การทุ่มงบกว่า 2,000 ล้านบาทของบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT โดยให้บริษัทลูก ไมเนอร์ ฟู้ด โฮลดิ้ง เข้าซื้อกิจการร้าน "บอนชอน" ร้านอาหารและไก่ย่างสไตล์เกาหลีที่มีสาขากว่า 10 แห่งในประเทศเข้ามาไว้ในอุ้งมือ นอกจากเหตุผลเพื่อสร้างความแข็งแกร่งและกระจายความเสี่ยงแล้ว มาดูกันว่า ทำไม ยักษ์ใหญ่อย่างไมเนอร์ฟู้ด จึงสนใจแบรนด์ บอนชอน ที่มีจำนวนสาขาเพียง 40 สาขา
ทั้งนี้เพราะหากพิจารณาพอร์ตโฟลิโอร้านอาหารในเครือไมเนอร์ ฟู้ดฯ แล้ว จะเห็นได้ว่า ล้วนแล้วแต่เป็นแบรนด์ที่มีสเกลขนาดใหญ่ถึง 9 แบรนด์ ได้แก่ เดอะ พิซซ่า คอมปะนี, สเวนเซ่นส์, ซิซซ์เล่อร์, แดรี่ควีน, เบอร์เกอร์คิง, เดอะ คอฟฟี่ คลับ, ริเวอร์ไซด์ กริลล์ ฟิช, เบซิล, เบนิฮานา มีจำนวนสาขารวมกันมากกว่า 2,200 สาขา ใน 27 ประเทศ ขณะที่แยกเฉพาะในประเทศไทยมีประมาณ 1,500 สาขา
ที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่า เส้นทางในธุรกิจร้านอาหารของเครือไมเนอร์ ส่วนใหญ่เป็นการซื้อแฟรนไชส์จากต่างประเทศเข้ามาบริหารและขยายตลาดในประเทศไทย ได้แก่
- ไอศกรีมสเวนเซ่นส์ ซื้อสิทธิบริหารจัดการแฟรนไชส์จากซาน ฟรานซิสโก ปัจจุบันมีสาขาในประเทศไทยถึง 330 สาขา
- ไอศกรีมแดรี่ ควีน ปัจจุบันเปิดบริการครบ 501 สาขา
- เบอร์เกอร์ คิง ซื้อสิทธิบริหารจาก เบอร์เกอร์คิง โฮลดิ้ง สหรัฐอเมริกา ปัจจุบันเปิดบริการแล้วประมาณ 103 สาขา
นอกจากนี้ยังมีธุรกิจที่เข้าไปร่วมทุนในต่างประเทศเพื่อขยายธุรกิจร้านอาหารทั้งในประเทศและต่างประเทศ ประกอบด้วย
- เดอะ คอฟฟี่ คลับ ร้านอาหารแบรนด์ดังจากออสเตรเลีย ปัจจุบันเปิดให้บริการในประเทศไทยประมาณ 51 สาขา
- ร้านไทย เอ็กซ์เพรส ร้านอาหารแบบนั่งทานในประเทศสิงคโปร์ ปัจจุบันมี 14 สาขา
- ลงทุนใน ปักกิ่ง ริเวอร์ไซด์ แอนด์ คอร์ทยาร์ด เปิด ริเวอร์ไซด์ กริล ฟิช
- ร่วมทุนกับ เอส แอนด์ พี พัฒนาร้านอาหารไทยในต่างประเทศ ภายใต้แบรนด์ ภัทรา และ สุดา เน้นในสหราชอาณาจักร
- เข้าซื้อหุ้นกว่า 75% ในบริษัท Benihana Holdings จำกัด เจ้าของร้านอาหารเบนิฮานากว่า 20 สาขาใน 12 ประเทศ ปัจจุบันเปิดให้บริการ 3 สาขาในประเทศไทย
ขณะเดียวกัน ไมเนอร์ฯ ก็ได้เริ่มสร้างแบรนด์อาหารของตัวเอง ภายใต้แบรนด์ เดอะ พิซซ่า คอมพานี หลังจากเรียนรู้โนวฮาวและหมดสัญญากับ พิซซ่า ฮัท จนถึงปัจจุบันมีสาขาแล้วกว่า 437 สาขา รวมถึงการเปิดร้านซิซซ์เลอร์ ร้านอาหารสไตล์ตะวันตก ที่ปัจจุบันมีอยู่ 57 สาขา
จะเห็นได้ว่า ปัจจุบัน ไมเนอร์ฟู้ดฯ มีธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่ม รวมไปถึงของหวาน ที่ครอบคลุมทุกตลาดตั้งแต่ระดับบนถึงตลาดแมส แล้วทำไมถึงสนใจซื้อบอนชอน
มาดูข้อมูลฝั่งบอนชอนกันบ้าง ร้านอาหารบอนชอน ซื้อลิขสิทธิ์มาจากประเทศเกาหลี ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2545 ในประเทศเกาหลี โดยปัจจุบันมีสาขา 282 แห่งใน 9 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐ บาห์เรน คูเวต ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ กัมพูชา เวียดนาม พม่า และไทย
บอนชอน เป็นร้านอาหารเกาหลีและไก่ทอดสไตล์เกาหลีที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั่วโลก จากซอสที่เป็นเอกลักษณ์ และที่สำคัญคือ ผู้ซื้อแฟรนไชส์ หรือแฟรนไชซี สามารถปรับเมนูหรือเพิ่มเติมเมนูให้เข้ากับความต้องการของลูกค้าในแต่ละประเทศได้ ทำให้หลังจากเปิดดำเนินการในประเทศไทยในปี 2554 บอนชอนได้รับความนิยมอย่างมาก โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและคนรุ่นใหม่ โดยในปี 2561 บอนชอนทำรายได้ถึง 1,351 ล้านบาท และมีผลกำไร 352 ล้านบาท จากจำนวนสาขากว่า 40 สาขา
จะเห็นได้ว่า การเติบโตอย่างรวดเร็วของบอนชอน สะดุดตาไมเนอร์ฯ อย่างจัง และที่สำคัญคือ กลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลักของบอนชอน ซึ่งเป็นกลุ่มมิลเลนเนียล ทั้ง วัยรุ่น นักเรียน นักศึกษา และเจนวายที่เป็นวัยหนุ่มสาว วัยทำงาน ที่มีพฤติกรรมนิยมเช็คอิน หรือโชว์ภาพขึ้นโซเชียลตลอดเวลา ซึ่งแน่นอนว่า ลูกค้ากลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ร้านอาหารในเครือไมเนอร์ฯ ไม่ยังสามารถเข้าถึงได้ชัดเจน
ดังนั้น การซื้อบอนชอนเข้ามาในเครือ จึงเป็นการเสริมพอร์ตโฟลิโอของไมเนอร์ฯ ให้มีอาหารครบทุกกลุ่ม โดยเฉพาะเมนูไก่ ที่เป็นเนื้อสัตว์ที่ทานได้ทุกเชื้อชาติศาสนา ทุกเพศ ทุกวัย และที่สำคัญคือ ทำให้ไมเนอร์ฯ สามารถขยายฐานลูกค้ากลุ่มเป้าหมายไปยังกลุ่มคนรุ่นใหม่ได้มากขึ้น เพื่อสร้างโอกาสให้การเก็บข้อมูลของลูกค้ากลุ่มนี้ และในอนาคต สามารถนำมาซินเนอร์จี้กับธุรกิจร้านอาหารอื่นๆ ในเครือได้อีกมาก ไม่ว่าจะเป็นการจัดซื้อวัตถุดิบ การเรียนรู้โนวฮาว การจัดโปรโมชั่นร่วมกัน ไปจนถึงการสั่งซื้อและจัดส่ง
เกมนี้จึงมีแต่ 1+1 ได้มากกว่า 2 แน่นอน!!
