จากกรณีที่เมื่อวานนี้ 21 ก.ย. 61 ได้เกิดเหตุสุนัขกัดเด็กหญิง อายุ 4 ขวบ ได้รับบาดเจ็บสาหัสที่ ต.ไทยสามัคคี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ซึ่งเด็กหญิงเคราะห์ร้ายทราบชื่อต่อมาคือ ด.ญ.วิกานดา จินทร์ตระกูล บ้านอยู่ที่ ต.ไทยสามัคคี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา โดยสภาพหลังถูกสุนัขกัด มีบาดแผลฉกรรจ์ หูด้านซ้ายแหว่ง หนังศีรษะมีรอยบาดแผลลึก 2 แห่ง จากคมเขี้ยวของสุนัข ซึ่งญาติก็ได้นำเด็กหญิงคนดังกล่าว เดินทางมารักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา
วันที่ 22 ก.ย. 61 ผู้สื่อข่าวอมรินทร์ทีวี ได้เดินทางไปที่ตึกศัลยกรรมเด็ก ชั้น 4 โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา พบ น.ส.หญิง จันทร์ตระกูล อายุ 28 ปี มารดาของ ด.ญ.วิกานดา หรือน้องบีบี พร้อมด้วยญาติ ๆ กำลังเฝ้าดูแลอาการของน้องบีบีอย่างใกล้ชิด โดยน.ส.หญิง เปิดเผยว่า เมื่อช่วงสายวันนี้แพทย์ได้พาน้องบีบี ไปรับการผ่าตัดเพื่อนำเนื้อเยื่อมาแต่งแผลบริเวณใบหูด้านซ้าย และทำการเย็บแผลที่ศีรษะ
ซึ่งขณะนี้น้องบีบีอาการปลอดภัยแล้ว แต่ยังต้องเฝ้ารอดูอาการแทรกซ้อน และระวังแผลติดเชื้ออยู่ จึงยังไม่มีกำหนดออกจากโรงพยาบาลในช่วงนี้ ถึงอย่างไรก็ตาม ตนเองรู้สึกสลดใจมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ เพราะเห็นภาพบาดแผลของน้องบีบี ที่ถูกสุนัขกัดจนหูแหว่ง และศีรษะมีบาดแผลจากเขี้ยวจมลึกมาก เกรงว่าอาจจะเกิดผลกระทบกระเทือนถึงสมองได้ ช่วงนี้น้องบีบีก็ยังมีอาการเจ็บศีรษะอยู่ แต่มีกำลังใจดีมาก ไม่ร้องไห้งอแงแต่อย่างใด
ด้านนางจำปี ทูมจังหรีด อายุ 62 ปี ผู้เป็นยายของน้องบีบี กล่าวว่า ขณะเกิดเหตุนั้น ตนเองกำลังขุดกระชายอยู่ในสวนหลังบ้าน ซึ่งอยู่ติดกับบ้านของน้องบีบี ต่อมาได้ยินเสียงเหมือนสุนัขกำลังคำรามและกัดอะไรบางอย่างอยู่ ตอนแรกคิดว่าสุนัขอาจจะกัดกันกับตัวอื่นอยู่ แต่สักครูก็ได้ยินเสียงเด็กร้องไห้ลั่น คล้ายกับเสียงหลานสาว จึงรีบวิ่งไปดู ก็พบว่าน้องบีบีกำลังถูกสุนัขพันธุ์ผสมไทย-บางแก้ว เพศผู้ อายุประมาณ 2 ปี กำลังขย้ำกัดหลานของตนเอง จึงได้รีบเอาไม้ไล่ตี และอุ้มหลานสาวมาดูอาการ ซึ่งพบว่ามีบาดแผลเหวอะหวะ หูแหว่ง เลือดไหลอาบทั้งตัว จึงได้ให้ญาติรีบพาหลานส่งโรงพยาบาลวังน้ำเขียว และส่งต่อมารักษาที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา
ภายหลังจากที่หลานถูกสุนัขกัดแล้ว ก็ไม่เห็นมีเจ้าของสุนัขมาแสดงตัวรับผิดชอบ ทั้งที่เป็นคนบ้านข้างๆ ตนอยากให้มาคุยกันบ้าง ไม่ใช่ว่าสุนัขของตัวเองมากัดคนได้รับบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้แล้ว ยังทำตัวเฉยๆ ไม่สนใจอย่างนี้ ถ้าไม่เช่นนั้นก็คงจะต้องมีการแจ้งความเอาเรื่องทางกฎหมายให้ถึงที่สุดต่อไป
