กลายเป็นประเด็นดังสะเทือนวงการสงฆ์ เมื่อวันที่ 24 พ.ค. ที่ผ่านมา เป็น “วันพระใหญ่” แต่ความหมายเวลานั้น มิใช่ เป็นวันสำคัญทางศาสนา แต่อย่างใด
แต่เป็นวัน(สึก)พระครั้งใหญ่ เพราะมีพระเถระชั้นผู้ใหญ่ ที่มีบรรดาลูกศิษย์ เลื่อมใสศรัทธา กราบไหว้กันอยู่มากโข ถูกจับดำเนินคดีนำไปสู่การคุมขังในเวลาต่อมา
เหตุการณ์เช้าวันนั้น ตำรวจกองปราบปราม ปูพรหมค้นวัดดัง 3 แห่ง ในกรุงเทพ วัดสามพระยาวรวิหาร วัดสัมพันธวงศ์ วัดสระเกศวรวิหาร
และควบคุมตัวพระชั้นผู้ใหญ่ 5 รูป ณ เวลานั้น ประกอบด้วย“พระพรหมดิลก (เอื้อน หาสธมฺโม)” เจ้าอาวาสวัดสามพระยา กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) และเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร “พระศรีคุณาภรณ์” ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศ “พระครูสิริวิหารการสมจิตร จันทร์ศรี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศ “พระวิจิตรธรรมาภรณ์ หรือเจ้าคุณเทอด” ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศ และ “พระอรรถกิจโสภณ” เลขาเจ้าคณะกรุงเทพ วัดสามพระยา
ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับคดีร่วมกันฟอกเงินทุจริตเงินอุดหนุนการศึกษา โรงเรียนพระปริยัติธรรม ตั้งแต่ปี 2557 รวมกว่า 150 ล้านบาท ไปสอบปากคำที่กองปราบปราม
จากนั้นช่วงบ่ายนำตัวเดินทางไปยัง ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถ.นครไชยศรี เพื่อยื่นคำร้องฝากขังครั้งแรก ข้อหากระทำผิด พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 เป็นเวลา 12 วัน
ตั้งแต่วันที่ 24 พ.ค. – 4 มิ.ย. เพราะสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น
ซึ่งท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนได้คัดค้านการให้ประกันตัวผู้ต้องหาทั้งหมดด้วย
ต่อมาศาลมีคำสั่งไม่ให้ประกันตัว พระชั้นผู้ใหญ่ทั้ง 5 รูป พร้อม 4 ฆราวาส กระบวนหลังจากนั้นก็ต้อง นำตัว 5 พระเถระ ไปคุมขังยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพ
ดังนั้นพระทั้ง 5 รูป จะต้อง “สละสมณเพศ” หรือถอดจีวร ก่อนถูกส่งตัว “เข้าคุก” เล่ากันว่า บรรยากาศในช่วงนั้นค่อนข้างตึงเครียดพอสมควร เพราะพระแต่รูปนั้น ก็มีดีกรี บวชกันมาหลายพรรษา
เหตุการณ์ถูกอย่างก็คลี่คลายไปด้วย เพราะมีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์รายหนึ่ง เข้าไปนมัสการเจรจา สนทนา กับ “พระพรหมดิลก” เจ้าอาวาสวัดสามพระยา กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) และเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร
ซึ่งทางพระพรหมดิลก ก็ยอมเปลื้องจีวร สวมชุดขาว พร้อมกับพูดว่า “เราคงหมดบุญแล้ว” เมื่อพระสมณศักดิ์สูงสุด ณ เวลานั้น ในที่แห่งนั้น ตัดสินใจอย่างนั้น
อีก4 รูปที่เหลือ ก็ยอมเปลื้องจีวร สวมชุดขาวที่เจ้าหน้าที่เตรียมไว้ เช่นกัน
และแจ้งความจำนงว่า หากเข้าไปอยู่ในเรือนจำจะขอกินอาหารของเรือนจำเพียง 2 มื้อเท่านั้น เหมือนกับเมื่อครั้งยังครองสมณเพศ
ก่อนทั้งหมดจะสวมชุดสวมชุดขาว ทยอยขึ้นรถห้องขังนำตัวไปส่งยัง เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯต่อไป