โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

เทรนด์กำลังมา “มีเงิน-ไม่มีเวลา” ใช้ AI ช่วยเรื่องลงทุน

Money2Know

เผยแพร่ 16 พ.ย. 2561 เวลา 13.17 น. • money2know - เงินทองต้องรู้
เทรนด์กำลังมา “มีเงิน-ไม่มีเวลา” ใช้ AI ช่วยเรื่องลงทุน
เทคโนโลยีกำลังถูกพัฒนาขึ้นมาให้ฉลาดขึ้นมาก จนมีการคาดการณ์ว่าอาจจะเข้ามาทำงานแทนที่คนได้ในเรื่องการลงทุน หลังเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในชีวิตประจำวัน

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) จัดงาน Set in the City กรุงเทพมหานคร 2018 มหกรรมการลงทุนแห่งปี ภายในงานมีการสัมนาพิเศษหัวข้อ “เปลี่ยนโลกการลงทุนของคุณด้วย AI” โดยนายชยนนท์ รักกาญจนันท์ “Mr.Messenger” จากห้องสินธร ก

นายชยนนท์ กล่าวว่า เทรนด์เรื่อง AI มักได้รับควาทเข้าใจที่คลาดเคลื่อนจากคนนอกวง จริงๆแล้ว AI ถูกพูดถึงตั้งแต่ยุค Super Computer เกิดขึ้นใหม่ๆ มนุษย์เองก็ฉลาดขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน

โดยที่ทุกปีจะมีการประชุมเศรษฐกิจโลก และในปี 2017 ที่ผ่านมา ในที่ประชุมดังกล่าวมีการพูดว่าโลกกำลังเดินทางเข้าสู่ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 ซึ่งจะมีความเปลี่ยนแปลงของโลกเป็นอย่างมากจากปัจจัยเทคโนโลยีที่มีความเปลี่ยนแปลง

ตั้งแต่ปี 1970 คอมพิวเตอร์มีหน้าที่หลักคือทำหน้าที่ประมวลผลจากมนุษย์ให้เร็วขึ้นเรื่อยๆเท่านั้น ซึ่งคอมฯยังไม่สามาถคิดอะไรแทนมนุษย์ได้เพียงแค่รับคำสั่งและประมวลผลเท่านั้น แต่เมื่อเข้าสู่ปี 2018

มีการคาดการณ์ว่าเทคโนโลยีจะเปลี่ยนแปลงมากและรวดเร็วด้วย ดังนั้นแล้วเทคโนโลยีที่ชื่อ IOT หรือ Internet of think อาจสามารถตัดสินใจและคิดสิ่งต่างๆแทนมนุษย์ได้จากการรวบรวมข้อมูลที่เรียกว่า Big Data

ส่วนสำคัญในการนำมาพัฒนาระบบต่างๆ จึงไม่แปลกที่ต่อจากนี้ไม่กี่ปีข้างหน้าเทคโนโลยีอาจคิดแทนมนุษย์ได้ อย่างที่เห็นได้ชัดเลยในปัจจุบันคือแอดโฆษณาบน Facebook ที่จะโชว์โฆษณาสินค้าที่คุณชอบมานำเสนอแบบไม่รู้ตัว

จากการรวบรวมข้อมูลและสถิติของคุณว่า คุณกดไลค์อะไรมากที่สุด เข้าไปดูอะไรบ้างที่บ่อยที่สุด สิ่งที่เปลี่ยนอีกอย่างคือ คราวด์ เทคโนโลยี ซึ่งตอนที่ยังไม่มีคราวด์ ทำให้ธุรกิจเซิร์พเวอร์ เฟื่องฟูเป็นอย่างมาก

แต่พอมีคราวด์เกิดขึ้นทำให้ธุรกิจสตาร์ทอัพเกิดขึ้นมากมาย เพราะไม่ต้องพึ่งพาระบบเซิร์พเวอร์อีกต่อไป และยังสามารถรู้พฤติกรรมผู้บริโภคได้ง่ายๆ IOT ทำให้ผู้ประกอบการเข้าถึงผู้บริโภคได้ง่ายขึ้น

การทำธุรกิจจึงเปลี่ยนไป การทำธุรกิจแบบเก่าจึงค่อยๆถูกทำลายทิ้งไปทีละนิด เช่นในอุตสาหกรรมเพลงที่เทปโดนซีดีทำลายทิ้ง ซีดีก็โดน mp3 ทำลายทิ้งและ mp3 ก็มาโดน Joox ทำลายลง เพราะ Joox สามารถเล่นเพลงไหนก็ได้ในเสี้ยววินาที ธุรกิจเพลงจึงโดนดิสรัปเรียบร้อย

ไม่เว้นแต่สื่อทีวีที่โดนระบบ Live Stream ทำลายทิ้งยุคนี้จึงไม่มีอะไรแน่นอน เพราะทุกอย่างเปลี่ยนได้ตามเทคโนโลยี ฉะนั้นแล้วไม่มีแพลทฟอร์มไหนยั่งยืนในระยะยาวเพราะยุคนี้แข่งกันแรง

โซเชียล เน็ตเวิร์ค เข้ามาเปลี่ยนพฤติกรรมมนุษย์ในปัจจุบันมาก ซึ่ง Big Data เองก็มีข้อมูลแทบทุกอย่างซึ่งเป็นข้อมูลที่ไม่ได้มาเป็นตาราง แต่มาเป็นจังก์เพื่อจะนำมาวิเคราะห์ต่อได้ บริษัทฟินเทคยักษ์ใหญ่จึงเต้นการทำ Payment Gateway เพื่อให้บริการด้านการชำระเงินและกระเป๋าเงินออนไลน์

ขณะเดียวกันระบบ P2P ก็มาพร้อมฟินเทคด้วยเช่นกัน ซึ่งระบบนี้สามารถปล่อยสินเชื่อกู้ยืมระหว่างบุคคล และคราวด์ฟันดิ้ง ระดมทุนออนไลน์ ซึ่งทำให้ผู้ประกอบการรายเล็กระดมทุนกันได้โดยง่ายแบบไม่ต้องออก IPO

และคริปโตเคอร์เรนซี่ ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่มาทดแทนสกุลเงินในรูปแบบเดิมจากการลดต้นทุนและตัดตัวกลางในระบบออกไป สิ่งเหล่านี้คือเทรนด์ที่กำลังจะเข้ามามีอิทธิพลกับโลกใบนี้เข้าไปในทุกขณะ

แต่ AI คือระบบที่คิดเหมือนมนุษย์ ทำเหมือนมนุษย์ คิดอย่างเป็นเหตุเป็นผล และกระทำอย่างเป็นเหตุผล ซึ่งเบื้องหลังของ AI คือการใช้องค์ความรู้ทุกอย่างมารวมกัน ขณะเดียวกัน AI อาจจะมีความสามารถเทียบเท่ามนุษย์แล้วก็ได้ในปี 2005 AI สามารถขับรถยนต์ได้ 240 กม./ชม. เฉพาะในพื้นที่ทะเลทราย และในปี 2017 สามารถขับเองได้ในเมืองใหญ่แล้ว

AI ยังถูกพัฒนาขึ้นไปให้สามารถเล่นหมากล้อมได้อีกด้วย โดยในปี 2016 สามารถเล่นหมากล้อมชนะมนุษย์ที่เก่งสุดบนโลก และปี 2017 มี AI ระบบใหม่มาเอาชนะ AI ที่เคยเอาชนะมนุษย์ในปี 2016 เป็นสิ่งที่บอกได้ว่าเทคโนโลยีมีการพัฒนาเร็วมาก

ขบวนการที่เร่งให้ AI มีประสิทธิภาพมากขึ้นคือระบบ Machine Learning ทำให้ AI สามารถพัฒนาอย่างรวดเร็วเพราะเทคโนโลยีด้าน GPU ถูกพัฒนามาจนสามารถตอบสนองได้เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา นี่คือสิ่งที่น่ากลัวของ AI

แต่เมื่อถามถึง AI กับการลงทุนจะเข้ามาช่วยได้อย่างไรปรากฎว่า 68% จากการสำรวจ Robo-advisers จะเข้ามาช่วยมุนษย์ ซึ่งปัจจุบันก็มีเทคโนโลยีการลงทุนที่ AI เข้าไปเกี่ยวข้องบ้างแล้ว เช่น Social Trading ซึ่งถ้าเรามีเงิน แต่ไม่มีเวลาก็สามารถใช้ AI

ไปลอกการลงทุนของนักลงทุนรายอื่นที่เรามีข้อมูลอยู่ให้ AI จัดการลงทุนตามคนคนนั้นแบบอัตโนมัติ หรือระบบ Automated Management and advice ที่ AI จะเข้าไปจัดการพอร์ททุกอย่างและลงทุนแทนเรา

ระบบ Retail Algorithmic Trading คือการเอาวิธีคิดของเราไปใส่ใน AI จากนั้นระบบจะทำการสรรหาหุ้นตัวที่ตรงกับใจเราคิด สิ่งเหล่านี้เป็นสัญญาณที่เริ่มแสดงให้เห็นแล้วว่าเทคโนโลยีเข้ามามีผลกระทบกับชีวิตประจำวันของเรา

ขณะเดียวกัน AI ฉลาดขึ้นทุกวันจนทำให้หลายคนเป็นกังวลว่าจะทำให้คนส่วนหนึ่งตกงานจริงหรือไม่ ในมุมมองของตนเองคิดว่าภายใน 3 ปีเทคโนโลยีจะเข้าแทนที่คน แต่ทุกครั้งของการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี มักมีงานใหม่เกิดขึ้นเสมอ สิ่งสำคัญคือเราต้องปรับตัวให้ทันเทคโนโลยี

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0