โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

เดือนหน้าลงถนน! 'ธนาธร'ประกาศเจอกันอ้างยัดคดี'ช่อ'ลั่นมาเต็มมาแน่นกว่านี้

ไทยโพสต์

อัพเดต 14 ธ.ค. 2562 เวลา 17.01 น. • เผยแพร่ 14 ธ.ค. 2562 เวลา 17.01 น. • ไทยโพสต์

    กลัวที่ไหน! สาวกส้มหวานผสมม็อบเชียร์แม้วกว่าพันคนแน่นสกายวอล์กมาบุญครอง "ธนาธร" ประกาศเดินหน้าได้ลงถนนสมใจแน่ ใจเย็นๆ "ช่อ" ได้ทีข่มวันนี้อยู่บนสกายวอล์ก วันหน้าลงถนนจะเต็มกว่านี้ แน่นกว่านี้ อย่าให้ใครดูถูกว่าเราเก่งแต่ปาก เก่งแต่ออนไลน์ เราไม่มีกองทัพไซเบอร์ มีแต่ประชาชนเจ้าของประเทศ บอกว่าคนมีอำนาจสูงสุดคือประชาชน      เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ยืนยันถึงการจัดชุมนุมทางการเมือง ที่ลานสกายวอล์ก ห้างสรรพสินค้ามาบุญครอง ว่าไม่ใช่เป็นการทำเพื่อพรรคอนาคตใหม่ หลังจากที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยยุบพรรคเพราะทำผิดกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง กรณีตนเองปล่อยกู้เงินให้พรรคยืมเพื่อใช้ในกิจกรรมทางการเมือง แต่เป็นการแสดงตนของประชาชนเพื่อทวงอนาคตของประชาชนที่ไม่ยอมต่อการกดหัวและระบบการสืบทอดอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)      เขาอ้างว่าการจัดกิจกรรมดังกล่าวมีกระบวนการที่จะจัดให้เกิดการเผชิญหน้า ดังนั้นขอเรียกร้องให้ประชาชนอย่ากังวลและหวาดกลัว รวมถึงช่วยสอดส่องการทำกิจกรรมดังกล่าว ที่จะใช้เพียงช่วงระยะเวลาสั้นๆ การจัดการชุมนุมครั้งนี้เป็นครั้งที่หนึ่ง เพื่อแสดงตัวของคนที่ไม่ยอมทนต่อระบบสืบทอดอำนาจของคณะเผด็จการ      "การต่อสู้ดังกล่าวผมมองว่าไม่ใช่การจุดชนวนให้การเมือง หรือสังคมเกิดความขัดแย้ง เพราะตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ผมมองว่าความขัดแย้งในประเทศไม่เคยยุติ เพียงแค่ถูกกดหัวไว้เท่านั้น ดังนั้นเราจำเป็นต้องต่อสู้เพื่อให้ได้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่มีการจัดสรรอำนาจให้กับทุกฝ่ายอย่างเท่าเทียม"         นายธนาธรกล่าวถึงการจัดเวทีของ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ซีอีโอพรรครวมพลังประชาชาติไทย ในหัวข้อเวทีชังชาติด้วยว่า การจัดเวทีดังกล่าวคืออาหารที่ทำให้ระบบเผด็จการอยู่ต่อ ทั้งนี้ตนมั่นใจว่าไม่มีใครที่สามารถเอาอดีตมาฉุดรั้งอนาคตได้        ถามว่าความสำเร็จของการเรียกร้องดังกล่าว จะถึงขั้นไม่มีระบบสืบทอดอำนาจ คสช.อยู่หรือไม่ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ไม่ยอมตอบคำถาม พร้อมกับเดินออกจากวงสัมภาษณ์ของสื่อมวลชนทันที          ทั้งนี้ ก่อนที่นายธนาธรให้สัมภาษณ์ มีกลุ่มพลังประชาธิปไตย นำโดยนายวรัญชัย โชคชนะ และประชาชน นำกล้วยน้ำว้าที่สุกงอม และกระดาษซึ่งตัดเป็นรูปครีบฉลาม และเขียนข้อความว่า หูฉลามมอบให้กับนายธนาธร พร้อมกล่าวให้กำลังใจในการต่อสู้ต่อไป        ด้าน น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ โพสต์แสดงความเห็นทางเฟซบุ๊ก Pannika Chor Wanich โดยแต่งกลอนปลุกแฟนคลับพรรคว่า อย่ามัวเจอกันแต่หน้าจอ เสาร์ 14 ธันวาคมนี้ มาเจอกัน สกายวอล์ก ปทุมวัน 5 โมงเย็นมาร่วมกันส่งเสียง ประกาศว่าเราไม่เอาความอยุติธรรม เราไม่เอาระบอบไร้มาตรฐานทางกฎหมาย เมื่อเสียงในสภาไม่มีค่า ก็ได้เวลาเจ้าของประเทศออกมาเปล่งเสียงด้วยตัวเอง ให้เขารู้ว่า "อย่าข้ามหัวประชาชน"          นามคนนี้ทนทาน กังวานยิ่งและยืนยง  คุณค่านั้นทระนง องอาจกล้าเย้ยธาตรีจงรักพิทักษ์เกียรติ อันโรจน์แรงดุจแสงระวีล่าล้างพวกกาลี ให้โลกงามด้วยนามไท อย่ายอมอยู่อย่างสยบ และสั่นซบใต้ตีนใครหยัดอยู่สู้ด้วยใจ อันทรหดและอดทนหนทางพิสูจน์ม้า และเวลาพิสูจน์คนใครถอยและใครทน พิสูจน์ได้เมื่อภัยมา          พบภัยถ้าไม่สู้ แต่ซ้ำลู่เป็นอ้อคามวลชนจะตีตรา ถึงหลานเหลนว่าเดนคนจงเดินอย่าเดินเดียว จงเดินร่วมกับมวลชนแรงใจของคนจน ที่เอาจริงจะค้ำจุน แล้วผีก็เถอะผี สักแสนผีที่ทารุณมือคนจะแทนคุณ ให้เลื่องลือ…นี่มือไทชาตินี้ชีวิตนี้ อุทิศพลีเพื่อสู้ภัยฝากชื่อให้ลือชัย ไกรเกริกหล้าท้าธรณิน        อย่าเจอกันแต่หน้าจอ เสาร์ 14 ธันวาคมนี้ มาเจอกัน สกายวอล์กปทุมวัน 5 โมงเย็น มาร่วมกันส่งเสียงประชาชน ประกาศว่าเราไม่เอาความอยุติธรรม เราไม่เอาระบอบไร้มาตรฐานทางกฎหมาย เมื่อเสียงในสภาไม่มีค่า ก็ได้เวลาเจ้าของประเทศออกมาเปล่งเสียงด้วยตัวเอง ให้เขารู้ว่า อย่าข้ามหัวประชาชน ไม่ได้ชุมนุมแค่รณรงค์     ขณะที่นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ รองโฆษกพรรคอนาคตใหม่ ยืนยันว่า การจัดกิจกรรมภายใต้ชื่อ "เมื่อเสียงที่พวกเราเลือกเข้าสภาไม่มีค่า ได้เวลาประชาชนออกมาส่งเสียงด้วยตัวเอง" ที่บริเวณสกายวอล์ก สี่แยกปทุมวันนั้น พรรคอนาคตใหม่ไม่ได้ขออนุญาตหรือประสานไปยัง สน.ปทุมวัน เพราะเป็นการจัดกิจกรรมทางเมืองตามปกติ ไม่ใช่การนัดชุมนุม ซึ่งกิจกรรมนี้คล้ายกับการรณรงค์ยกเลิกการเกณฑ์ทหารที่เคยทำมา      "เราต้องการให้ประชาชนออกมาส่งเสียงของตนเอง ด้วยการเขียนข้อความลงบนกระดาษโพสต์อิท เป็นการสะท้อนความคิด ความรู้สึกบนพื้นฐานประชาธิปไตยที่สามารถทำได้ ย้ำว่าการจัดกิจกรรมครั้งนี้ต้องการรับฟังเสียงของประชาชนว่าเห็นอย่างไรกับความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นกับพรรคอนาคตใหม่ อาจจะมีคนเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยก็ได้" รองโฆษกพรรคอนาคตใหม่กล่าว     นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เป็นการแสดงออกในระบอบประชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นสิทธิเสรีภาพที่กฎหมายคุ้มครองอยู่ จึงอยากให้รัฐบาลมองอย่างเข้าใจ อย่ามองประชาชนที่เห็นต่างเป็นศัตรู หากมองประชาชนอย่างเข้าใจ ทุกอย่างก็จะคลี่คลายไปในทิศทางที่ดี วันนี้มีหลายสิ่งที่รัฐบาลควรทำและไม่ควรทำ ซึ่งอันที่ทำก็ทำเกินเลยจนเป็นสองมาตรฐาน จึงอยากให้รัฐบาลเอาเวลาไปสนใจแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนให้มากขึ้น         ถามว่า หาก ส.ส.พรรคเพื่อไทยไปร่วมชุมนุมด้วยได้หรือไม่ เลขาธิการพรรคเพื่อไทยตอบว่า อะไรที่เป็นการแสดงออกภายใต้กฎหมาย และเป็นอย่างสันติก็ทำได้อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น ส.ส. นักการเมือง หรือประชาชนทั่วไป ก็สามารถเข้าร่วมได้ เพราะเป็นการแสดงออกถึงการเป็นประชาธิปไตย และยอมรับความเห็นต่างในสังคม     เมื่อถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม มองว่าเรื่องนี้จะกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว นายภูมิธรรมกล่าวว่า คงเป็นความห่วงใยของนายกฯ แต่เรื่องที่จะเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวได้นั้น ก็ยังมีเรื่องอื่นๆ อีกมาก ดังนั้นนายกฯ ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนี้ เพราะเชื่อว่าจะเป็นการชุมนุมอย่างสันติ ให้ ปชป.หุบปาก          น.ส.อมรัตน์​ โชคปมิตต์กุล​ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่​ กล่าวถึงกรณีที่สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวถึงการนัดรวมตัวของพรรคอนาคตใหม่วันนี้ว่า เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม ว่าคนที่ออกมาพูดว่าการรวมตัวของประชาชนในวันนี้ไม่เหมาะสมคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดี​ เดินเรี่ยไรเงินแขวนนกหวีดไปทั่วกรุงเทพฯ เรียกร้องให้ทหารออกมาปฏิวัติ​ คนพวกนี้กล้าดีอย่างไรถึงแสดงความคิดเห็นว่าการรวมตัวของประชาชนในวันนี้ไม่สมควรทำ​     "ดิฉันอยากบอกว่า สาวกประชาธิปัตย์หุบปากเถอะ ​การชุมนุมเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน ไม่ใช่ลิขสิทธิ์ของลุงกำนันหรือขบวนการ​ shutdown ประเทศไทย​ พรรคอนาคตใหม่ออกมาเพราะความไม่ถูกต้องของประเทศนี้ ความเสียหายจากเหตุการณ์ที่พวกคุณลงถนน เป่านกหวีดให้ทหารออกมา​ ทุกวันนี้ผลของมันยังทำให้ประเทศไทยเสียหายโดยไร้ความรับผิดชอบใดๆ" น.ส.อมรัตน์กล่าว     ด้านนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การที่นายธนาธรได้ชวนเชิญชุมนุมที่สกายวอล์ก ปทุมวันเป็นกิจกรรมทางการเมือง ซึ่งพรรคการเมืองทำได้ อยู่ที่ประชาชนที่เห็นด้วยและสนับสนุนพรรคอนาคตใหม่ ที่เห็นว่าเป็นกิจกรรมที่เหมาะสม อาจจะออกมาร่วมได้ คิดว่าไม่ใช่นำการเมืองลงสู่ถนน     “หากเกิดความวุ่นวาย ทำให้ประชาชนเดือดร้อน เจ้าหน้าที่รัฐที่มีหน้าที่มีสิทธิดำเนินการตามกฎหมายได้ หัวหน้านำชุมนุมจะต้องรับผิดชอบ”          เขากล่าวว่า การชุมนุมบนถนนเกิดมาแล้วในอดีต ประชาชนได้บทเรียนมามากพอสมควร คิดว่าประชาชนจะไม่เอาอีกแล้ว เพราะเจ็บปวดร้าวลึกในสังคมมาก หรือต้องการกดดันศาล ตนเห็นว่าเป็นโทษมากกว่าผลดีกับพรรคอนาคตใหม่ เพราะศาลเป็นองค์กรอิสระที่ไม่มีใครเข้าไปแทรกแซงได้ ตัดสินบนหลักฐานและพยาน     นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ส่วนตัวไม่เห็นด้วยกับการเคลื่อนไหวนอกสภาของพรรคอนาคตใหม่ แม้ว่านายธราธรจะถูกตัดสิทธิ์ออกจากการเป็น ส.ส.แล้วก็ตาม แต่ก็ยังคงสถานะความเป็นหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่อยู่ และยังมี ส.ส.ในสังกัดของพรรคอีก 80 คน น่าจะใช้การเคลื่อนไหวการเมืองในสภาผู้แทนราษฎรก่อน จะเหมาะสมกว่าการเคลื่อนไหวนอกสภา      "การเคลื่อนไหวการเมืองนอกสภา อาจก่อให้เกิดความขัดแย้งที่รุนแรงเกิดขึ้นได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกฝ่ายในสังคมไม่ต้องการ เพราะสังคมไทยควรจะก้าวผ่านความขัดแย้ง และการชุมนุมของกลุ่มเสื้อสีต่างๆ ได้แล้ว"          นายเทพไทยังระบุว่า เราเคยมีบทเรียนและประสบการณ์การเคลื่อนไหวบนท้องถนนมาตั้งแต่ม็อบเสื้อเหลือง ม็อบเสื้อแดง ม็อบหลากสี หรือม็อบนกหวีด จนถึงวันนี้สังคมก็คงไม่อยากเห็นม็อบเสื้อสีส้มอีกครั้ง ทุกคนในสังคมอยากจะก้าวข้ามความขัดแย้งเพราะความขัดแย้งในสังคมทำให้สังคมไทยเสียโอกาส จมปลักอยู่กับความขัดแย้งเดิมๆ ที่ยืดเยื้อมาเป็นเวลานับสิบๆ ปีแล้ว เป็นการทำลายโอกาสของทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งภาวะทางเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ซึ่งมีผลกระทบต่อคนไทยทุกคน และสร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติอย่างมหาศาล วันนี้อย่าปล่อยให้ใคร หรือกลุ่มการเมืองใด จับเอาประเทศไทยเป็นตัวประกันทางการเมืองต่อไปอีกเลย เป็นคู่ขัดแย้งเสียเอง          เขายังกล่าวว่า อยากให้ทุกฝ่ายร่วมกันถอดสลักความขัดแย้งทางการเมืองออกไป ก่อนหน้านี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้เคยออกมาเตือนให้ระวังความขัดแย้งรอบใหม่จะเกิดขึ้น ด้วยเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 และวันนี้ได้เป็นจริงตามที่ได้ตั้งข้อสังเกตไว้         นายเทพไทระบุว่า ความขัดแย้งรอบใหม่นี้ เกิดขึ้นจากปัจจัย 2 ประการคือ 1.เกิดขึ้นจากรัฐธรรมนูญปี 60 ในประเด็นของที่มาในการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญ การแต่งตั้งสมาชิกวุฒิสภา และการเข้าสู่อำนาจของรัฐบาล 2.เกิดขึ้นจากตัว พล.อ.ประยุทธ์ ที่เปลี่ยนสถานะตัวเองจากคนกลาง มาเป็นคู่ขัดแย้งเสียเอง ด้วยปัจจัย 2 ข้อนี้ อาจนำไปสู่การขัดแย้งในสังคมรอบใหม่ได้ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องถอดสลักความขัดแย้งออกไปก่อน ด้วยการเร่งผลักดันให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย และให้เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่ายในสังคม ซึ่งเป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล และในตอนนี้ญัตติการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหาและแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญกำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรอีกด้วย     นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย และอดีตเลขาธิการ กปปส. ให้สัมภาษณ์ว่า การแสดงออกทางการเมืองถือเป็นสิทธิเสรีภาพ แต่ต้องภายใต้กรอบของกฎหมาย ไม่ทำอะไรที่ผิดกฎหมาย เพราะกฎหมายไม่ได้มีไว้ให้หลบหลีก ไม่อย่างนั้นสังคมก็อยู่ไม่ได้ ตนคิดว่าถ้าเขาทำแล้วอยู่ในกฎหมายก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าทำให้เกิดความวุ่นวายเสียหายก็ต้องว่าไปตามกระบวนการ         เขากล่าวว่า การชุมนุมของพรรคอนาคตใหม่ ไม่ทราบว่าจะลงเอยอย่างไร เรื่องนี้ต้องติดตามดู แต่คิดว่าก็เหมือนที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว เมื่อมีคนละเมิดกฎหมาย แล้วถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง คนเหล่านี้ก็ไม่ยอมรับ เราก็เคยเห็นในอดีตแล้วว่าพอศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยก็ออกมาปฏิเสธ ไม่ยอมรับคำสั่งศาล หรือพอศาลยุติธรรมมีคำพิพากษาก็ออกมาพูดจาว่าศาลสองมาตรฐาน      "ผมคิดว่าเรื่องแบบนี้คนไทยเคยเห็นมาแล้ว และเชื่อว่าคงไม่ยอมให้เกิดขึ้นอีก ดังนั้นจึงไม่เชื่อว่าจะมีใครมายุยงประชาชนให้กลับไปสู่ความรุนแรงได้อีก เพราะคนไทยมีประสบการณ์เรื่องแบบนี้มาเยอะแล้ว เนื่องจากการใช้ความรุนแรงไม่ใช่แนวทางที่จะแก้ไขปัญหาของประเทศได้" นายสุเทพกล่าว     ขณะที่นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกพรรคพลังประชารัฐ  กล่าวว่า ตนไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง เพราะจะนำไปสู่ความขัดแย้งอีก หากการชุมนุมบานปลายใครจะรับผิดชอบ การกระทำของนายธนาธรเป็นการกระทำที่เห็นแก่ตัวที่สุด คำนึงถึงประโยชน์ของตัวเองเป็นหลัก บ้านเมืองสงบมานาน ประชาชนกำลังมีความสุข ยิ่งใกล้จะปีใหม่ ทำไมต้องมาเคลื่อนไหวอีก  พ.ร.บ.ชุมนุมโทษรุนแรง     "ที่ผ่านมาพรรคอนาคตใหม่นำปัญหาต่างๆ เข้าสู่การแก้ปัญหาในสภามาตลอด และคุณพรรณิการ์ก็ยืนยันตลอดว่าจะไม่มีการปลุกม็อบลงถนน แต่วันนี้คุณธนาธรกลับออกมาปลุกระดม ทำไมไม่หาทางแก้ต่างคดียุบพรรคที่ศาลรัฐธรรมนูญ การปลุกระดมมวลชนจะนำไปสู่ปัญหาเหมือนในอดีตที่จะทำให้บ้านเมืองเสียหาย อยากจะถามคุณธนาธรว่า ประชาชนไม่ได้รับความเสมอภาคตรงไหน ประชาชนไม่ได้รับความเป็นธรรมตรงไหน ประเทศเป็นของคนไทยทุกคน ไม่ใช่ของนายธนาธร หากจะทำให้ประเทศชาติเสียหาย ประชาชนคงไม่ยอม"     นายธนกรเชื่อว่า ลึกๆ ในใจประชาชนคงไม่ต้องการเห็นประเทศเสียหายจากการชุมนุมประท้วงเหมือนอดีตที่ผ่านมา ล่าสุดเราได้เห็นความเสียหายอย่างย่อยยับที่ฮ่องกงมาแล้ว ซึ่งตนเห็นยุทธศาสตร์การเคลื่อนไหวของพรรคอนาคตใหม่แล้วไม่สบายใจอย่างมาก ทุกอย่างเหมือนวางแผนมาอย่างเป็นระบบภายใต้ความเชื่อของคนแค่ 2-3 คน บ้านเมืองมีขื่อมีแป เราต้องเคารพกฎหมาย และการจัดชุมนุมดังกล่าวได้รับการอนุญาตถูกต้องหรือไม่      "วันนี้มี พ.ร.บ.ชุมนุมฯ โทษค่อนข้างแรง ไม่อยากเห็นประชาชนผู้บริสุทธิ์ต้องตกเป็นเหยื่อ เพราะสุดท้ายแกนนำม็อบมักจะไม่รับผิดชอบอะไรเลย ที่สำคัญในบริเวณดังกล่าวยังมีการจัดคอนเสิร์ต เสมือนจงใจจัดชุมนุมใกล้ๆ เพื่อโมเมว่าคนเข้าร่วมชุมนุมจำนวนมากหรือไม่ ส่วนการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญในคดียุบพรรคอนาคตใหม่นั้น ตนไม่ขอก้าวล่วง แต่ไม่อยากเห็นพรรคอนาคตใหม่ใช้มวลชนกดดันจนถูกมองว่ากดดันศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่" โฆษกพรรคพลังประชารัฐกล่าว     นายธันวา ไกรฤกษ์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคพลังประชารัฐ ระบุว่า จะไม่พูดว่าผู้นำการเคลื่อนไหว ณ ขณะนี้ถูกผิดหรือดีเลวอย่างไร แต่อยากฝากให้พิจารณากันเอง ซึ่งผู้ตัดสินใจไปม็อบส่วนใหญ่ อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น โดยรู้สึกว่ารัฐบาลชุดปัจจุบันไม่ดี ไม่มีความสุจริตมากพอจะอยู่ต่อไป เชื่อว่าการตัดสินใจดังกล่าวมาจากจิตสำนึกที่ดี และคงไม่มีใครอยากออกไปร่วม เพื่อทำร้ายประเทศชาติให้แย่ลงเป็นแน่          "หากแต่สิ่งที่ควรพิจารณาคือผู้นำและวิธีการนั้นยึดประโยชน์ส่วนตนหรือประโยชน์ส่วนรวม สังเกตได้จากพฤติกรรมที่แสดงออก เช่น การเอาโลโก้ของผู้อื่นมาดัดแปลงเพื่อใช้โปรโมตงานวิ่งไล่ลุง โดยไม่ขออนุญาตและไม่คำนึงถึงผลเสียที่บริษัทนั้นอาจได้รับ การจัดม็อบบนสกายวอล์ก โดยตั้งใจนัดเวลาเดียวกับงานคอนเสิร์ตของผู้อื่น เพื่อหวังตีกินมวลชน จนทำให้คอนเสิร์ตต้องเลื่อนเวลาออกไป การนำคำขวัญวันเด็กของนายกฯ ที่ตัดต่อโดยมิชอบมาโพสต์เชิญชวนคนร่วมม็อบ ทั้งที่รู้ว่าผิดกฎหมาย แต่ก็ยังติดแฮชแท็กท้าทายว่า กลัวที่ไหน ถึงจุดนี้แล้วคงไม่ต้องอธิบายให้มากความ เพียงอยากให้มองอย่างเป็นกลาง แล้วใช้หัวใจตัดสินว่า บุคคลเหล่านี้หรือ"         นายธันวาถามว่า ที่อ้างตนว่าจะเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงประเทศไปในทางที่ดีขึ้น หากมีความตั้งใจดีจริง เหตุใดจึงไม่ทำตัวให้เป็นแบบอย่างที่ดีแก่เยาวชน และชักชวนกันทำกิจกรรมที่สร้างสรรค์กว่านี้ ใช้ฮ่องกงโมเดล     นายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) กล่าวว่า เป็นปรากฏการณ์ทางการเมืองที่ดึงประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม โดยอาศัยพื้นที่ สถานที่ที่มีประชาชนคนจำนวนมากเดินทางมาที่สกายวอล์กในช่วงเย็นเพื่อเดินทางกลับบ้าน หรือไปตามห้างต่างๆ ในย่านนั้น โดยใช้บริการรถไฟฟ้าและรถยนต์ในย่านนั้นอยู่แล้ว     ซึ่งถึงแม้จะใช้เวลา 1 ชั่วโมงก็ตาม แต่มันทำให้เกิดภาพดูเหมือนมีคนมาร่วมชุมนุมตามที่เชิญชวนจำนวนมาก ซึ่งหากทำอย่างนี้หลายๆ ครั้ง ก็มีโอกาสจะดึงดูดคนจำนวนมากมาร่วมชุมนุมในคราวต่อๆ ไป หรือกิจกรรมอื่นที่จะทำต่อไป     "เชื่อได้ว่าต้องการพยายามสร้างมวลชนให้เหมือนฮ่องกง ที่ต่อไปจะควบคุมไม่อยู่ และจะบานปลายออกไป ซึ่งหวังว่าคงไม่บานปลายออกไปเช่นนั้น แต่มันแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เพราะคนฮ่องกงต่อสู้ในเรื่องการประท้วงต่อต้านร่างรัฐบัญญัติส่งผู้ร้ายข้ามแดนฮ่องกง พ.ศ.2562 ซึ่งเป็นประโยชน์ได้เสียของคนในประเทศ    แต่การเรียกมวลชนของคุณธนาธร เป็นเรื่องเรียกเชิญชวนประชาชนมารวมตัวเพื่อปกป้องในเรื่องส่วนตัวหรือพรรคของตัวเอง การตั้งใจเข้าร่วมชุมนุม ประชาชนคนไทยจึงต้องมีสติ ไตร่ตรองให้ดี"     นายเสรีเตือนว่า อย่าลืม อย่าไปทำผิด พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558 มิฉะนั้น หากไปทำผิดกฎหมายและถูกดำเนินคดีอีก ก็จะไปโทษว่าถูกกลั่นแกล้งอีก เว้นแต่ว่าจะตั้งใจให้ถูกดำเนินคดีก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ที่ผ่านมาบ้านเมืองไทยก็มีความยุ่งยากมากอยู่แล้ว     ส.ว.ผู้นี้ยังกล่าวว่า เหตุการณ์ที่ผ่านมาจากการชุมนุมของคนไทยที่แบ่งฝ่าย ออกมาต่อสู้กันเอง เป็นบทเรียนที่คนไทยใช้ชีวิตที่เจ็บปวด ทรมานอย่างแสนสาหัสมายาวนานนับสิบปี ในเรื่องของนายธนาธรหรือเรื่องของพรรคอนาคตใหม่ ก็หวังด้วยว่าจะไม่ทำให้คนไทยแตกแยก วุ่นวาย ต่อสู้กันเองเหมือนที่ผ่านมา และก็ไม่ควรจะทำให้ประชาชนและลูกหลานเราใช้ชีวิตที่ยุ่งเหยิง วุ่นวายเหมือนฮ่องกงหรือเหมือนกับสถานการณ์ในประเทศไทยที่ผ่านมา ก็ไม่ควรให้เป็นอย่างนั้น สิ่งสำคัญคือการกระทำของนายธนาธรและของพรรคอนาคตใหม่ที่เกิดขึ้นจนถูกกระบวนการการตรวจสอบ พิจารณาและตัดสิน เป็นเรื่องที่ทำตัวเองมาทั้งสิ้น     ผมไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะเป็นวันเริ่มต้นของความวุ่นวายในประเทศ หรือเป็นเพียงปรากฏการณ์เล็กๆ ของนักการเมืองคนหนึ่งที่กระทำการที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายที่ควบคุมนักการเมืองในเรื่องของการใช้เงินของนักการเมือง หรือของพรรคการเมืองเท่านั้น ต้องเข้าใจว่านักการเมืองทุกคนอาจล้มหายตายจากไป แต่ประเทศไทยและลูกหลานไทยคงต้องอยู่และเจริญเติบโตต่อไป     "ทุกคนต้องรับผิดชอบร่วมกัน ในการประคับประคองให้บ้านเมืองไทยเดินไปข้างหน้าต่อไป ด้วยการรักษาความปลอดภัยในชีวิต ทรัพย์สิน และความผาสุกของประชาชนคนไทยเป็นที่ตั้ง หากนายธนาธรต้องการทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวม ก็ควรยกเลิกการชุมนุมที่สกายวอล์กเสีย อย่าให้บานปลายออกไป จนกลายเป็นปัญหาที่สะท้อนกลับเข้าหานายธนาธรเอง" นายเสรีกล่าว "ศรีสุวรรณ"เตือนคุก6เดือน     นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย แสดงความเห็นเตือนนายธนาธรว่า ผู้เชิญชวนหรือนัดให้ผู้อื่นมาร่วมชุมนุมสาธารณะโดยไม่แจ้ง หน.สถานีตำรวจแห่งท้องที่ มีความผิดตาม ม.28 มีโทษปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท และ ม.27 จัดใกล้วังจำคุกไม่เกิน 6 เดือน     ด้านนายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย  โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ สอนธนาธร สุดท้ายเจอกันที่ถนน ชี้สุดท้าย "พ่อของฟ้า" ก็ไม่ต่างกับทักษิณหรือสุเทพ หวังใช้ฐานเสียงปัญญาชนคนรุ่นใหม่ออกมาช่วยต่อสู้     ท้ายสุด…เจอกันที่ถนน      ทุกครั้งที่การต่อสู้ในระบบรัฐสภาไม่ประสบความสำเร็จ นักการเมืองมักเลือกเอาวิธีอ้างประชาชน และมาประท้วงเรียกร้องที่ข้างถนน     การต่อสู้ในระบบไม่ได้ง่ายอย่างตอนหาเสียงไว้ เพราะรัฐสภาเป็นสถานที่ที่นักการเมืองใช้ตกลงกันด้วยวิถีทางการเมือง เมื่อตกลงกันไม่ได้ มีอยู่ 2 ทาง คือยุบสภา เลือกตั้งใหม่ ให้ประชาชนตัดสินว่าเอาไง? หรือลาออก รวบรวมเสียงเพื่อจัดตั้งรัฐบาลใหม่มาบริหารประเทศ     แต่นักการเมืองเมื่อสู้ในสภาไม่ได้ ก็มักเลือกไปสู้ที่ข้างถนน แทน อ้างว่าประชาชนเรียกร้องความยุติธรรม      ในอดีต มีทั้ง นปช. กปปส. ที่ล้วนเคยเป็นนักการเมืองในสภา แต่เมื่อไม่ประสบความสำเร็จ ก็เลือกใช้วิธีทางลัด     เมื่อคุณธนาธรและพรรคอนาคตใหม่เรียกร้องให้ฐานเสียงปัญญาชนคนรุ่นใหม่ ที่ตื่นเต้นกับความคิดก้าวหน้าออกมาต่อสู้      แต่ท้ายสุด วิธีการของคุณธนาธรก็ไม่ได้แตกต่างกับคุณทักษิณ ที่ใช้ฐานเสียงของคนรากหญ้า ผ่านร่างทรง นปช. หรืออย่างคุณสุเทพ ฮีโร่ กปปส. ที่ปลุกเร้าปิดล้อมท้องถนน เรียกร้องให้ทหารออกมา จนระบบการเมืองแปรสภาพติดบ่วงจนถึงทุกวันนี้     กลุ่มฐานเสียงของคุณธนาธรนั้นเป็นคนรุ่นใหม่ หากคุณธนาธรเลือกวิธีข้างถนน แล้วอ้างเอาแค่ความยุติธรรมของตัวเองเรื่องหุ้นสื่อ หรือเงินกู้พรรค ที่ถูกบีบคั้นนั้น       ผมเชื่อว่ายังห่างไกลกับการไปเล่นการเมืองข้างถนนมาก      หากจะให้ถึงขั้นเอาแบบ กปปส. ที่กล่อมคนมาเป่านกหวีด ปิดถนน เดินแห่ขอเงินบริจาคอย่างสุเทพนั้น ประเด็นมันต้องร้อนแรงต่อความรู้สึกของคนในสังคมมากกว่านี้     จะอ้างว่าพระเอกถูกกลั่นแกล้ง จึงขอมาสู้เคียงข้างประชาชน แสดงพลังข้างถนน         เรื่องอย่างนี้ยังไม่ขลังพอ แค่ได้แฟนคลับรุ่นใหม่ถ่ายเซลฟี ประเดี๋ยวประด๋าว และแยกย้ายกันกลับบ้าน     หากจะใช้ลีลาแบบนักการเมืองรุ่นพี่ คงต้องรอ รัฐบาลพลาด สะดุดขาตัวเองเสียก่อน อย่างนี้รอซ้ำได้เลย​ นอนอยู่บ้านเลี้ยงหมา     ส่วนนายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ นักวิชาการอิสระ อยู่ระหว่างการหลบหนีคดี แสดงความเห็นผ่านโซเชียลว่า อะไรคือสูตรสำหรับของการลงถนน คนจำนวนมากต้องรู้สึกร่วมกันถึงความอยุติธรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยเฉพาะความอยุติธรรมที่ส่งผลกระทบต่อพวกเขาโดยตรง      ตอนเสื้อแดงลงถนนเมื่อ 9 ปีก่อน นั่นไม่ใช่เป็นแค่เพราะพรรคที่เขารักถูกทำร้าย แต่เป็นเพราะเขาเห็นว่าเขาขาดตัวแทนที่เป็นปากเป็นเสียงให้เขา รวมถึงสวัสดิการที่เขาเคยได้รับมันได้หายไป เขาต้องการมันกลับคืนมา เรื่องประท้วงฮ่องกงเป็นตัวอย่างที่ดี ชาวฮ่องกงประท้วงเพราะรักษาสิทธิของตัวเอง กลัวว่าเสรีภาพที่มีอยู่จะถูกปักกิ่งแย่งไปทั้งหมด เมื่อไฟไม่ลามถึงตัว ไม่มีใครยอมเสียสละอย่างแท้จริง ลงถนนชั่วโมงหนึ่งทำได้ แต่จะลงถนนเพื่อเอาชนะ เราต้องการการเสียสละมากกว่านั้น      ถามตัวเองว่า ลงถนนวันนี้เพื่ออะไร ถ้าเพื่อปกป้องธนาธร ดิชั้นว่า คุณนอนอยู่บ้านเลี้ยงหมาต่อเถอะค่ะ เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น คุณกำลังทำให้การประท้วงมันถูก personalised เมื่ออเจนดามันแค่เรื่องปกป้องคนคนหนึ่งแต่อย่างเดียว มันเข็นไปได้ไม่ไกล แต่ถ้าคุณคิดว่า พอกันทีไอ้ประเทศเหี้- ประเทศที่มีระบบยุติธรรมเอาไว้เป็นกระดาษเช็ดตูด คุณลงถนนมาเลยค่ะ ลงแล้วต้องคิดว่าจะทำให้การประท้วงมันต่อยอดอย่างไร ทำให้มัน sustainable แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น มันไม่ง่าย ย้อนกลับไปอ่านข้างต้น สูตรสำเร็จนั้น ทุกคนต้องรู้ว่า มันส่งผลกระทบต่อเราโดยตรง แล้วต้องมีคนจำนวนมากพอที่คิดแบบนั้น      นายปวินชี้ว่า มิฉะนั้นมันจะจบในทำนองนี้ คือมาพบกัน ประท้วงชั่วโมงนึง สังสรรค์ ถ่ายรูปลงเฟซบุ๊ก ปั่น hashtag ชิงพื้นที่ในทวิตเตอร์ แล้วเฝ้ารอการปรากฏตัวของมหาวีรุบุรุษธนาธร ได้จับมือ ถ่ายรูปด้วย ด่ารัฐบาลนิดหน่อย พอครบ 1 ชั่วโมง แยกย้ายกันกลับไปดูละครช่อง 7 ต่อ และชีวิตในวันรุ่งขึ้นก็ยังเหมือนเดิม ดิชั้นขอมากกว่านั้นค่ะ     นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล เป็นนักกิจกรรมนักเรียนนักศึกษา และนิสิตคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความลงบนทวิตเตอร์ว่า "ประเทศไทยยังจะอยู่ในอำนาจนิยมอีกสักระยะ ผมไม่คิดว่าพรุ่งนี้ไปให้กำลังใจคุณธนาธร แล้วพรรคจะไม่ถูกยุบ ไม่ใช่ และไม่ควรคิดด้วย เพราะสุดท้ายไม่ตามหวังเราก็จะหดหู่ซึมเซา ยอมแพ้ เราควรถือว่าพรุ่งนี้เป็นการริเริ่ม ไม่ใช่โดยธนาธร แต่โดยประชาชนที่จะปกป้องกัน เลิกหาฮีโร่มาเซฟ แต่เป็นทุกคน"     เฟซบุ๊ก “ฟอร์ด เส้นทางสีแดง” ของนายอนุรักษ์ เจนตวนิชย์ กลุ่มคนเสื้อแดง โพสต์ว่า "พรุ่งนี้​สังคมไทยจะได้เห็นว่าธนาธรและชาวอนาคตใหม่มีกึ๋นแค่ไหน​ การจัดชุมนุมบน​ Skywalk​ นอกจากจะอยู่ในรัศมี​ 100 ม.ใกล้วังสระปทุมห้ามชุมนุมทางการเมืองแล้ว ยังมีกฎหมายห้ามพรรคการเมืองจัดชุมนุม​ทางการ​เมืองอีก​ ผมไม่รู้ว่า ทางพรรคทำการบ้านมาก่อนหรือไม่ แต่พรุ่งนี้​จะชวนเพื่อนนักเคลื่อนไหว​ไปให้กำลังใจพรรคอนาคตใหม่​ #เวลาของคุณในสภามันหมดแล้ว​ #หากคุณเป็นนักต่อสู้คุณต้องลงถนนเรียกหาความยุติธรรม งานดนตรีต้องย้ายหนี      ก่อนหน้านี้ ฟอร์ด เส้นทางสีแดง ระบุว่า "ชาวอนาคตใหม่กำลังถูกปรามาสจากนักเคลื่อนไหว​ว่าพวกคุณไม่มีความเป็นนักต่อสู้​ เก่งแต่จิ้มแป้นในโซเชียล​ ติดแฮชแท็กแต่ไม่กล้าลงถนน​ หัวหน้าพรรคโดนตัดสิทธิ์​ทางการเมือง พรรคของคุณ​ใกล้จะโดนยุบ ​แต่ไม่กล้าออกมาต่อสู้​ พรุ่งนี้​ผมจะรอดูว่าอุดมการณ์​ของพวกคุณ​มีแค่ไหน​ ความเป็นนักต่อสู้ของคุณมีไหม หากมาไม่ถึง​ 2,000​ คุณไม่ต้องทำอะไร ปล่อยให้เขายุบพรรคคุณไปเถอะครับ"     ทั้งนี้ จากกรณีที่นายธนาธรเชิญชวนประชาชนออกมาชุมนุมในเวลา 17.00 น. วันที่ 14 ธ.ค. ที่สกายวอล์ก สี่แยกปทุมวันนั้น เฟซบุ๊ก cocacolaTH ซึ่งเป็นผู้จัดงาน Siam Music Fest 2019 ได้โพสต์ข้อความว่า ทางทีมงานขอแจ้งให้ทราบว่า จากการประเมินสถานการณ์ขณะนี้ Coca-Cola presents Siam Music Fest 2019 จะจัดขึ้นตามเดิมในวันและเวลาที่ได้ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ โดยจะมีการเลื่อนเวลาร่วมกิจกรรม Guinness World Records ในวันที่ 14 ธ.ค.2519 เป็นเวลา 14.00-16.00 น. โดยผู้ร่วมงานจะได้รับการอำนวยความสะดวก และมีการรักษาความปลอดภัยในงานอย่างดี ทั้งนี้ หากมีการเปลี่ยนแปลง เราจะแจ้งผ่านทาง Facebook อีกครั้ง          เดิม Coca-Cola จัดกิจกรรม โค้กเปลี่ยนสยามให้กลายเป็นเทศกาลดนตรีทุบสถิติโลก ไปกับ Guinness World Records ใน Coke Siam Music Festival 2019 ในวันที่ 14 ธ.ค. ที่สยามสแควร์ ซอย 5 ตั้งแต่ 16.00 น. เป็นต้นไป     ขณะที่ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า สน.ปทุมวันยังไม่ได้รับแจ้งคำร้องจากผู้ที่เกี่ยวข้องในการจัดการชุมนุม ตามขั้นตอนของ พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ 2558 แต่อย่างใด โดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร.(มค.) ให้ลงไปกำกับดูแลความสงบเรียบร้อยในเรื่องนี้ พร้อมตรวจสอบถึงการจัดกิจกรรมทางการเมืองดังกล่าวว่ามีการกระทำความผิดตามกฎหมายใดหรือไม่ หากมีการละเมิดกฎหมายบ้านเมือง ก็ให้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป     อีกทั้ง บช.น.และ บช.ส. ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบ ออกสืบสวนหาข่าวและดูแลจัดการจราจร ดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน นักท่องเที่ยวในบริเวณพื้นที่ดังกล่าว     รอง โฆษก ตร.กล่าวต่ออีกว่า ขอฝากเตือนฝ่ายที่จัดกรรมดังกล่าว ขอให้คำนึงถึงการกระทำภายใต้กรอบกฎหมายทุกมิติในภาพรวม อย่าไปลิดรอนหรือกระทบสิทธิของผู้อื่น ไม่ฝ่าฝืน ละเมิดกฎหมายบ้านเมือง หรือสร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชน นักท่องเที่ยวรายอื่น อีกทั้งผู้ที่คิดจะกระทำความผิดหรือฝ่าฝืนกฎหมายบ้านเมือง หากเจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนพบการกระทำความผิดแล้ว ก็จะทำการรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องและดำเนินคดีตามกฎหมายตามขั้นตอนต่อไป ส้มหวานแน่นสกายวอล์ก     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงบ่าย เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจจาก สน.ปทุมวัน, สน.มีนบุรี และ สน.คลองตัน รวมถึงชุดอารักขาและควบควมฝูงชน ชาย 1 กองร้อย และอารักขาและควบคุมฝูงชนหญิง (กองร้อยน้ำหวาน) 1 หมวด ได้พักคอยที่อาคารนิมิบุตร เพื่อรับมือการเผชิญเหตุหากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น     สำหรับบรรยากาศการชุมนุม เมื่อเวลา 15.30 น. บริเวณสกายวอล์กแยกปทุมวัน กลุ่มมวลชนได้ทยอยเดินทางมารวมตัวบนทางเดินสกายวอล์กบริเวณสี่แยกปทุมวันตั้งแต่ช่วงบ่าย เพื่อรอการปรากฏตัวของนายธนาธรที่ได้นัดหมายผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย เรียกร้องให้ประชาชนออกมาชุมนุมระยะสั้น หรือแฟลชม็อบ ตั้งแต่เวลา 17.00-18.00 น. ซึ่งการนัดชุมนุมดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ส่งคำร้องยุบพรรคอนาคตใหม่ ให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกรณีกู้ยืมเงิน จำนวน 191 ล้านบาท     โดยมวลชนที่มารวมตัวกันตั้งแต่ช่วงบ่ายก่อนเวลานัดหมายยังคงเป็นกลุ่มคนสูงวัย โดยผู้ที่มาถึงก่อนต่างจับจองพื้นที่นั่งพูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นต่อสถานการณ์บ้านเมือง มีการชูแผ่นป้ายข้อความต่างๆ เช่น “ผมมาจากโลกออนไลน์”, “กฎหมายที่ปราศจากความยุติธรรม”      อีกทั้งมีการแจกป้ายแสดงสัญลักษณ์ให้ประชาชนที่เดินผ่านไปมา บางคนก็ถือโอกาสถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกับอาคารสถานที่ โดยเฉพาะบริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าที่มีการตกแต่งพื้นที่เพื่อต้อนรับเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ส่วนประชาชนและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการชุมนุมยังสามารถสัญจรไปมาบนสกายวอล์กได้ตามปกติ     ต่อมาเวลา 16.00 น. น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ ได้เดินทางมาถึงพื้นที่ชุมนุม และเข้าทักทายพูดคุยกับผู้ชุมนุม อีกทั้งยังเปิดโอกาสมวลชนร่วมถ่ายรูป     นอกจากนี้ ทางมวลชนยังได้นำพัดและปฏิทินที่มีรูปสัญลักษณ์ นายทักษิณ ชินวัตร และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มาชูเพื่อแสดงสัญลักษณ์ของกลุ่มคนเสื้อแดงที่เข้ามาร่วมชุมนุมในครั้งนี้อีกด้วย อีกทั้งยังมีการตะโกนให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกจากตำแหน่ง     จนกระทั่งเวลา 17.00 น. นายธนาธรและนายปิยบุตร แสงกนกกุล ส.ส.และเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ เดินทางมาถึง ท่ามกลางเสียงต้อนรับจากประชาชนอย่างคับคั่ง โดยนายปิยบุตรเริ่มขึ้นปราศรัยให้กำลังใจประชาชนที่เดินทางมาชุมนุม พร้อมโจมตีรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ว่าอยู่มา 5 ปี เขียนรัฐธรรมนูญสืบทอดอำนาจ ตั้งรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ ระบบรัฐสภาพังพินาศจากการซื้องูเห่า แจกกล้วย วันนี้คือจุดเริ่มต้นแสดงพลังให้รู้ว่าประชาชนคือผู้ทรงอำนาจ เห็นหัวประชาชนบ้าง เราร่วมกันสู้เพื่ออนาคตของคนไทยทุกคน ปัญหาทุกอย่างแก้ไม่ได้ ถ้ารัฐธรรมนูญและรัฐบาลชุดนี้ยังอยู่ เดือนหน้าลงถนน     นายธนาธรขึ้นปราศรัยถัดมา โดยขอให้ประชาชนส่งเสียงให้ประชาชนจังหวัดต่างๆ ที่ชุมนุมคู่ขนานอยู่ พร้อมระบุว่า วันนี้เห็นชัดแล้ว ไม่ใช่แค่กรุงเทพฯ แต่มีหลายจังหวัด พร้อมลุกฮือส่งเสียงถึงผู้มีอำนาจว่ากลัวที่ไหน เขาทำให้เรากลัวทุกวัน จับยัดคดี ปรับทัศนคติ แต่ถ้าเราลุกขึ้นต่อสู้ด้วยความหวัง เขาไม่มีทางเอาชนะความหวังของประชาชนได้ เราไม่ได้มาสร้างความเดือดร้อนวุ่นวาย เรามาแสดงพลัง ไม่ทน ไม่ถอยกับระบอบเผด็จการ ถ้าไม่ลงถนนไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะมีเยอะเกิน     หลังนายธนาธรกล่าวประโยคนี้ ประชาชนได้ตะโกนเชียร์ให้ลงถนนเลย นายธนาธรจึงกล่าวตอบว่า เดือนหน้าได้ลงแน่ๆ ไม่ต้องรีบร้อน เขาทำให้พวกเรากลัว เกลียดชังกัน ขัดแย้งกัน เพื่อเป็นข้ออ้างการรัฐประหาร เขากล่าวหาเราว่าชังชาติ แต่เรามาอยู่ที่นี่ไม่ได้ชังชาติ เรารักประชาชน และขอให้ส่งเสียงว่า ประชาธิปไตยจงเจริญ เผด็จการออกไป เมื่อนายธนาธรกล่าวเช่นนี้ประชาชนก็ได้กล่าวตามนายธนาธรหลายครั้ง     ด้าน น.ส.พรรณิการ์ปราศรัยว่า เขาบอกว่าเราเก่งแต่โลกออนไลน์ แต่วันนี้พี่น้องมากันเต็มแล้ว ไม่ใช่เพราะพรรคอนาคตใหม่หรือนายธนาธรปลุกปั่น แต่เราไม่ทนกับรัฐบาลที่ไม่มีประสิทธิภาพ วันนี้อยู่บนสกายวอล์ก วันหน้าลงถนนจะเต็มกว่านี้ แน่นกว่านี้ อย่าให้ใครดูถูกว่าเราเก่งแต่ปาก เก่งแต่ออนไลน์ เราไม่มีกองทัพไซเบอร์ มีแต่ประชาชนเจ้าของประเทศ บอกว่าคนมีอำนาจสูงสุดคือประชาชน     ส่วนนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.และแกนนำพรรคอนาคตใหม่ ปราศรัยว่า เรามารวมตัวกันเป็นสัญลักษณ์สันติ ไม่ได้มาปกป้องใคร บอกถึงความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน ความยุติธรรมต้องมี ความยุติธรรมอยู่ฝั่งเดียว ไม่ได้เราขอแค่นั้น     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนายธนาธรและแกนนำพรรคปราศรัยเสร็จสิ้น โดยใช้เวลาปราศรัยประมาณ 30 นาที ก่อนกระจายตัวไปพบปะพูดคุยกับประชาชนตามจุดต่างๆ อย่างใกล้ชิด และเคารพธงชาติร่วมกันในเวลา 18.00 น. จากนั้นได้แยกย้ายกันกลับ      โดยในกิจกรรมแฟลชม็อบครั้งนี้ มีผู้สนับสนุนมากกว่า 1,000 คน กระจายตัวเป็นแถวยาวตั้งแต่ทางขึ้นสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีสนามกีฬาแห่งชาติ ห้างโตคิว ห้างมาบุญครอง ยาวไปจนถึงห้างสยามดิสคัฟเวอรี่ ทั้งนี้ ได้มีประชาชนบางกลุ่มประจันหน้ากับกำลังตำรวจบริเวณหน้าห้างโตคิว พร้อมตะโกนบอกว่า “ตำรวจมาทำไม การชุมนุมเป็นสิทธิ์ที่ประชาชนพึงกระทำได้” อีกทั้งยังมีการใช้ถ้อยคำหยาบคายกับกลุ่มเจ้าหน้าที่ ซึ่งสร้างความตึงเครียดกับกิจกรรมในครั้งนี้ ขณะที่ตำรวจไม่ได้ตอบโต้อะไร เพียงแต่ยืนจ้องมองเท่านั้น     พล.ต.ต.เมธี รักพันธุ์ ผบก.น.6 ได้เดินเข้าตรวจความเรียบร้อยในห้างโตคิว ก่อนเปิดเผยว่า ขณะนี้ตำรวจยังไม่ดำเนินการแจ้งข้อหากับแกนนำพรรคอนาคตใหม่ แต่ได้สั่งให้ยุติการจัดกิจกรรมที่ไม่ได้รับอนุญาตในทันที ทั้งนี้ หากไม่หยุดการชุมนุม เจ้าหน้าที่จะดำเนินการตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะต่อไป     พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม ในฐานะโฆษกฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงกรณีการจัดกิจกรรมแสดงความคิดเห็นทางการเมืองในที่สาธารณะว่า ถือเป็นเรื่องปกติในวิถีประชาธิปไตย ที่เราต่างต้องรับฟังและเรียนรู้ร่วมกันไป และเชื่อว่าหัวหน้าพรรคการเมืองที่จัดมีวุฒิภาวะและความรับผิดชอบต่อสังคมเพียงพอ ที่จะไม่สร้างปัญหายั่วยุให้เกิดความขัดแย้งทางสังคมหรือกระทำการใดๆ ที่ขัดต่อหลักกฎหมาย ซึ่งเราทุกคนต่างได้รับบทเรียนจากอดีตและความเสียหายที่เกิดขึ้นร่วมกันมาแล้ว     “ขอยืนยันถึงเจตนาและความตั้งใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐทุกฝ่ายร่วมกัน ในการทำหน้าที่ดูแลประชาชนส่วนใหญ่มิให้ได้รับผลกระทบต่อสิทธิเสรีภาพและมีความปลอดภัยภายใต้กรอบกฎหมาย โดยเฉพาะไม่ต้องการให้มีการเผชิญหน้า หรือใช้ความรุนแรงกันในทุกกรณี จึงขอให้ประชาชนเชื่อมั่นและไว้ใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐ” พล.ท.คงชีพกล่าว     พล.ท.คงชีพกล่าวต่อว่า ในภาพรวมฝ่ายความมั่นคงยังมีความกังวลอยู่บ้าง หากมีการปลุกปั่น ยั่วยุ รวมทั้งการนำเสนอข้อมูลด้านเดียวหรือไม่ครบถ้วน ทั้งในพื้นที่ชุมนุมหรือในสังคมออนไลน์ โดยเฉพาะการเผยแพร่ข่าวปลอม ซึ่งผิดกฎหมายและที่มีมากขึ้นในปัจจุบัน จึงขอให้ประชาชนร่วมกันเตือนสติ และใช้วิจารณญาณ ไตร่ตรองข้อมูลที่ได้รับอย่างรอบด้านและเท่าทัน เพื่อมิให้ตกเป็นเหยื่อหรือเครื่องมือของบุคคลใด ยั่วยุให้เกิดความแตกแยกสามัคคีกันดังเช่นอดีต.     

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0