โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

เที่ยว 3 เมืองในจอร์เจีย ดื่มด่ำธรรมชาติและวัฒนธรรม

THE STANDARD

อัพเดต 27 ม.ค. 2563 เวลา 01.05 น. • เผยแพร่ 27 ม.ค. 2563 เวลา 01.05 น. • thestandard.co
เที่ยว 3 เมืองในจอร์เจีย ดื่มด่ำธรรมชาติและวัฒนธรรม
เที่ยว 3 เมืองในจอร์เจีย ดื่มด่ำธรรมชาติและวัฒนธรรม

สมัยเด็กๆ เรามักจะได้ยินชื่อเทือกเขาคอเคซัส อยู่บ่อยครั้ง ในใจก็บอกตัวเองว่าต้องหาโอกาสไปเห็นด้วยตาสักครา คอเคซัส เป็นเทือกเขาขนาดใหญ่ในทวีปยุโรป ทำหน้าที่กั้นพรมแดนระหว่างยุโรปและเอเซีย อยู่ภายใต้ขอบรั้วของ 4 ประเทศ ได้แก่ รัสเซีย อาร์เมเนีย อาเซอร์ไบจาน และจอร์เจีย ด้วยความที่จอร์เจียเคยเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต ปัจจุบันจึงเป็นประเทศที่ยังไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวเข้าไปบุกเบิกมากนัก ค่าครองชีพไม่แตกต่างจากประเทศไทย แถมยังมีวิวธรรมชาติอลังการ สถาปัตยกรรมเก่าแก่ ราวกับถอดมาจากนิยาย นักเที่ยวเที่ยวไทยสามารถเดินทางเข้าจอร์เจียได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า และยังอยู่ได้นานถึง 365 วัน ดีพร้อมขนาดนี้ ทำไมเราถึงไม่ไปล่ะ

 

 

เมืองแรกที่เราไปคือ คาซเบกิ(Kazbegi) หรือชื่อในปัจจุบัน สเตปานสมินดา (Stepantsminda) เป็นเมืองเล็กๆ ในจังหวัด มสเคตา-มเตียเนตี  (Mtskheta-Mtianeti) อยู่ทางตอนเหนือของประเทศ ใกล้กับพรมแดนรัสเซีย ห่างจากเมืองหลวงอย่าง ทบิลิซิ (Tbilisi) ประมาณ 145 กิโลเมตร ผมตั้งต้นไปคาซเบกิโดยเริ่มจากเมืองหลวง นั่งรถไฟใต้ดินจากย่านโอลด์ ทบิลิซิ ไปลงที่สถานี Didube และเหมารถบัสไปคาซเบกิสนนราคาคนละ 10 ลารี (ประมาณ 100 บาท หรือแล้วแต่ต่อรองราคา) บรรยากาศสองข้างทางสวยและน่าจดจำมาก เห็นใบไม้เปลี่ยนสีสลับกับทิวเขาสีเหลืองทองเด่นอลังการตลอดเส้นทาง

 

 

สถานที่แรกที่เยือน คือ ปราสาทป้อมปราการอันนานูรี(Ananuri Fortress) อยู่เหนือแม่น้ำอรักวี(Aragvi) ตรงจุดนี้เราได้แวะ 15 นาที ผมจึงใช้เวลาให้คุ้มค่ามากที่สุด เก็บทุกความทรงจำเป็นภาพถ่าย พร้อมกับสัมผัสอากาศหนาวเย็นที่ลอยมากับสายลมกระทบผิวให้พอได้กอดตัวเองบ้าง จากนั้นจึงเดินทางกันต่อ รถไต่ระดับความสูงของเทือกเขาคอเคซัสไปเรื่อยๆ ระหว่างทางเหมือนสวรรค์จริงๆ ได้เห็นวิวหิมะปกคลุมยอดภูเขากันแบบเพลินตา 

 

 

จอดแวะเที่ยวจุดที่ 2 คือ อนุสาวรีย์มิตรภาพจอร์เจีย-รัสเซีย (Russia-Georgia Friendship Monument) สร้างเสร็จในปี 1983 สร้างเพื่อบ่งบอกถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างจอร์เจียกับรัสเซีย โครงสร้างทั้งหมดทำจากหินและคอนกรีต มีการวาดภาพประวัติศาสตร์ของจอร์เจียและรัสเซียเอาไว้อย่างงดงาม มีร้านค้าขายของ วิวพาโนรามา 360 องศา กิจกรรมที่ดีที่สุดที่อยากแนะนำ คือการสูดอากาศที่บริสุทธิ์ให้เต็มปอด และเก็บความทรงจำดีๆ เอาไว้ด้วยการบันทึกลงในสมองให้มากที่สุด  

 

Georgia
Georgia

 

จากนั้นก็เดินทางต่อไปยังจุดหมายปลายทางที่คาซเบกิรถจอดบริเวณ Bus Stop หนึ่งเดียวของที่นี่ ก่อนที่พวกเราจะเดินลากกระเป๋าหาที่พักที่จองเอาไว้ ซึ่งลักษณะภูมิประเทศของที่นี่คือเป็นภูเขาทางเดินขึ้นเนิน แน่นอนที่พักแต่ละแห่ง ก็จะต้องเดินทางชันขึ้นไปเรื่อยๆ กระเป๋าเป้สะพายหลังจึงน่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดของการเดินทาง ผมเลือกพักที่ Alpenhaus ในราคา 1,200 บาทต่อคืนพร้อมอาหารเช้า ขอบอกว่าวิวที่นี่ขั้นสุด ด้านหลังเป็นวิวภูเขาตั้งตระหง่าน ส่วนด้านหน้าเป็นวิวทิวเขาที่สลับซับซ้อนกันไปมา  

 

 

เก็บของเข้าที่พักเรียบร้อย ใช้บริการรถเหมานำเที่ยวของที่นี่ (สามารถต่อรองราคาได้ที่บริเวณ Bus Stop ในวันแรกที่เดินทางมาถึง) จุดแรกเราเหมาไปที่จูทา(Juta) จุดทดสอบกำลังขา ที่นี่เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ในหุบเขา อากาศหนาวเย็นตลอดปี ผู้คนนิยมมา Trekking หรือ Hiking ที่นี่สามารถเดิน Trekking กันแบบยาวๆ ได้แบบ 2-3 วัน หรือถ้าใครจะทดสอบความแข็งแรงของตัวเองก่อนในเบื้องต้น ก็แนะนำให้เดินระยะสั้นๆ รับรองความสวยงามของวิวธรรมชาติระดับห้าดาว 

 

Georgia
Georgia

 

ทรูโซ วัลเลย์ (Truso Valley) เป็นจุด Hiking อีกจุดหนึ่งที่นักท่องเที่ยวนิยม ระยะในการเดินทั้งหมด 22 กิโลเมตร (ไป-กลับ) แต่พวกเราดูสถานการณ์กำลังขาของตัวเองแล้ว จึงขอแค่เดินเล่นในจุดแรกที่รถยังสามารถไปถึงได้ นั่นก็คือ Kvemo Okrokana บริเวณนี้เป็นหมู่บ้านเลี้ยงสัตว์ขนาดย่อม ที่โอบล้อมไปด้วยภูเขา ขนานไปกับสายน้ำลำธาร เราใช้เวลาที่นี่ร่วมชั่วโมงเพื่อดื่มด่ำกับธรรมชาติตรงหน้าให้มากที่สุด ได้นั่งพักขาหลังจากที่เดินทางไกลมาทั้งวัน รู้สึกเหมือนได้ชาร์จแบตชีวิตหลังจากที่เหน็ดเหนื่อยกับการทำงานมาตลอดทั้งปี 

 

Georgia
Georgia

 

วันรุ่งขึ้นประมาณ 7 โมงเช้า รถเช่าที่เหมาเอาไว้ก็มารับถึงหน้ารีสอร์ต เพื่อไปชมโบสถ์เกอร์เกตี้ ทรินิตี้ (Gergeti Trinity Church) โบสถ์เก่าแก่และมีชื่อเสียงมากของจอร์เจีย ซึ่งตั้งอยู่บนเทือกเขาคาซเบกิถ้ามาที่นี่แล้วไม่มาเยือนโบสถ์แห่งนี้ถือว่าพลาดอย่างแรง เมื่อขึ้นมาถึงข้างบน จะมองเห็นวิวเมืองคาซเบกิได้ทั้งหมด ตัวโบสถ์ตั้งเด่นเป็นสง่าบนฉากหลังที่เป็นเทือกเขาขนาดใหญ่อันงดงาม เวลาที่ดีที่สุดสำหรับมาเยือนโบสถ์คือช่วงเช้า แสงสวยงามมาพร้อมกับไอหมอกที่ลอยปลิวบางๆ ลัดตามแนวทิวเขา แต่ถ้าใครมาช่วงหน้าหนาว เส้นทางขึ้นมาที่นี่จะปกคลุมไปด้วยหิมะ อาจจะทำให้เดินทางยากสักหน่อย

 

Georgia
Georgia

 

 

เมสเทีย (Mesita) เป็นอีกหนึ่งเมืองที่ไม่ควรพลาด ผมนั่งรถไฟใต้ดินในเมืองหลวง ไปลงที่สถานี Stantion Square พอเดินออกมาจะเจอสถานีรถไฟระหว่างเมืองตั้งอยู่ข้างกัน ภายในสถานีมีทั้งร้านขายเสื้อผ้า ศูนย์อาหาร (สามารถซื้อเสบียงเอาไว้กินบนรถไฟได้ที่นี่เลย) ถ้าใครจะไปเมสเทียโดยการนั่งรถไฟต้องซื้อตั๋ว Tbilisi-Zugdidi 

 

Georgia
Georgia

 

ทันทีที่มาถึงเมสเทียอดร้องว้าวไม่ได้ เพราะวิวตรงหน้าสวยและคลาสสิกมาก ที่นี่เป็นหมู่บ้านเสมือนเมืองผ่าน แต่มีอะไรให้น่าค้นหามากมาย เมสเทียรายล้อมไปด้วยภูเขา และบ้านเกือบทุกหลังจะมีสัญลักษณ์พิเศษ คือปล่องไฟโบราณ ผมใช้เวลาอยู่ที่นี่ 3 คืน 4 วัน เที่ยวกันแบบเต็มอิ่ม เดินเล่นทั่วหมู่บ้าน เป็นเมืองที่เงียบสงบเหมาะแก่การมาพักผ่อนจริงๆ หากเดินเหนื่อยก็นั่งพักจิบไวน์ในราคาที่ถูกแสนถูกไม่เกิน 100 บาท ส่วนใครที่ชื่นชอบพิพิธภัณฑ์ ก็มีอยู่ 2-3 แห่งให้ได้ชมกัน 

 

 

มาแล้วต้องไม่พลาดที่จะนั่งรถโดยสารไปเที่ยวชมหมู่บ้านอุชกูลี(Ushguli) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง ท่องเที่ยวแบบไปเช้าบ่ายกลับก็คุ้มสุดๆ แล้ว คนขับรถที่ผมเจอเปิดเพลงบิลด์อารมณ์ตลอดเส้นทาง แถมยังใจดีแวะจอดให้ลงไปถ่ายรูประหว่างทางได้ด้วย อุชกูลีเป็นหมู่บ้านที่อยู่สูงที่สุดในยุโรป สูงจากระดับน้ำทะเล 2,100 เมตร และได้รับเลือกให้เป็นมรดกโลกจากองค์กร UNESCO ในปี 1996 คนที่นี่ทำการเลี้ยงสัตว์ปลูกพืชในตัวหมู่บ้านเอง บางบ้านเริ่มสร้างเป็นเกสเฮาส์ ที่นี่มีทั้งโรงแรมที่พัก เกสเฮาส์ ร้านอาหาร ไว้คอยบริการนักท่องเที่ยว แต่พวกเราขอเลือกแบบ One Day Trip ดีกว่า เพราะดูท่าทางที่นี่จะเงียบมากเกินไปสำหรับอาหารการกิน หากไม่รู้จะสั่งอะไร แนะนำเมนูบาร์บีคิวง่ายที่สุด สั่งมากินพร้อมจิบไวน์แดงพอให้ร่างกายได้ไออุ่นบ้าง 

 

 

Georgia
Georgia

 

เมืองสุดท้ายที่อยากจะแนะนำคือ กอริ (Gori) สามารถเดินทางจากเมสเทียได้เลย หรือจะเริ่มตั้งต้นที่เมืองหลวงทบิลิซิก็ได้ มีรถพาไปเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับ ผมเลือกมาค้างที่นี่หนึ่งคืน โดยพักที่ Hotel Continental เป็นทำเลที่สะดวกสุดๆ เดินไปพิพิธภัณฑ์ และป้อมปราการ ได้ในระยะอันใกล้ 

 

 

Georgia
Georgia

 

กอริ อยู่ทางตะวันตกของเมืองหลวงทบิลิซิ ห่างกันประมาณ 80 กิโลเมตร เป็นเมืองบ้านเกิดของ ‘โจเซฟ สตาลิน’ อดีตผู้นำของสหภาพโซเวียตในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ต่อจาก วลาดิเมียร์ เลนินและที่แรกที่เราไปเยี่ยมชมก็คือ Stalin Museum ที่นี่จะพูดถึงประวัติความเป็นมาของสตาลินเป็นหลัก คำอธิบายส่วนใหญ่เป็นภาษาจอร์เจียและรัสเซีย ด้านหน้าเป็นลานกิจกรรมขนาดกว้าง สามารถมานั่งพักผ่อนหย่อนใจได้

 

Georgia
Georgia

 

Gori Fortress อีกหนึ่งแลนด์มาร์กของที่นี่ สามารถเดินเท้าขึ้นไปได้ ชมวิวเมืองแบบ 360 องศา ด้านล่างจะพบกับ The Memorial of Georgian Warrior Heroes สร้างขึ้นระหว่างปี 1981-1985 โดยประติมากรชาวจอร์เจีย เพื่อระลึกถึงจิตวิญญาณนักสู้ และความกล้าหาญของเหล่านักรบจอร์เจียน และที่พลาดไม่ได้ก็คือการแวะเที่ยว อู-พลิสซิเค (Uplistsikhe) หมู่บ้านโบราณของชาวจอร์เจียที่เกิดจากการเจาะภูเขา ค่าเข้าชมคนละ 7 ลารี ต้องเดินเท้าขึ้นไปเรื่อยๆ หากมีผู้สูงอายุเดินทางไปด้วย ควรเพิ่มความระมัดระวัง 

 

 

Georgia
Georgia

 

เต็มอิ่มกันเลยทีเดียวกับ 3 เมือง 3 บรรยากาศที่แตกต่างกันไป ความจริงยังมีอีกหลายเมืองที่ไม่ได้เขียนเอาไว้ ซึ่งก็จะมีความสวยงามไม่แพ้กัน ต้องลองไปสัมผัสด้วยตัวเอง แล้วคุณจะรู้ว่าความสุขที่แท้จริงคืออะไร ไม่ต้องกลัวหลง ไม่ต้องตีตราความกลัวใดๆ ให้กับตัวเอง เพราะความสนุกมันอยู่ที่การเดินทางนั่นแหละครับ  

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0