวนสาขาที่เปิดเพิ่มขึ้นสูงในไตรมาส 4/63, จำนวนวันที่ขายสินค้าผ่านสาขาเพิ่มขึ้นภายหลังที่ไม่มีการ lock down และความต้องการ iPhone 12 ที่ดีต่อเนื่องจากปี 63และ 2.ค่าใช้จ่ายดำเนินงานลดลง ตามประสิทธิภาพพนักงานที่เพิ่มขึ้น
ดังนั้นจึงปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 64 เพิ่มขึ้น 18%อยู่ที่ 1.79 พันล้านบาท (+24% YoY) และปี 65 เพิ่มขึ้น 17% อยู่ที่ 2.17 พันล้านบาท (+21% YoY) จากการปรับเพิ่มอัตราการขยายตัวของรายได้ และลด SG&A/sale ลง ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น และ outperform SET +17%/+115% ในช่วง 1 และ 12 เดือนที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตามเรายังคงแนะนำ ซื้อ จากผลการดำเนินงานที่จะยังคงเติบโตดีต่อเนื่องที่ 63-65 EPS CAGR เติบโต 21% ตามความต้องการสินค้าไอที และ IoT ที่อยู่ในระดับสูง และมีโอกาสที่จะ Synergy ร่วมกับ NCAP (กิจการร่วมค้า) ซึ่งเราคาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในปี 64
ส่วนนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด บอกว่า ขณะนี้คาดว่าแนวโน้มธุรกิจจะยังคงแข็งแกร่งต่อไปในปี 64 โดยคาดว่ารายได้จากการขายปี 64 จะมีอัตราการเติบโตมากกว่า 10% จากปีก่อน จากจำนวนสาขาที่เพิ่มขึ้น ปีนี้ตั้งเป้าไว้ว่าจะขยายเป็น 1,000 สาขา จากสิ้นปี 63 ที่ 911 สาขา และมีสินค้า IT ใหม่ๆออกมาตลอดปี เช่น iPhone 13 ออกราว ก.ย.64 และสินค้ารองรับ 5G
มีโครงการใหม่ๆที่มีศักยภาพ เช่นการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และการร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ การที่ COM7 มีพันธมิตรคือ TRUE และอยู่ในกลุ่ม CP ซึ่งได้มีการซื้อเทสโก้ โลตัส คาดว่าในอนาคต COM7 ก็มีโอกาสหรือศักยภาพใหม่ๆจากการนี้ รวมทั้งความร่วมมือกับ บริษัทย่อยที่ถือหุ้นอยู่ 34% คือ NCAP ซึ่งทำธุรกิจด้านการเงิน เกี่ยวกับธุรกิจทางด้านต่างประเทศ แต่ยังไม่มีรายละเอียดมากนัก
อย่างไรก็ตามปรับลดคำแนะนำเป็น ถือ จากเดิม ซื้อ ด้วยราคาพื้นฐานใหม่ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 51.00 บาท หลังปรับประมาณการดีขึ้น ซึ่งประเมินด้วยวิธี DCF แต่ราคาปิดขยับมาแรงถึง 43% จนราคาหุ้นปัจจุบันเกินกว่าราคาพื้นฐานไปเล็กน้อย และซื้อขายที่ระดับ 2 SD จากค่าเฉลี่ย P/E และ P/E ปี 64 ที่ระดับปัจจุบันเป็น 33 เท่า แล้วถือว่าสูง อย่างไรก็ตามในประมาณการเรายังไม่รวามผลตอบแทนจากโครงการใหม่ หากในอนาคตมีรายละเอียด ก็อาจจะเป็นส่วนเพิ่ม (Upside) ได้

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0