โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

กีฬา

เด่นหรือดับ! ผ่าฟอร์มแข้ง ลิเวอร์พูล เกือบไม่รอดเฉือน คริสตัล พาเลซ เดือดปุดๆ 4-3

MThai.com

เผยแพร่ 20 ม.ค. 2562 เวลา 02.51 น.
เด่นหรือดับ! ผ่าฟอร์มแข้ง ลิเวอร์พูล เกือบไม่รอดเฉือน คริสตัล พาเลซ เดือดปุดๆ 4-3
เช็คเรตติ้งผู้เล่น ลิเวอร์พูล เกือบไม่รอดเฉือนเอาชนะ คริสตัล พาเลซ หวุดหวิด 4-3 ในศึก พรีเมียร์ ลีก เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา

เช็คเรตติ้งผู้เล่น ลิเวอร์พูล เกือบไม่รอดเฉือนเอาชนะ คริสตัล พาเลซ หวุดหวิด 4-3 ในศึก พรีเมียร์ ลีก เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา

เกมนี้ เจอร์เก้น คล็อปป์ ตัดสินใจส่งชื่อเจมส์ มิลเนอร์ ลงเล่นแบ็กขวาแทน เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ที่ยังไม่ฟิต โดยมา โจเอล มาติป ยืนเซ็นเตอร์คู่กับเวอร์กิล ฟาน ไดจ์ค

รูปเกมเป็น ลิเวอร์พูล ที่บีบกดดันผู้เล่น พาเลซ อย่างรวดเร็ว แต่เป็นลูกทีมของ รอย ฮอดจ์สัน ที่ได้ประตูขึ้นนำจากการขึ้นเกมของ วิลฟรีด ซาฮา ตวัดเข้าในให้ อันดรอส เทาวน์เซนด์ ยิงเข้าไปนิ่งๆ นาที 34 และจบครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้

ครึ่งหลัง ลิเวอร์พูล เดินเครื่องเต็มสูบได้สองประตูแบบทันควันจาก โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ นาที 46 และ 54 ก่อนที่ พาเลซ จะทำประตูตีเสมอ 2-2 จากลูกโหม่งของ เจมส์ ทอมกิ้นส์ นาที 65 แต่หลังจากนั้น 10 นาที โมฮาเหม็ด ซาลาห์ จะชาร์จจ่อๆ ให้ ลิเวอร์พูล ออกนำอีกครั้ง เท่านั้นไม่พอ ซาดิโอ มาเน่ พาบอลเข้าไปกดเสียโคนเสาให้ ลิเวอร์พูล นำห่าง 4-2 นาที 90+3 เกมทำท่าจะจบด้วยสกอร์นี้ แต่ แม็กซ์ เมเยอร์ ก็ยิงให้ พาเลซ ไล่มาเป็น 4-3 นาที 90+5 ก่อนจะจบด้วยสกอร์นี้ และนี่คือฟอร์มการเล่นของ ลิเวอร์พูล ในเกมนี้…

อลิสซอน เบ็คเกอร์ 5
แทบไม่ได้เซฟอะไรเลย โผล่มาตูม! หาย! แต่ยังมีส่วนในการออกบอลสวยๆ หลายหน

เจมส์ มิลเนอร์ 4
เป็นเกมที่ไม่น่าจดจำเลย มิลเนอร์ ต้องมารับบทแบ็กขวาจำเป็น แต่การดวลกับ ซาฮา ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย และเป็นเช่นนั้นจริงๆ โดนปั่นจนหัวหมุนทั้งเกม แต่ยังพอแก้ตัวมีส่วนช่วยให้ทีมได้ประตูที่สาม ก่อนจะเสียสองใบเหลืองเป็นใบแดงไล่ออกจากสนามไป

โจเอล มาติป 6
ไม่สามารถจัดการกับเกมสวนกลับของ พาเลซ ได้เลย

เวอร์กิล ฟาน ไดจ์ค 7
การที่ต้องแบกเกมรับทั้งแผงเอาไว้ไม่ใช่งานง่าย เกมนี้ปราการหลังดัตช์จ่ายบอลมากที่สุด (107 ครั้ง) และผ่านบอลสำเร็จถึง 96% เลยทีเดียว ซึ่งลูกยิงไกลที่เหมือนไม่มีอะไร แต่แฉลบไปเข้าทาง ซาลาห์ พังประตูต้นครึ่งหลังเป็นการจุดประกายให้เกมครึ่งหลังเดือดขึ้นเยอะ

แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน 7
มีหลายจังหวะที่หลุดจากตำแหน่ง แต่ด้วยความขยัน อดทน และมุมานะ ร็อบโบ้ เข้าประทะสำเร็จ 5 ใน 6 ครั้ง แถมทำแอสซิสต์ให้ มาเน่ เข้าไปยิงประตูที่สี่

ฟาบินโญ่ 8
กลับมาเล่นเป็นกองกลางอีกครั้ง แข้งบราซิเลี่ยนรายนี้พยายามผ่านบอลขึ้นหน้าบ่อยมาก และการเข้าะทะก็ถือว่าทำได้ดี แต่โชคร้ายมีอาการบาดเจ็บจนต้องถูกเปลี่ยนตัวออก

จอร์แดน เฮนเดอร์สัน 8
เล่นดีผิดหูผิดตาและเป็นอีกหนึ่งผู้เล่นที่ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมในเกมนี้ ไล่บี้ผู้เล่น พาเลซ ไม่ปล่อย และออกบอลขึ้นหน้าได้ดี สวนกระแส “อาแปะ” ที่เจ้าตัวเคยโดนก่อนหน้านี้ แต่ช่วงท้ายเกมดันไปจ่ายบอลกั๊กสร้างงานให้ มิลเนอร์ ถูกไล่ออก

นาบี เกอิต้า 5
ทำแอสซิสต์ให้ ฟีร์มิโน่ ทำประตู แต่ฟอร์มโดยรวมถือว่าไม่ผ่านอย่างแรง การเลี้ยงบอล การพาบอลขึ้นหน้า และการส่งบอล รวมไปถึงจังหวะเกมรับ ล้วนแต่ดูขัดหูขัดตาไปแทบทั้งสิ้น ก่อนจะโดนเปลี่ยนตัวออกเป็นรายแรก

ซาดิโอ มาเน่ 7
พยายามพาบอลไปเอง แต่ทำได้ไม่ดีเท่าไหร่ เป็นอีกเกมที่เจ้าตัวดูเงียบในหลายๆ จังหวะ ก่อนที่จะพังประตูที่สี่ช่วยต่อลมหายใจให้ ลิเวอร์พูล ในการชนะเกมนี้

โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ 7
สวมบทหมายเลข 10 ในเกมนี้ มีส่วนช่วยกดดันหนักจนทีมได้สองประตูในช่วงต้นครึ่งหลัง และสามารถทำประตูที่สองให้กับทีม หลังจากนั้นลงไปต่ำเกินไป และสร้างงานให้กับ มิลเนอร์ จนโดนใบแดงในที่สุด

โมฮาเหม็ด ซาลาห์ 8
กดสองประตูในเกมนี้ แถมมาจากการยืนถูกที่ถูกเวลาทั้งนั้น ครึ่งแรกขยับไปทางซ้ายบ่อยๆ แต่ไม่สามารถทำอะไรเป้นชิ้นเป็นอัน ก่อนจะแผลงฤทธิ์ในครึ่งหลัง นำดาวซัลโว พรีเมียร์ ลีก ในเวลานี้ (16 ประตู)

ตัวสำรอง

เซอร์ดาน ชาร์กิรี 7
ลงมาสร้างบอลไปพื้นที่สุดท้ายมากขึ้น แต่พอเหลือ 10 คน เจ้าตัวต้องลงต่ำไปช่วยงานเพื่อนๆ ในการป้องกันประตู

อดัม ลัลลาน่า ไม่มีคะแนน
ลงมาไล่บอลแะลเรียกฟาล์วให้กับทีม

ราฟาเอล คามาโช่ ไม่มีคะแนน
ลงมาช่วงจะหมดเวลาไม่กี่อึดใจ แต่เสียหนึ่งประตูเป็นของแถม

สำหรับโปรแกรมถัดไป ลิเวอร์พูล ยังคงเล่นในบ้านรับการมาเยือนของ เลสเตอร์ ซิตี้ ในศึก พรีเมียร์ ลีก กลางสัปดาห์ คืนวันพุธที่ 30 มกราคมนี้ เวลา 03.00 น. ตามเวลาประเทศไทย

**อ่านสรุปเกมคู่นี้ได้ที่นี่

>> คลิกเลย <<**

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0