โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

เปลี่ยนคําพูด เปลี่ยนความคิด ชีวิตเปลี่ยน

Stock2morrow

อัพเดต 23 ก.ค. 2562 เวลา 08.27 น. • เผยแพร่ 23 ก.ค. 2562 เวลา 08.27 น. • Stock2morrow
เปลี่ยนคําพูด เปลี่ยนความคิด ชีวิตเปลี่ยน
เปลี่ยนคําพูด เปลี่ยนความคิด ชีวิตเปลี่ยน

แต่ละวันเราได้พบเจอเหตุการณ์ต่าง ๆ มากมาย ทั้งดีและไม่ดี คําถามก็คือ ทําไมบางคน เจอเรื่องไม่ได้เลวร้ายอะไรมาก แต่ทําไมจึงยอมแพ้ ง่ายดาย ในขณะที่บางคน ต่อให้เจอเรื่องราวหนัก หน่วงแค่ไหน เขากลับยิ้มสู้ และผ่านมันมาได้ คําตอบก็คือ

EVENT (เหตุการณ์) + RESPONSE (การตอบสนอง) = OUTCOME (ผลลัพธ์)

ความแตกต่างในการตีความและมุมมองที่ มีต่อเหตุการณ์นั้น ๆ นั่นเอง ที่ทําให้เราได้ผลลัพธ์ในชีวิตที่ต่างกัน

ผมจะยกตัวอย่างให้เห็นภาพนะครับ

ทุกเช้าเวลาไปทํางานแล้วเจอรถติด มีหลายคนบ่น เบื่อ หงุดหงิดว่าทําไมรถได้ติดขนาดนี้ (วะ) หน้านิ่วคิ้วขมวด จนคนนั่งข้าง ๆ พลอยเบื่อ เซ็ง กับ อารมณ์เสีย ๆ ของเขาไปด้วย

ในขณะที่คนอีกกลุ่มหนึ่งกลับมองว่า รถติดก็ดี จะได้อยู่ด้วยกันนานขึ้นอีกหน่อย รถติดก็ดี ฉันจะได้ แต่งหน้าต่อ รถติดก็ดี กําลังอยากฟังเพลงยาว ๆ

เห็นมั้ยครับ เหตุการณ์เดียวกัน แต่เพราะการตอบสนองที่ต่างกันจึงส่งผลลัพธ์ออกมาแตกต่างกัน

หรือจะเป็นเรื่องราวของ แจ็ค หม่า มหาเศรษฐี ที่รวยที่สุดของประเทศจีน เขาคือผู้ก่อตั้ง AIibaba เว็บไซต์ขายส่งที่ใหญ่ที่สุดในโลก

เขาเป็นเด็กที่เกิดในครอบครัวชาวนาที่มีฐานะยากจนมาก ถึงขนาดว่าได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ จึงทําให้ร่างกายของเขาไม่เติบโตได้ตามเกณฑ์ของเด็กทั่วไป

หมู่บ้านของ แจ็ค หม่า เป็นหมู่บ้านที่กันดาร ผู้คนล้วนแล้วแต่ยากจนและประกอบอาชีพชาวนา

ขณะที่อีกเมืองหนึ่งซึ่งไกลออกไป กลับเป็นเมืองที่เจริญกว่าและมีชาวต่างชาติมาท่องเที่ยวและค้าขายมากมาย

ด้วยความที่แจ็ค หม่า ไม่รู้ภาษาอังกฤษ เขาตื่นแต่เช้าเพื่อปั่นจักรยานไปที่เมืองนั้นทุกวัน เพื่อขออาสาพาชาวต่างชาติท่องเที่ยว แลกกับการที่เขาจะ ได้เรียนรู้ภาษาอังกฤษจากนักท่องเที่ยว

เขาทําอย่างนั้นเป็นประจํา จนทําให้ภาษาอังกฤษของเขานั้นดีขึ้นเรื่อย ๆ จนเขากลายเป็นครูสอนภาษาอังกฤษในเวลาต่อมา

แจ็ค หม่า เคยบอกผ่านสื่อเป็นประจําว่าที่เขาประสบความสําเร็จได้มากขนาดนี้ เป็นเพราะเขาเข้าใจและสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษได้นั่นเอง

ลองคิดดูสิครับ เด็กคนอื่นๆ ก็รู้ว่ามีฝรั่งอยู่ที่เมืองนั้น แต่ไม่มีใครที่คิดได้แบบเขาเลยสักคน Event เดียวกัน คนจนเหมือนกัน Response ไม่เหมือนกัน Outcome ต่างกัน เขาไม่ได้คิดว่าการอยู่หมู่บ้านห่างไกลความเจริญจะเป็นปัญหา แต่เขามองหาโอกาส ที่คนส่วนใหญ่มองข้าม

ความน่าสนใจของผู้ชายคนนี้ยังไม่หมด เขาผ่านความล้มเหลวมาเยอะครับ เช่น ไม่ได้รับคัดเลือกเป็นพนักงาน KFC สอบตํารวจไม่ติด และเมื่อตอนที่เขาสนใจที่จะทําเว็บไซต์ Alibaba ขึ้นมา เขานําโครงการนี้ไปเล่าให้ลูกศิษย์และเพื่อน ๆ หลายคนฟัง แต่ไม่มีใครสนใจร่วมลงทุนกับเขาเลยสักคน!

ถามว่าเขาหยุดมั้ย? ไม่หยุด เขายังคงเดินหน้าไปต่อ ในขณะที่บางคนเสีย Self ขนาดคนสนิทยังไม่เห็นด้วยเลย!

หลายคนเจอแบบนี้อาจจะล้มเลิกไปนานแล้ว แต่แจ็ค หม่า ไม่คิดแบบนั้น เขากลับมองว่าถ้าอย่างนั้นก็คงต้องลุยต่อเพียงลําพัง

วันนี้ จากลูกชาวนาจน ๆ เป็นโรคขาดสารอาหาร เขากลายมาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในจีน เพราะการตอบสนองต่อความคิด การตีความในเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เขาได้พบเจอนั้น เป็นไปในทางที่ดีกว่าคนอื่น ๆ นั่นเอง

น่าคิดนะครับว่าทุกวันนี้ เพื่อน ๆ ของแจ็ค หม่ากําลังทําอะไรกันอยู่?

เปลี่ยนคําพูด เปลี่ยนความคิด ชีวิตเปลี่ยน
เปลี่ยนคําพูด เปลี่ยนความคิด ชีวิตเปลี่ยน

คนสําเร็จเลือกตอบสนองต่อเหตุการณ์ ต่าง ๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์แบบที่ต้องการ

ในขณะที่คนไม่สําเร็จจะโทษเหตุการณ์ว่า ทําให้ฉันเป็นแบบนั้นแบบนี้ ฉันทําอะไรไม่ได้เลย ผลลัพธ์ในชีวิตจึงเป็นแบบนั้น

จุดสังเกตว่าใครมีทัศนคติแบบไหนให้ดูตรง ที่คําพูด ดูการใช้ภาษาของเขาครับ

ถ้าเขาเป็นคนขี้บ่น โวยวาย ไม่พอใจ โทษคนอื่นตลอดเวลา เช่น เมื่อ เซ็ง ยาก เป็นไปไม่ได้ โชคร้าย อะไรก็กรู ไม่ว่าจะหลุดจากปากโดยตรงหรือลอยมาผ่าน Facebook นั่นแหละครับคนที่ตอบสนองเหตุการณ์ได้แย่มาก มีทัศนคติแย่มาก เขาคือคนที่คิดว่าตัวเองถูกกระทําตลอดเวลา (เป็นเหยื่อ) = Victim

เมื่อคิดแบบนั้น ชีวิตเขาก็จะเป็นไปตามนั้น

ผมอยากให้ลองสังเกตตัวเองดูว่าคุณยังติดอยู่กับคําพูดเหล่านั้นหรือเปล่า?

เวลาเจอเหตุการณ์ใด ๆ คุณรู้สึกว่าควบคุมได้ หรือรู้สึกว่าถูกกระทําอยู่ตลอดเวลา?

ถ้าคิดว่าตัวเองยังมีความคิด การตอบสนองต่อเหตุการณ์ในชีวิตไปในทางแย่ ๆ ก็ให้รีบเปลี่ยนเลยครับ ลองตอบสนองแบบใหม่ ใช้มุมมองใหม่ ปรับทัศนคติใหม่ ลองหาดูว่าในเหตุการณ์นั้นมีอะไรดีๆ ที่ ซ่อนอยู่บ้าง

ฝึกเปลี่ยนความคิด เปลี่ยนถ้อยคําที่มีต่อเหตุการณ์ต่างๆ แล้วมันจะส่งผลให้ชีวิตของคุณเปลี่ยนตามไปด้วยอย่างแน่นอน (แต่ต้องฝึกบ่อย ๆ จนเก่ง)

 

“A negative mind will never give you a positive life.”

-Anonymous-

“ความคิดลบ ไม่อาจทําให้เรามีชีวิตที่ดีงามได้”

-นิรนาม-

ภัทรพล ศิลปาจารย์

คูณพอล ภัทรพล เรียนจบ MBA ที่สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ ศศินทร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รวมทั้งยังจบด้านอสังหาริมทรัพย์ กับ RE-CU (Real Estate Chulalongkorn University) ควบคู่ไปด้วย

ในด้านการทํางาน พอลถือเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่เป็น Triple Threat ของวงการบันเทิง คือ ทําครบ 3 อย่าง ทั้งนักแสดง พิธีกร และนักร้อง

พอลรับรางวัลมามากมาย อาทิ รางวัลศิลปินธรรมทูตทูตดาราเพื่อ คุณธรรม และรางวัลผู้ดําเนินรายการประเภททีมดีเด่น จากรายการ วีไอพี จากรางวัลโทรทัศน์ทองคํา ครั้งที่ 24 พ.ศ. 2552 อีกด้วย

ในด้านธุรกิจ พอลมียอดธุรกิจเกินพันล้านบาทต่อปี และเกษียน จากงานได้ตั้งแต่อายุ 35 ปี หลังเกษียณพอลทํา Action For Passion และ ลงทุนใน Start Up ในฐานะ Angel investor เขียนและสอนวิธีเกษียณเร็ว ฯลฯ

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0