โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

เธอตรวจเจอ 'มะเร็งเต้านม' หลังจากการส่งสัญญาณเตือนของ 'สุนัขที่เธอเลี้ยง'

Health Addict

อัพเดต 21 พ.ย. 2562 เวลา 03.26 น. • เผยแพร่ 20 พ.ย. 2562 เวลา 10.15 น. • Health Addict
Emma Smith วัย 42 ปี จาก Luislip Greater London เธอเจอความผิดปกติของร่างกายจากพฤติกรรมแปลกๆ ของน้องหมาที่บ้าน หลังจากที่มันชอบเข้ามาดมบริเวณเต้านม จนสุดท้ายเธอตรวจพบมะเร็งที่เต้านม
Emma Smith วัย 42 ปี จาก Luislip Greater London เธอเจอความผิดปกติของร่างกายจากพฤติกรรมแปลกๆ ของน้องหมาที่บ้าน หลังจากที่มันชอบเข้ามาดมบริเวณเต้านม จนสุดท้ายเธอตรวจพบมะเร็งที่เต้านม

รู้มั้ยว่านอกจากการเลี้ยงสุนัขจะช่วยแก้เหงาแล้ว มันยังอาจช่วยดูแลสุขภาพของคุณได้ด้วย อย่างเคสที่เรากำลังจะเล่าให้ฟัง เป็นเรื่องของ Emma Smith คุณแม่ชาวอังกฤษ ที่รู้ตัวว่าเป็น "มะเร็ง" หลังจากที่สังเกตพฤติกรรมที่น้องหมาที่เธอเลี้ยงส่งสัญญาณมาให้  

สุนัขสามารถตรวจหาโรคได้จริงหรอ ??
ฟังแล้วอาจจะดูไม่น่าเชื่อแต่มีผลวิจัยยืนยันแล้วว่าเจ้าสุนัขแสนรู้ของเรามันสามารถเป็นคุณหมอตรวจโรคให้เราได้ในเบื้องต้นจริงๆ เพราะแคลร์ เกสท์ ผู้ร่วมก่อตั้งองค์กรการกุศล Medical Detection Dogs ให้สัมภาษณ์กับผู้จัดรายการของบีบีซีว่า ทางองค์กรใช้ความสามารถพิเศษในการดมกลิ่นของสุนัข ช่วยตรวจหาร่องรอยของโรคมะเร็งต่อมลูกหมากในระยะแรกเริ่มได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะทำให้แพทย์ช่วยชีวิตผู้ป่วยได้ทันท่วงที เนื่องจากการตรวจวินิจฉัยมะเร็งชนิดนี้ในปัจจุบันยังทำได้ยาก
สุนัขที่ใช้ในการทดลอง ซึ่งรวมถึงพันธุ์ลาบราดอร์และสแปเนียล ปกติชอบการดมกลิ่นค้นหาสิ่งของอยู่แล้ว ซึ่งการดมกลิ่นสำหรับพวกมันเป็นเกมสนุกอย่างหนึ่ง เธอบอกว่าสุนัขสายพันธุ์เหล่านี้ มีเซลล์ประสาทสัมผัสในการดมกลิ่นประมาณ 300 ล้านเซลล์ ซึ่งมนุษย์จะมีเพียงแค่ 5 ล้านเซลล์เท่านั้น ทำให้พวกมันสามารถดมกลิ่นแยกแยะและระบุการเปลี่ยนแปลงทางชีวเคมีต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในร่างกายมนุษย์ได้ 
น่าตื่นเต้นใช่มั้ยล่ะ แต่คุณจะตื่นเต้นยิ่งกว่านี้อีก ถ้าได้รู้เรื่องของ Emma Smith วัย 42 ปี ที่เธอไปตรวจจนพบว่าตัวเองเป็นมะเร็งเต้านม หลังจากที่สุนัขที่เธอเลี้ยงได้ส่งสัญญาณถึงความผิดปกติบางอย่าง 

 
จุดเริ่มต้นของ "ชาร์ลี" สมาชิกตัวใหม่ของบ้าน
เธอเล่าว่าตอนนั้นเธอไปเลือกสุนัขที่ฟาร์มเพื่อที่เอามาเลี้ยงให้เป็นเพื่อนเล่นกับลูกชายทั้ง 2 คนของเธอ "เรารับชาร์ลีมาเลี้ยงตั้งแต่มันยังเด็กๆ ทุกคนมีความสุขมากที่มีชาร์ลีเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว ถึงชาร์ลีจะเป็นสุนัขที่ซน ชอบกัดสิ่งของต่างๆ แต่มันก็ไม่ได้ดุร้ายเลย” และเพราะความน่ารักของชาร์ลี เลยทำให้มันกลายเป็นที่รักของทุกคนในครอบครัว
ความผิดปกติ ที่เธอเริ่มสังเกตเห็น
พอเอมมาเลี้ยงชาร์ลีมาได้ระยะหนึ่งเธอก็เริ่มสงสัยในความผิดปกติ “ทุกครั้งที่ชาร์ลีเข้ามาเล่นด้วยมันมักจะชอบมาดมที่บริเวณหน้าอกข้างขวาอยู่บ่อยๆ ซึ่งตอนแรกเราก็ไม่ได้สงสัยอะไร แต่มันจะมาทำแบบนี้ทุกครั้งที่เข้ามาเล่นด้วย” หลังจากนั้นเธอเริ่มรู้สึกได้ถึงความผิดปกติของร่างกาย เมื่อเธอคลำเจอก้อนเนื้อบริเวณหน้าอกข้างขวา เอมมาจึงตัดสินใจไปหาหมอและผลตรวจก็ออกมาว่าเธอเป็นมะเร็งเต้านม… เธอบอกว่ามันเหมือนฝันร้าย เพราะตอนที่เธอยังเด็กป้าของเธอก็เป็นมะเร็งเหมือนกัน และก็ไม่เคยคิดว่าตอนนี้มันจะเกิดขึ้นกับตัวเธอเอง

ความยาก…คือโมเม้นท์ที่ต้องบอกข่าวร้ายกับครอบครัว
หลังจากที่รู้ข่าว เอมมาก็กลับมาบอกข่าวร้ายกับแม่ของเธอ ซึ่งแม่ของเธอก็ได้ให้กำลังใจว่ามันจะผ่านไปได้ หลังจากนั้นเธอบอกลูกทั้ง 2 ของเธอถึงอาการป่วย "มันเป็นเรื่องที่ยากมากที่จะบอกให้ลูกรู้ถึงอาการป่วย แต่ในข่าวร้ายมันก็ยังมีข่าวดีอยู่ เพราะคุณหมอบอกว่าเชื้อมะเร็งที่มีนั้นเป็นแค่ขั้นเริ่มต้นและสามารถรักษาให้หายได้"
เอมมาปรึกษากับคุณหมอเรื่องขั้นตอนการรักษา คุณหมอแนะนำให้เธอรีบรักษาก่อนที่เชื้อมะเร็งจะแพร่กระจายไปยังจุดอื่นๆ การรักษาของเธอต้องเริ่มจากการผ่าตัดเอาเต้านมออกแล้วรักษาต่อด้วยการทำเคมีบำบัด ก่อนจะไปที่ขั้นตอนสุดท้ายอย่างการฉายรังสี นี่คือการต่อสู้ที่ต้องใช้ความอดทนและกำลังใจอย่างมาก "ในระหว่างการให้เคมีบำบัดร่างกายของชั้นก็เหนื่อยล้าและอ่อนแอมาก แต่ชั้นก็ได้รับกำลังใจจากคนรอบข้างและชาร์ลี" 
กำลังใจสำคัญ ที่ทำให้ข้ามผ่านมาได้
เอมมาเล่าว่าตั้งแต่เธอเข้ารับการรักษา ก็มีบางวันที่เธอต้องนอนอยู่แต่บนเตียง ซึ่งเจ้าชาร์ลีก็จะมานอนอยู่ข้างๆ เสมอหรือเวลาอยู่ในบ้าน ชาร์ลีก็จะคอยเดินตามและอยู่ใกล้ตลอด  มันอาจจะเป็นเรื่องไม่น่าเชื่อว่าชาร์ลีจะสามารถตรวจเจอโรคมะเร็งได้จริง "ฉันรู้สึกขอบคุณมันที่ทำให้ฉันได้รับการรักษาตั้งแต่ขั้นเริ่มต้น ฉันรักชาร์ลีเหมือนคนในครอบครัว” และในที่สุดวันที่เธอรอคอยก็มาถึงเมื่อเอมมาเข้ารับการรักษาจนถึงขั้นตอนสุดท้าย คุณหมอแจ้งกับเธอว่าไม่พบเชื้อมะเร็งในร่างกายของเธออีกแล้ว มันเป็นข่าวดีมากสำหรับเธอ จนทำให้ถึงกับร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ
 
เรื่องราวของเอมมาทำให้เราได้รู้ว่าสุนัขตัวโปรดของเรานั้นก็สามารถเป็นคุณหมอตรจโรคให้เราได้อย่างไม่น่าเชื่อ อีกทั้งโรคมะเร็งก็เป็นโรคสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกวัย เราควรดูแลสุขภาพและตรวจเช็คร่างกายเป็นประจำ

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0