"เต้น ณัฐวุฒิ" บอกไม่ตกใจ "บิ๊กป้อม" ประกาศตัวเป็นนักการเมือง-คุม "พปชร." เหตุ "3บิ๊กทหาร" เล่นการเมืองมากว่า 10ปีแล้ว เย้ยคนวิ่งเข้าพปชร.ไม่มีอุดมการณ์ เตือนใครทรยศประชาชนต้องเจอบทเรียนแสนสาหัส ชี้ "พลังประชารัฐ" ยิ่งโต "ประชาธิปัตย์" ยิ่งเล็กลง
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)ได้กล่าวผ่านรายการ “หัวใจไม่หยุดเต้น” บนเพจเฟชบุคส่วนตัว เมื่อวันที่ 23 ส.ค.ตอนหนึ่งว่า การที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ประกาศเป็นนักการเมืองเต็มตัว ไม่ใช่เรื่องที่น่าตกใจอะไร เพราะประวัติศาสตร์การเมืองไทยในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมามีความชัดเจนอยู่ในตัวแล้วว่า นายทหารใหญ่ 3 คนแห่งคณะรักษาความมั่นคงแห่งชาติ (คสช.) มีบทบาทในทุกขั้นตอน ตั้งแต่เหตุการณ์ยึดอำนาจโดย พล.อ.สนธิ บุญรัตกลิน อดีตหัวหน้าคมช. การตั้งรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในค่ายทหาร จนมาถึงการยึดอำนาจอีกครั้งโดยคสช. เรื่อยมาจนถึงการมีรัฐบาลในชุดปัจจุบัน
ส่วนการที่พล.อ.ประวิตร เข้าพรรคพลังประชารัฐไปแล้วนั้นจะทำให้พรรคมีความเป็นเอกภาพหรือเข้มแข็งขึ้นหรือไม่ อย่างไรต้องบอกว่าจะเป็นแบบเก่าเหมือนเดิม เพราะส.ส.เมื่อพรรคพลังประชารัฐตั้งขึ้นมานั้นก็ไม่เคยมีใครคิดว่านายอุตตม สาวนายน จะเป็นหัวหน้าพรรค หรือนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค จะเป็นผู้มีอำนาจตัวจริง อยู่แล้วในแวดวงการเมืองเขารู้กันทั่วว่าก่อนที่นักการเมืองจะเดินเข้าพรรคพลังประชารัฐ จะเดินเข้าพรรคนั้นได้ไปพบผู้ยิ่งใหญ่ในรัฐบาลคสช. คนหนึ่ง ซึ่งก็คล้ายๆกับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ
“การที่มีคนพากันเข้าพรรคพลังประชารัฐ ก็ไม่ใช่เรื่องอุดมการณ์ ทางการเมือง หรือแค่อำนาจบารมีของพล.อ.ประวิตร เท่านั้น แต่ยังติดใจข้อความสำคัญที่เคยมีคนพูดว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้ดีไซน์เพื่อเรา หรือที่มีคนพูดว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ดีไซน์เพื่อให้พรรคพลังประชารัฐเป็นรัฐบาลเท่านั้น
หลังจากนี้เชื่อว่าคงจะมีการใช้พลังดูดมหาศาล เพื่อที่จะเป็นการโชว์ผลงานของพล.อ.ประวิตร ว่าเมื่อเข้ามาแล้ว ก็สามารถดูดเข้าพรรคมาได้อีก แต่เชื่อขนมกินได้ว่า คงไม่ง่ายอย่างเก่า เพราะการต่อสู้ทางการเมืองตลอด 10 กว่าปีที่ผ่านมาได้ยกระดับขึ้นมาถึงจุดที่ฝ่ายเผด็จการกับประชาธิปไตย แบ่งฝ่ายกันชัดเจน
นักการเมืองที่ทรยศต่อหลักการ นักการเมืองที่หักหลังประชาชนจะได้รับบทเรียนอย่างหนักหนา สาหัส การที่เรียกส.ส.พรรคฝ่ายไปรับวิตามิน ไปกินข้าว และโชว์ตัวกันภายใน นั้นทำได้ แต่จะให้เขาโหวตในสภาฯเพื่อสนับสนุนฝ่ายรัฐบาล ผมคิดว่าไม่หมู หรือลุงป้อม จะลองดูก็ได้”
นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า สิ่งที่เกิดขึ้นพรรคการเมืองฝ่ายค้านไม่น่าจะได้รับผลกระทบมาก ไปกว่าเดิม แต่ที่ต้องคิดหนักคือพรรคประชาธิปัตย์ เพระาการเดินแบบนี้เท่ากับว่าโรดแมป ของคสช.เกือบจะสมบูรณ์เต็มที่ เหลือจิ๊กซอร์อีกตัวเดียว คือการที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะเข้ามาเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ
สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งทำหน้าที่เป็นฝ่ายอนุรักษ์นิยมมาหลายสิบปี มาวันนี้ พรรคพลังประชารัฐจะเข้ามาแทนที่ และจะเป็นการแทนที่ร้อยเปอร์เซ็นต์ และยังมีความเป็นไปได้ด้วยว่าคนที่คิดโรดแมปของพลังประชารัฐยังคิดที่จะดูดพรรคประชาธิปัตย์เข้าเป็นพรรคเดียวกันเสียด้วยซ้ำ และนี่คือการปฏิรูปการเมืองที่ครั้งหนึ่งเคยมีคนของพรรคประชาธิปัตย์ออกไปเป่านกหวีด ในครั้งนั้น แต่ไปคิดกันเองว่า คสช.จะยึดอำนาจแล้วจะทำเหมือนกับสมัยคมช.ของพล.อ.สนธิ แล้วมาร่างกติกาเพื่อเอื้อให้กับพรรคประชาธิปัตย์ แต่ครั้งนี้ไม่เป็นอย่างนั้นอีก เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้คาดคิดมาก่อน
นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม จะไม่สามารถหลีกเลี่ยงวันที่อำนาจกลับคืนมาอยู่ในมือของประชาชนไม่ได้ และวันนั้นพรรคพลังประชารัฐและพรรคประชาธิปัตย์ จะกลายเป็นคู่ต่อสู้ ถ้าพลังประชารัฐ เข้มแข็งขึ้นเรื่อยๆก็จะทำให้ประชาธิปัตย์เล็กลงและอ่อนแอเรื่อยๆ
“ทันทีที่พล.อ.ประวิตร เข้าพรรคพลังประชารัฐ พลังดูดก็ทำงานทันที เมื่อพรรคการเมืองของนายไพบูลย์ นิติตะวัน ประกาศยุบตัวเอง เตรียมหอบผ้าเข้าพรรคของลุงป้อม
นอกจากนี้ยังชัดเจนว่าพรรคพลังประชารัฐจะไม่ยอมให้พรรคประชาธิปัตย์หลุดเดี่ยวไปยิงประตู เมื่อนายกฯลุงตู่ เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจด้วยตัวเอง ทุกอย่างที่รัฐบาลตัดสินใจขับเคลื่อนจะต้องมีพรรคพลังประชารัฐ เอี่ยวอย่างน้อยครึ่งหนึ่งอยู่แล้ว ไม่เชื่อก็คอยดู”
