หัวหน้าภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เตือนบริโภคคางคกเสี่ยงตาย มีพิษออกฤทธิ์ทำให้ระบบประสาทของมนุษย์ทำงานผิดปกติ โดยเฉพาะระบบหัวใจ
จากกรณีมีชาวบ้านใน จ.ชลบุรี ไปซื้อเหล้ายาดองเหล้าสูตรเด็ด คือ สมุนไพรราก 30 ผสมคางคก และเหล้าขาว มาดื่มจนเกิดอาการแน่นหน้าอก คลื่นไส้ ช อาเจียน เสียชีวิต 1 ราย และอาการโคม่าหลายราย
เมื่อวันที่ 21 ต.ค.ผศ.ดร.นพดล กิตนะ หัวหน้าภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้สัมภาษณ์นิว 18 ว่า คางคกเป็นสัตว์มีพิษที่มีลักษณะเด่นชัด สังเกตเห็นได้ตรงตำแหน่งหลังตาที่ใกล้กับหู เป็นต่อมน้ำเมือกที่ใหญ่มาก จะขับสารในกลุ่มดิจิทาลอยด์ (Digitaloids) ออกมา ซึ่งออกฤทธิ์คล้าย ดิจิทาลิส ไกลโคไซด์ (digitalis glycosides) และพิษคางคกไม่ได้เจาะจงเฉพาะบริเวณต่อมนั้นซึ่งสามารถกระจายไปทั่วบริเวณลำตัวได้อีกด้วย เพราะฉะนั้นแล้วจึงเป็นคำเตือนว่าไม่ควรนำคางคกมาบริโภค ซึ่งพิษของคางคกเป็นชื่อกลุ่มพิษที่กว้างๆ ทีมาจากชื่อวิทยาศาสตร์ขึ้นต้นด้วยคำว่า “บลูโฟ” หรือที่เรียกว่า “บลูโฟท็อกซิน” มีสารและองค์ประกอบรวมมากกว่า 10 ชนิด โดยสารพิษในกลุ่มคางคกจะเรียกว่า “อัลคาลอยด์” ซึ่งจะออกฤทธิ์คล้ายกับสารที่อยู่ในระบบประสาทของมนุษย์หรือออกฤทธิ์ทำให้ระบบประสาทของมนุษย์ทำงานผิดปกติไปโดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำงานของระบบหัวใจ
ผศ.ดร.นพดล กิตนะ กล่าวต่อว่า หากกินเข้าไปจะมีอาการ คลื่นไส้ อาเจียน เวียนหัว ปวดท้อง ท้องร่วง อาจมีอาการมองเห็นภาพเป็นสีเหลือง ถ้าหนักๆก็จะเริ่มสับสน ซึมลง หมดสติไม่รู้สึกตัว ชักเกร็ง หัวใจเต้นผิดจังหวะ จนถึงเสียชีวิตได้ จึงไม่ควรอย่างยิ่งที่นำคางคกมาบริโภค
