โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

เที่ยวสนุก 10 ที่ ของดีที่ “ไต้หวัน”

Manager Online

เผยแพร่ 17 ก.ค. 2562 เวลา 11.27 น. • MGR Online

Facebook :Travel @ Manager

“ไต้หวัน” เป็นอีกหนึ่งจุดหมายในการท่องเที่ยวต่างประเทศที่ชาวไทยเลือกไปกันมากขึ้น ด้วยการเดินทางทางเครื่องบินที่ใช้เวลาไม่นานนัก อัตราแลกเปลี่ยนเงินที่เท่าๆ กับบ้านเรา มีที่เที่ยวหลากหลาย และของกินอร่อยๆ ให้เลือกชิมมากมาย

ใครที่วางแผนจะไปเที่ยวไต้หวัน เราได้รวบรวม 10 สถานที่ที่น่าสนใจ ที่หากว่าไปเยือนไต้หวันแล้วก็ต้องไม่พลาดที่จะไปสัมผัส มาให้ได้ชมกันล่วงหน้า เผื่อไว้เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในการเดินทางบนเกาะเล็กๆ กลางทะเลแห่งนี้

ไทเป 101

พูดถึง “ไทเป” ซึ่งเป็นเมืองหลวงของไต้หวัน ก็ต้องเห็นภาพของ “ตึกไทเป 101” ตั้งตระหง่านอยู่กลางเมือง แล้วก็ยังเป็นสัญลักษณ์ของเมืองไทเปอีกด้วย

“ไทเป 101” เป็นตึกที่ (เคย) สูงที่สุดในโลก มีความสูง 509.2 เมตร หรือ 1,670.60 ฟุต ตัวอาคารถูกสร้างด้วยเทคโนโลยีลดอันตรายจากแรงลม หรือระบบแดมเปอร์รวม (Mass Damper) และมีการตกแต่งตัวตึกด้วยรูปหัวมังกรที่มุมอาคารทั้ง 4 ด้านทุกปล้องตามความเชื่อในเรื่องฮวงจุ้ยของชาวจีน

ภายในอาคารออกแบบอย่างทันสมัย เป็นทั้งที่ตั้งของสำนักงานต่างๆ เป็นศูนย์การค้าที่มีสินค้าแบรนด์เนมมากมายให้ได้เลือกซื้อหา มีภัตตาคารให้บริการ และที่สำคัญยังเป็นจุดชมวิวเมืองไทเปในมุมสูง สามารถขึ้นไปชมได้ทั้งกลางวันและกลางคืน จะได้ชมทัศนียภาพของเมืองไทเปได้แบบกว้างไกล หรือหากว่าอยากชมความงามของตัวตึก นอกจากจะมายืนชมอยู่ด้านล่างแล้ว ก็ยังมีอีกหลากหลายจุดในเมืองไทเปที่สามารถมองเห็นตึกสวยตึกนี้ได้อย่างจุใจ อย่างเช่น การเดินขึ้นเขาเซียงซาน (Elephant Mountain) ไปชมตึกไทเป 101 ในมุมสูงยามอาทิตย์อัสดง

เมืองโบราณจิ่วเฟิ่น

“จิ่วเฟิ่น” (Jiufen) เป็นเมืองโบราณที่ตั้งอยู่บนเขาในเขตเมืองจีหลง ที่นี่เป็นเมืองเล็กๆ ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว สมัยก่อนเมืองจิ่วเฟิ่นเคยรุ่งเรืองอย่างมากเนื่องจากเป็นเหมืองแร่ทองคำ แต่ต่อมาก็ลดความรุ่งเรืองลงเนื่องจากแร่ทองคำมีน้อยลง หลงเหลือแค่ตรอกซอกซอย ถนนเส้นเล็กๆ โรงน้ำชาแบบโบราณ และวิวสวยๆ ของทะเลด้านหน้าพร้อมกับบ้านเรือนที่ปลูกอยู่บนเขาสีสันสวยงาม

ทุกวันนี้ หากมาท่องเที่ยวที่จิ่วเฟิ่น ผู้คนก็นิยมมาเดินถ่ายรูปตามตรอกซอกซอยต่างๆ เดินลัดเลาะตามบันไดและซอยเล็กๆ ซึ่งก็มีทั้งโรงน้ำชา ที่สามารถนั่งชมวิวสวยๆ ด้านนอกได้ด้วย มีโรงหนังเก่าแก่ ที่รวบรวมของเก่าๆ สมัยยังมีเหมืองแร่ทองคำไว้ให้ได้ชม

แต่ที่พลาดไม่ได้ก็คือ การเดินตามเส้นทาง Jiufen Old Street ที่มีร้านขายของและขายอาหารริมสองข้างทางเดิน เดินชิมเดินช้อปกันไปได้ตลอดทาง ซึ่งที่นี่ก็มีของอร่อยๆ ให้ชิมกันมากมายทั้งคาวและหวาน

ตลาดกลางคืนเมืองไทเป

ไทเป ถือเป็นเมืองแห่งการช้อปปิ้งยามค่ำคืนเลยก็ว่าได้ เนื่องจากเฉพาะในเมืองไทเปนั้นนั้นก็มีตลาดกลางคืนเกือบสิบตลาดแล้ว และแต่ละแห่งก็ล้วนแต่น่าเดินน่าช้อปไปเสียหมด

เริ่มจาก “ตลาดซีเหมินติง” หรือที่คนไทยเรียกว่า สยามสแควร์แห่งไต้หวัน หรือสยามสแควร์เมืองไทย เพราะว่าเป็นแหล่งชอปปิ้งที่มีความคล้ายคลึงกับสยามสแควร์บ้านเรา เพราะเป็นย่านถนนคนเดินและย่านชอปปิ้งยอดฮิตของวัยรุ่นไต้หวัน ตลาดแห่งนี้เต็มไปด้วย ร้านเสื้อผ้า ร้านหนังสือ ร้านเครื่องสำอาง ร้านขายเครื่องประดับ ร้านขายสินค้ากิฟต์ชอป โรงภาพยนตร์ ร้านรองเท้าแบรดน์เนมชื่อดังที่เป็นที่นิยม แล้วก็ยังเป็นแหล่งรวมของกินอร่อยๆ มากมายให้ได้ลองลิ้มกัน

ต่อด้วย “ตลาดซื่อหลินไนท์มาร์เก็ต” เป็นตลาดไนท์มาร์เก็ตสายแรกของเมืองไทเป ที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดกว่า 200 ปี และถือว่าเป็นตลาดกลางคืนที่ใหญ่ที่สุดในไทเป เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว พอเริ่มเวลาค่ำร้านค้าต่างๆ ก็จะมีพ่อค้าแม่ขายมาเปิดขายสินค้านานาชนิดมากหลาย ทั้งเสื้อผ้า รองเท้า เครื่องประดับ ของฝาก ของที่ระลึกมากมาย รมถึงยังมีอาหารให้ได้เลือกชิมอย่างอิ่มอร่อยกันด้วย

นอกจากนี้ก็ยังมี “ตลาดกลางคืนเหราเหอ” ที่ขึ้นชื่อว่ามีของกินอร่อยๆ มากมายตลอดเส้นทาง “ตลาดกลางคืนซือด้า” เป็นตลาดกลางคืนในย่านมหาวิทยาลัย ทำให้มีเสื้อผ้าและเครื่องประดับสวยๆ อินเทรนด์ ในราคาย่อมเยา แล้วก็ยังมีร้านอาหารน่าลิ้มลองอีกหลายร้าน “ตลาดกลวงคืนกงกวน” เป็นย่านที่มีรองเท้าผ้าใบขายอย่างหลากหลายและราคาไม่แพง เป็นต้น

น้ำพุร้อนเป่ยโถว

“เป่ยโถว” (Beitou) เป็นตำบลหนึ่งที่อยู่ทางตอนเหนือของไทเป ซึ่งบริเวณนี้มีความเขียวขจีและความเป็นธรรมชาติสูงมาก

เป่ยโถวเป็นที่รู้จักอย่างมากเพราะมีน้ำพุร้อนให้ไปแช่ผ่อนคลายได้ โดยมีทั้งบ่อแบบสาธารณะและบ่อภายในโรงแรม โดยหลายคนนิยมไปพักในโรงแรมที่เป่ยโถวเนื่องจากมีน้ำพุร้อนให้แช่ภายในโรงแรม

นอกจากน้ำพุร้อนแล้ว ที่นี่ก็ยังมีจุดที่น่าสนใจอีกหลายแห่ง อาทิ “ห้องสมุดสาธารณะเป่ยโถว” ที่ได้รับการจัดให้อยู่ใน 25 อันดับห้องสมุดที่สวยที่สุดในโลกโดยเวปไซต์ Flavorwire ห้องสมุดนี้มีทั้งหมด 3 ชั้น เเละเป็นห้องสมุดเเรกของเมืองไทเปที่ได้รับการรับรองว่าเป็นสถาปัตยกรรมที่รักษ์โลก เนื่องจากสร้างขึ้นจากวัสดุรีไซเคิลเเละถูกออกเเบบมาให้มีผลกระทบต่อสภาพเเวดล้อมน้อยที่สุด

“พิพิธภัณฑ์น้ำพุร้อนเป่ยโถว” ที่นี่บอกเล่าความเป็นมา และแสดงถึงวิถีชีวิต และกิจกรรมการพักผ่อนของคนในสมัยก่อน โดยภายในพิพิธภัณฑ์นั้นเข้าชมได้ฟรี ซึ่งนอกจากจะได้ความรู้เรื่องน้ำพุร้อนที่เป่ยโถวแล้ว ยังได้เดินชมตึกเก่าสวยๆ ของพิพิธภัณฑ์ด้วย

ทะเลสาบสุริยันจันทรา

“ทะเลสาบสุริยันจันทรา” (Sun Moon Lake) เป็นทะเลสาบที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในไต้หวัน มีลักษณะเป็นแอ่งกระทะและโอบล้อมรอบไปด้วยภูเขา ตั้งอยู่ในเขตใจกลางของไต้หวัน อยู่เหนือระดับน้ำทะเล 760 เมตร มีพื้นที่ขนาดใหญ่ถึง 7.93 ตารางกิโลเมตรมีความยาว 33 กิโลเมตร มีเกาะที่มีชื่อว่า กวง หวา เต่า ซึ่งเป็นเกาะที่เล็กตั้งอยู่กลางทะเลสาบ ด้านทิศเหนือของทะเลสาบมีรูปทรงคล้ายพระอาทิตย์ ส่วนด้านทิศใต้นั้นมีรูปทรงคล้ายพระจันทร์เสี้ยว จึงถูกขนานนามว่า ทะเลสาบสุริยันจันทรา

การล่องเรือชมทะเลสาบแห่งนี้ จะได้สัมผัสกับธรรมชาติอันงดงาม มีสายลมพัดผ่านเย็นสบาย ทะเลสาบมีน้ำใสสะอาด มองเห็นทิวเขาที่สลับซับซ้อน นั่งล่องเรือไปเรื่อยๆ ชมวิวเพลินๆ ก็จะมายังที่เที่ยวอีกหนึ่งแห่งนั่นคือ “วัดพระถังซำจั๋ง” ซึ่งตั้งอยู่บริเวณริมทะเลสาบสุริยันจันทรา เป็นวัดเก่าแก่มาก ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติ ให้พระถังซำจั๋ง ซึ่งเมื่อเดินขึ้นมาด้านบนของวัดจะได้มานมัสการอัฐิของพระถังซำจั๋ง และมีรูปปั้นของพระถังซำจั๋งให้ได้กราบขอพรด้วย

อุทยานแห่งชาติทาโรโกะ

“อุทยานแห่งชาติทาโรโกะ” (หรือ ไท่หลู่เก๋อ) เป็นอุทยานแห่งชาติใหญ่เป็นอันดับ 2 ของไต้หวัน มีเนื้อที่ประมาณ 920 ตร.กม. ครอบคลุมพื้นที่ 3 เมืองคือ ไทจง,หนานโถว และฮวาเหลียน โดยไฮไลท์ทางการท่องเที่ยวส่วนใหญ่นั้นจะอยู่ในพื้นที่เมืองฮวาเหลียนเป็นหลัก ที่นี่เป็นดินแดนแห่งขุนเขาที่โดดเด่นไปด้วยแคนยอน (หุบเขาลึก) ช่องแคบ โตรกผาสูงชัน ซึ่งมีทั้งหุบเขาหินปูนและหินอ่อน ที่เกิดจากการกัดเซาะของสายน้ำ ลม ฝน จนเกิดเป็นทัศนียภาพอันงดงามแปลกตา ในระหว่างช่องเขามีแม่น้ำลี่อู๋ (Liwu) ไหลผ่าน จากป่าต้นน้ำบนเทือกเขาแห่งทาโรโกะไปออกยังปากอ่าวท้องทะเลแปซิฟิก โดยมีช่องแคบแคนยอนช่วงหน้าผาชิงสุ่ย(Qingshui)ไปถึงยอดเขาหนานหู (Nanhu Peak)ที่สูงถึง 3,742 เมตร ได้รับการยกย่องให้เป็นสถานที่ที่มีทัศนียภาพอันงดงามและเป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่นของ อช.ทาโรโกะ แห่งนี้

เกาสง

“เมืองเกาสง” เมืองใหญ่อันดับ 2 ของไต้หวันและเป็นเมืองท่าที่สำคัญ โดยท่าเรือของเกาสงเป็น 1 ใน 4 ของท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดของโลก และที่นี่ก็ยังถือเป็นเมืองแห่งศิลปะ เพราะไม่ว่าไปเที่ยวที่ไหนในเมืองก็จะเห็นความอาร์ตแทรกตัวอยู่ในทุกจุด

เริ่มที่ “ท่าเรือศิลปะ” ที่ได้นำเอาท่าเรือเก่ามาทำเป็นลานแห่งศิลปะอันกว้างใหญ่ ที่นี่แต่เดิมเป็นท่าเรือที่สำคัญของไต้หวัน ต่อมามีท่าเรือใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมาย ท่าเรือแห่งนี้จึงรกร้างเงียบเหงา แต่ตอนนี้กลับมาคึกคักอีกครั้งหลังจากที่ถูกปรับปรุงให้เป็นท่าเรือศิลปะที่เน้นการเป็นพื้นที่จัดแสดงงานศิลปะร่วมสมัยกลางแจ้งของศิลปินท้องถิ่น โกดังรกร้างก็ปรับเปลี่ยนมาเป็นร้านอาหาร ร้านกาแฟ และร้านขายของหลากชนิด

และอย่าลืมแวะมาชมสถานีรถไฟใต้ดินที่สวยงามที่สุดในเอเชียที่สถานี MRT ฟอร์โมซา บูเลอวาร์ด เกาสง ที่ภายในสถานีมีผลงานศิลปะที่ชื่อว่า “The Dome of Light” ซึ่งเป็นผลงานกระจกสีของศิลปินชาวอิตาลีที่ใช้กระจกมาสร้างงานศิลป์เป็นจำนวนถึง 4,500 แผ่น และใช้เวลาประกอบเชื่อมต่อกับหลังคาสถานีนานถึง 4 ปี โดยมีแนวคิดในการออกแบบมาจากปรัชญาตะวันออก ซึ่งเน้นความสำคัญของสัจธรรมแห่งวัฎจักรชีวิตมนุษย์

หมู่บ้านสายรุ้ง

“เมืองไทจง” เมืองที่อยู่ทางใต้ของไทเป มีแหล่งท่องเที่ยวน่ารักๆ อย่าง “หมู่บ้านสายรุ้ง” (Rainbow Village) ที่มีสีสันสดใสสมชื่อด้วยเส้นสายและลวดลายของตัวการ์ตูนน่ารักๆ ที่ถูกแต่งแต้มบนผนังกำแพงของหมู่บ้านเก่าแห่งหนึ่ง แต่ก่อนที่จะกลายมาเป็นหมู่บ้านสายรุ้ง ที่นี่เคยเป็นหมู่บ้านทหารผ่านศึกที่กำลังจะถูกรื้อถอน เพราะผู้ที่เคยอยู่อาศัยบ้างก็ตายหรือย้ายออกไปอยู่ที่อื่น แต่ได้มี “คุณปู่สายรุ้ง” หรือคุณปู่หวง หย่ง ฟู่ ทหารผ่านศึกผู้หนึ่งที่อยู่อาศัยที่นี่ ได้ลงมือวาดลวดลายตามผนังและกำแพงของอาคารที่รอการรื้อทิ้งเหล่านี้ คล้ายๆ จะเป็นการสั่งลาหมู่บ้านที่อยู่อาศัยมานาน

แต่ภาพวาดเหล่านั้นกลับสวยเตะตาผู้พบเห็น เพราะสีสันที่สดใสและลวดลายที่มีชีวิตชีวา เป็นภาพของใบหน้าคนและสัตว์ที่ต่างดูมีความสุขสดใส สร้างความสุขใจให้แก่ผู้พบเห็น จนในที่สุดโครงการรื้อถอนจึงถูกพับไป เพราะหมู่บ้านแห่งนี้ได้กลายเป็น “หมู่บ้านสายรุ้ง” ที่มีนักท่องเที่ยวแวะมาเยือนมาถ่ายรูป กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของเมืองไทจงที่ใครๆ ก็อยากมาเยี่ยมเยือน ส่วนคุณปู่สายรุ้งก็ยังคงวาดรูปต่างๆ เพิ่มเติมในหมู่บ้านสายรุ้งไปเรื่อยๆ และยังมาขายของที่ระลึกให้นักท่องเที่ยวภายในหมู่บ้าน สามารถไปเยี่ยมเยือนคุณปู่กันได้

หินช้าง

หินช้าง หรือ โขดหินงวงช้าง(Elephant Nose Rock) หนึ่งในประติมากรรมธรรมชาติที่ดูน่าอัศจรรย์ของไต้หวัน ตั้งอยู่บนขุนเขาเตี้ย ๆ ริมมหาสมุทรแปซิฟิค (บางคนก็นิยมเรียกว่าเนิน) ในเขตนิวไทเป (New Taipei-เขตไทเปใหม่) หรือ “ซินเป่ย” (Xinbei) ฝั่งตรงข้ามมองเห็นเทือกเขาจีหลงหรือเขาคีหลง (Keelung) ตั้งตระหง่าน เส้นทางเดินสู่หินช้างเป็นทางเดินริมหาดขึ้นเนินเขาหินไปแบบสบายๆ มีสายลมเย็นๆ ริมหาดพัดหนักเบาโชยปะทะร่างไปตลอด ระหว่างทางตามพื้นหินริมทะเลเป็นริ้วหินตะปุ่มตะป่ำ หลายจุดมีลักษณะคล้ายหินกุมภลักษณ์ หรือ โบก(ภาษาอีสาน)ของบ้านเรา

ถัดจากนั้นไปจะเป็นทางเดินขึ้นเนินเขาเตี้ย ๆ เส้นทางเดินยังคงเป็นแนวริ้วคลื่นหินนำทางไปสู่บริเวณจุดท่องเที่ยวหลัก ที่ดูน่าตื่นตาตื่นใจมากๆกับ ปรากฏการณ์ธรรมชาติอันน่าทึ่ง ของแนวหินที่เคยถูกน้ำทะเลท่วมถึงมาก่อน ก่อนจะเกิดการเปลี่ยนแปลงของเปลือกโลก ยกตัวดันพื้นที่ตรงนี้ขึ้นมา แล้วถูกน้ำ ลม ฝน กระทำเป็นเวลานาน จนเกิดเป็นภูมิประเทศรูปร่างแปลกตา เป็นก้อนหิน เสาหินปุ่มปม หินบางก้อนมีรูพรุนคล้ายรวงผึ้ง หินบางก้อนผุดโผล่ขึ้นมาดูคล้ายดอกเห็ดยักษ์

ที่สำคัญที่นี่มีหินใหญ่ยักษ์พิเศษก้อนหนึ่งถูกธรรมชาติสรรค์สร้างจนมีรูปร่างลักษณะคล้ายหัวช้างขนาดใหญ่ ผู้คนจึงเรียกขานบริเวณนี้ว่า“หินช้าง” ตามรูปร่างหินที่เห็น ซึ่งมันเหมือนช้างกำลังจุ่มงวงดูดน้ำในทะเล ที่มองหากมองถูกจุด มองยังไงก็เหมือนช้างแบบไม่ต้องใช้จินตนาการ

Flying Cow Ranch

“Flying Cow Ranch” เป็นฟาร์มขนาดใหญ่ที่อยู่ในเขตมณฑลเหมียวลี่ ที่นี่มีกิจกรรมเกี่ยวกับสัตว์หลากหลาย เนื่องจากเป็นฟาร์มวัวและแกะ สามารถเดินเล่นภายในฟาร์มตามทางที่จัดไว้ ได้ชมธรรมชาติ สูดอากาศสดชื่น มีที่พัก และร้านอาหารที่ปรุงเมนูจากผลิตภัณฑ์ภายในฟาร์ม

ที่นี่มีทั้งวัวนม แกะ กระต่าย เป็ด ผีเสื้อ เลยมีกิจกรรมให้นมวัว ทดลองรีดนมวัว ให้อาหารกระต่าย ป้อนอาหารแกะ สนุกกับการให้อาหารเป็ด ศิลปะ DIY ทำถุงผ้า แล้วก็ยังมีอาหารและขนมอร่อยๆ จากนมวัวและนมแกะให้ลิ้มลองมากมาย

นอกจาก 10 ที่เที่ยวด้านบนแล้ว “ไต้หวัน” ก็ยังมีที่แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกหลายแห่ง ใครวางแผนจะไปเที่ยวก็เตรียมตัวแพคกระเป๋าให้พร้อม และช่วงนี้ก็ยิ่งสะดวกสบายเข้าไปใหญ่ เนื่องจากทางการไต้หวันเพิ่งประกาศขยายเวลาฟรีวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทย ไปจนถึง วันที่ 31 ก.ค. 63 โดยนักท่องเที่ยวที่มีอายุพาสปอร์ตเหลือมากกว่า 6 เดือน สามารถเดินทางไปเที่ยวที่ไต้หวันได้เลย ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถพำนักในไต้หวันได้นาน 14 วัน โดยไม่ต้องทำเรื่องขอวีซ่าท่องเที่ยวไต้หวันแต่อย่างใด

สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0