ด.ญ.วัย 13 ปี ส่งข้อความลาเพื่อนก่อนดิ่งคอนโดดับ เพื่อนเผยผู้เสียชีวิตตั้งครรภ์ ประมาณ 1 เดือน ประกอบกับเป็นคนเก็บกดไม่ชอบพูดคุยกับใคร
เมื่อเวลา 00.30 น. ของวันที่ 16 พ.ย.62 ร.ต.อ.ไพบูลย์ แก้วมณี รอง สว.(สอบสวน). สน หัวหมาก ได้รับแจ้งเหตุมีคนกระโดดจากคอนโดลงมาเสียชีวิตคาที่ภายในซอยรามคำแหง ซอย 1 เขตสวนหลวง กรุงเทพฯ จึงเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานและเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู ที่เกิดเหตุลักษณะเป็นคอนโด(สงวนชื่อ) มีความสูง 12 ชั้น ซึ่งอยู่ภายในซอยรามคำแหงซอย 1 บริเวณชั้นล่างสุดพบผู้เสียชีวิตเป็นหญิง 1 คน อายุ 13 ปี นอนคว่ำหน้าสวมเสื้อสีดำ กางเกงขาสั้นสีเหลือง
เพื่อนของแม่ผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ปกติผู้เสียชีวิตจะอาศัยอยู่กับแม่ 2 คน พักอาศัยอยู่ที่ชั้น 6 ของคอนโดโดยก่อนเกิดเหตุนั้น แม่ของผู้เสียชีวิตกำลังอาบน้ำอยู่ ส่วนผู้เสียชีวิตได้เดินออกจากห้องและขึ้นไปยังชั้น 12 เมื่อแม่ออกมาไม่พบลูกสาว จึงได้ออกตามหากระทั่งพบว่าลูกสาวได้นั่งอยู่ที่ขอบกำแพง จึงได้วิ่งเข้าไปช่วยแต่ไม่ทัน ลูกสาวได้กระโดดลงไปและเสียชีวิตทันที
สำหรับแม่และผู้เสียชีวิตได้อาศัยอยู่ที่คอนโดแห่งนี้มานานกว่า 10 ปีแล้ว และมักจะมีปากเสียงกันอยู่เป็นประจำ เนื่องจากผู้เสียชีวิตจะชอบออกไปเที่ยวและจะไม่กลับมาที่ห้อง กระทั่งล่าสุดเมื่อประมาณเดือนเมษายนที่ผ่านมา แม่ได้ไปแจ้งความที่ สน.คลองตัน เพื่อให้ตามหาตัวลูกสาว เพราะหายไปกับกลุ่มเพื่อน เพื่อนรุ่นพี่ของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ผู้เสียชีวิตมักจะเก็บกด ไม่ค่อยพูดคุยกับใคร โดยก่อนหน้านี้เคยบอกว่าเครียด กำลังมีปัญหาหลายอย่าง ทั้งครอบครัวและเรื่องอื่นๆ นอกจากนี้ผู้เสียชีวิตยังได้ตั้งครรภ์ อายุประมาณ 1 เดือนอีกด้วย ซึ่งก่อนที่ผู้เสียชีวิตจะตัดสินใจกระโดดตึกฆ่าตัวตายนั้น ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟสบุ๊คส่วนตัว ระบุว่า ไปแล้วนะ ในช่วงเวลา 23.55 น. และยังได้ส่งรูปภาพตัวเองชู2นิ้วและภาพนั่งอยุ่บนขอบกำแพง ส่งให้กับเพื่อนสนิทอีกคน จากนั้นตัวเองก็ได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนสนิทคนดังกล่าว จึงขี่รถมาที่คอนโดก็พบว่า ผู้เสียชีวิตได้กระโดดลงมาแล้ว
ด้านพ.ต.อ.เลิศศักดิ์ เขียมทรัพย์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลหัวหมาก เปิดเผยว่า เบื้องต้นยังไม่สามารถสอบปากคำแม่ของผู้เสียชีวิตได้ เนื่องจากยังอยู่ในอาการเสียใจอย่างหนัก เบื้องต้นได้ส่งการให้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดของคอนโดดังกล่าวแล้ว และจะเรียกแม่ของผู้เสียชีวิตมาสอบปากคำอีกครั้ง เพื่อหาสาเหตุต่อไป
