โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

เที่ยว “สกลนคร” เมืองนคร 3 ธรรม สนุก สุขใจ ทุกครั้งที่ได้มาเยือน

Manager Online

อัพเดต 20 ก.ย 2561 เวลา 10.51 น. • เผยแพร่ 20 ก.ย 2561 เวลา 06.22 น. • MGR Online

Facebook :Travel @ Manager

“สกลนคร” จังหวัดหนึ่งในภาคอีสานตอนบน ที่ได้ชื่อว่าเป็น “เมือง 3 ธรรม” เพราะที่นี่มีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ วิถีชีวิตชุมชน วัดวาอารามที่สำคัญ ซึ่งทั้ง 3 ธรรม ได้แก่ “นครธรรม เมืองร่มเย็น” เต็มไปด้วยวัดวาอารามอันแสนสงบ มีพระเกจิอาจารย์ดัง และสถานที่เจริญภาวนา เหมาะสำหรับผู้ต้องการปลีกวิเวก “นครแห่งธรรมชาติ” สถานที่พักผ่อนตามแหล่งธรรมชาติที่อยู่ไม่ไกลจากตัวเมือง และ “นครวัฒนธรรมประเพณี” กิจกรรมที่สะท้อนถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ อันละเมียดละไมของผู้คนในชุมชน และความงดงามของประเพณีดั้งเดิมที่มีเอกลักษณ์

โดยเริ่มแรกเมื่อมาเยือนถึงสกลนครเมืองแห่งธรรมะก็ต้องแวะมาสักการะ “พระธาตุเชิงชุม” พระธาตุคู่บ้านคู่เมืองของชาวสกลนคร ที่ตั้งอยู่ภายใน “วัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร” สำหรับองค์พระธาตุเชิงชุมที่เห็นกันอยู่ในปัจจุบัน เป็นพระธาตุองค์ใหม่ที่สร้างครอบองค์เดิมไว้ ภายในองค์พระธาตุจึงมีลักษณะคล้ายถ้ำ มีพระพุทธรูปหลายองค์ประดิษฐานอยู่ ซึ่งสามารถมองเห็นปากทางเข้าได้จากภายในวิหารด้านหน้าองค์พระธาตุ โดยภายในวิหารแห่งนี้เป็นที่ประดิษฐาน “หลวงพ่อพระองค์แสน” พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของชาวสกลนคร หากใครไปไหว้หลวงพ่อองค์แสน จะสังเกตว่ามีพระพุทธรูปอยู่สององค์ ด้านหน้านั้นคือหลวงพ่อองค์เดิม ส่วนด้านหลังคือหลวงพ่อองค์ที่สร้างขึ้นใหม่

อีกหนึ่งวัดห้ามพลาดก็คือ “วัดถ้ำผาแด่น” ซึ่งเป็นวัดที่หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต และคณะครูบาอาจารย์สายวัดป่ากรรมฐานเคยธุดงค์มาปักกลดบำเพ็ญเพียร เมื่อประมาณปี พ.ศ.2483 ซึ่งในปัจจุบันนี้ก็ได้มีการปรับปรุงภูมิทัศน์ให้สวยงามแล้ว แต่ภายในวัดนั้นยังคงความเงียบสงบอยู่เช่นเดิม และมีสิ่งที่น่าสนใจเริ่มมากมาย อย่างเช่น ภาพแกะสลักหินทรายพระพุทธสีไสยาสน์, ภาพแกะสลักรอยพระพุทธบาท 4 รอยจำลอง, หินรูปปั้นหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืดองค์ใหญ่ ที่แกะสลักจากหินขนาดใหญ่ทั้งก้อน, ภาพแกะสลักพระพุทธรูปประจำวันเกิด ปางต่างๆ ภายในศาลายาใจคนบุญ เป็นต้น

รวมถึงที่สกลนครยังเป็นถิ่นกำเนิดและพำนักของอริยสงฆ์ที่สำคัญของชาวไทยหลายท่าน อย่างเช่นที่ “วัดป่าสุทธาวาส” นั้นเป็นวัดป่าที่สร้างขึ้นเพื่อถวายแด่พระอาจารย์เสาร์ กันตสีโล และพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ภายในวัดจัดสร้าง “พิพิธภัณฑ์พระอาจารย์มั่น” เพื่อแสดงประวัติความเป็นมาของท่านเครื่องอัฐบริขาร รูปหล่อพระอาจารย์มั่นในท่านั่งสมาธิ และมีตู้กระจกบรรจุอัฐิของท่านที่แปรสภาพเป็นแก้วผลึกสีใส ส่วนที่บริเวณใกล้กันก็มี “พิพิธภัณธ์หลวงปู่หลุย จันทสาโร” หรือที่เรียกว่า “จันทรสารเจติยานุสรณ์” ภายในมีเจดีย์หุ่นขี้ผึ้งรูปเหมือนหลวงปู่หลุย และเครื่องอัฐบริขารของท่าน และมีการจัดนิทรรศการทางพระพุทธศาสนาด้วย

อีกหนึ่งวัดก็คือ “วัดอภัยดำรงธรรม” หรือ “วัดถ้ำพวง” ซึ่งพระอาจารย์วัน อุตตโม เป็นผู้สร้างขึ้น ภายในวัดก็มี “พิพิธภัณฑ์พระอาจารย์วัน อุตตโม” จัดแสดงประวัติของพระอาจารย์วัน มีรูปปั้นของท่านในท่าขัดสมาธิ และจัดแสดงเครื่องอัฐบริขาร ส่วนบริเวณไม่ไกลจากพิพิธภัณฑ์นัก ก็เป็นที่ตั้งของ “สังเวชนียสถาน 4 ตำบล” สถานที่ประสูติ ตรัสรู้ แสดงปฐมเทศนา และปรินิพพานของพระพุทธเจ้า ซึ่งจำลองมาจากประเทศอินเดีย ถือกันว่า หากชาวพุทธคนใดได้ไปกราบไหว้สถานที่เหล่านี้ถึงถิ่นแล้วก็จะถือเป็นสิริมงคลของชีวิต

กราบสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองสกลกันแล้ว ก็มาเที่ยวชมธรรมชาติของที่นี่กันบ้าง นั่นก็คือที่ “หนองหาร” เป็นทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่ที่สุดของภาคอีสาน และใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศ (รองจากบึงบอระเพ็ด จ.นครสวรรค์) เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลาน้ำจืด นกน้ำ และเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่สำคัญของประเทศ ภายในหนองหารประกอบไปด้วยเกาะน้อยใหญ่มากกว่า 30 เกาะ เกาะขนาดใหญ่ที่สุดคือ “เกาะดอนสวรรค์” ที่ดูร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ใหญ่น้อย บนเกาะมีวัดดอนสวรรค์อันเก่าแก่ตั้งอยู่ ในวัดมีพระพุทธรูปรอยพระพุทธบาทให้สักการะบูชา และมีต้นตะเคียนคู่เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านให้การนับถืออยู่บนเกาะด้วย

อีกหนึ่งสถานที่พักผ่อนหย่อนใจเชิงธรรมชาติของชาวสกลนคร นั่นคือ “อุทยานบัวมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสกลนคร” หรือ “อุทยานบัว” นั่นเอง ที่นี่เป็นแหล่งรวบรวมบัวพันธุ์ต่างๆ เพื่อใช้ในการศึกษา ซึ่งหากว่ามาที่นี่ในช่วงแดดร่มลมตก จะเห็นว่ามีชาวสกลนครมานั่งพักผ่อนชมบรรยากาศสบายๆ กันอยู่มากมาย เพราะที่นี่เป็นบึงบัวขนาดใหญ่ มีสะพานไม้เป็นทางเดินตัดผ่านกลางบึง และยังมีศาลาให้นั่งเล่นรับลมสบายๆ อีกด้วย

มาถึง “ธรรม” สุดท้าย นั่นก็คือ “วัฒนธรรม” ซึ่งที่สกลนครก็เป็นแหล่งรวมวัฒนธรรมจากหลายแหล่งมากทั้งจากชาวภูไท ไทยโส้ รวมถึงมีชุมชนชาวคริสต์ด้วย ซึ่งก็คือ “หมู่บ้านท่าแร่” ที่เป็นชุมชนเก่าแก่ มีอายุกว่า 100 ปี ชาวบ้านที่บ้านท่าแร่แทบทุกหลังคาเรือนจะนับถือศาสนาคริสต์ ที่นี่เป็นที่ตั้งของ “โบสถ์อาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอล” ซึ่งเป็นโบสถ์ขนาดใหญ่รูปทรงคล้ายเรือ สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงการอพยพมาตั้งถิ่นฐานของคริสตชนในหมู่บ้านท่าแร่แห่งนี้ เนื่องจากเมื่อครั้งที่มีการอพยพมานั้น ได้ใช้เรือลำเล็กหลายๆ ลำผูกติดกันเป็นแพขนาดใหญ่ และใช้ผืนผ้าขึงใบให้ลมพัดพาไป จนกระทั่งข้ามฝั่งหนองหารมาอยู่ที่บ้านท่าแร่ในปัจจุบัน

และอีกหนึ่งภูมิปัญญาชาวบ้านที่ได้กลายมาเป็นวิถีชีวิตวัฒนธรรมของชาวสกลนครก็คือ “การทำผ้าย้อมคราม” ซึ่งหากใครสนใจอยากมาเรียนรู้และได้มาลองออกแบบลวดลายผ้าย้อมครามเป็นของตัวเอง สามารถมาได้ที่ “เฮือนนางคราม” โดยที่นี่จะเริ่มสอนตั้งแต่การทำน้ำย้อมคราม การสร้างลวดลายให้กับผ้า การย้อมครามแต่ละขั้นตอนจนสำเร็จออกมาเป็นผ้าย้อมครามลวดลายเก๋ไก๋ตามใจเรา

หรือหากว่าใครยังชมและช้อปไม่ถึงใจ ต้องมาต่อที่ “ถนนผ้าคราม” ตั้งอยู่บริเวณหน้าวัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร ที่ทั้งสองข้างทางจะเต็มไปด้วยร้านขายเสื้อผ้า ของใช้ และผลิตภัณฑ์จากผ้าครามซึ่งเป็นสินค้าของฝากขึ้นชื่อของเมืองสกลนคร โดยถนนคนเดินแห่งนี้จะเปิดช่วงเย็นวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์

และนี่คือส่วนหนึ่งของ “นคร 3 ธรรม” เมืองที่มีความน่ารัก น่าชม น่าสัมผัสกับประสบการณ์ความสุขจากแหล่ง ธรรมะ ธรรมชาติ วัฒนธรรมในที่เดียวอย่างครบถ้วน ตามแนวคิด “สกลละไม” ที่ไม่ว่าจะมาเที่ยวครั้งไหนก็สนุก สุขใจ อย่างแน่นอน

สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0