เทศกาลสำคัญทางพระพุทธศาสนา อย่าง วันเข้าพรรษา จะเวียนมาบรรจบอีกครา ซึ่งนอกจากจะมีความสำคัญต่อพุทธศาสนิกชนได้ไปทำบุญชำระล้างจิตใจแล้ว พุทธศาสนิกชนยังงดเว้นอบายมุขต่าง ๆ ในช่วงนี้ บางคนก็จะไปบำเพ็ญทาน รักษาศีลฟังธรรม และเจริญภาวนากันดังเช่น 4 เซเลบริตีสายบุญของเมืองไทย ที่ปวารณาตนอยู่ใต้บวรพระพุทธศาสนาอย่างเคร่งครัด บางคนก็ลาสิกขาบทเพื่อตั้งใจศึกษาพระธรรมคำสอนนานถึง1พรรษา ในขณะที่ อีกหลายคนต่างตั้งใจศึกษาหลักพระธรรมคำสอนของพระพุทธศาสดาอย่างเคร่งครัด ยามใดที่ว่างเว้นจากการทำงาน ก็จะพาหัวใจอันเหนื่อยหล้าไปเติมพลังบุญให้กับตัวเองอยู่เสมอ
หลังจากที่ได้ศึกษาและเรียนรู้พระธรรมด้วยตัวเอง มากว่า 20 ปี หมู-พัฒพงษ์ ธนวิสุทธิ์ ก็ซาบซึ้งในรสพระธรรมมุ่งสู่ร่มกาสาวพัสตร์ครองผ้าเหลืองศึกษาพระธรรมวินัยอย่างจริงจังถึง 1พรรษาเมื่อปีที่ผ่านมา แม้ว่าจะสึกออกมาใช้ชีวิตปกติแล้วก็ตาม หากแต่ยังคงยึดหลักพระธรรมคำสอนมาจรรโลงจิตใจของตัวเอง เพื่อไม่ให้เกิดกิเลสไปกับคำว่า “หลงสุข” อีกต่อไป“ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมศึกษาและปฏิบัติด้วยตัวเองมาโดยตลอด และเมื่อมาถึงจุดหนึ่งเรายังรู้สึกว่าสิ่งที่เราเรียนรู้มามันยังไม่ถึงที่สุด ผมจึงตัดสินใจบวชเพื่อศึกษาพระธรรมเพื่อให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ และผลจากการศึกษาพระธรรมตลอดสามเดือนนั้น ทำให้เราได้ค้นพบสัจธรรมที่ว่า หลงสุข เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา ปากเรามักพูดว่าเราพอแล้ว เราปล่อยวางแล้ว แต่เมื่อไปปฏิบัติธรรมอย่างจริงจังจะรู้เลยว่า เรายังมีกิเลสติดกับคำว่าหลงสุขอยู่ ดังนั้น เราจึงต้องใช้สติปัญญา พิจารณาชีวิตตัวเองอย่างมีสติไม่ให้ไปหลงสุขที่อยู่เบื้องหน้า เพราะในโลกใบนี้ไม่มีอะไรแน่นอน สักวันเราต้องแก่ เจ็บ และตาย ดังนั้น เราจึงต้องใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาท มีสติเป็นตัวกำหนดทุกการกระทำอยู่เสมอ”ทุกวันนี้แม้ภารกิจทางโลกที่ยังต้องรอให้เขามาสะสางและดำเนินการต่อ แต่ หมู-พัฒพงษ์ ก็ยังคงเดินหน้าปฏิบัติธรรมและเจริญสมาธิ ด้วยตัวเองภายในบ้านอยู่เนืองๆ
“ทุกคืนพี่จะต้องนั่งสมาธิเพื่อเจริญสมาธิเป็นประจำ เพราะเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้เราเพ่งอยู่กับการลดละเลิกกิเลสตัณหา ที่เข้ามามอมเมาจิตใจของเรา และเมื่อเรามีสมาธิเป็นที่ตั้งแล้ว ปัญญาก็จะเกิดว่าสิ่งใดควรทำและไม่ควรทำ เมื่อเราปฏิบัติธรรมแล้วพบกับหนทางปฏิบัติที่ดีได้แล้ว พี่ก็จะเริ่มปฏิบัติไปอีกสเต็บหนึ่ง แต่สิ่งเหล่านี้ยังคงเป็นเรื่องที่อุบไว้ในหัวใจพี่ก่อน”นอกจากนี้ หมู-พัฒพงษ์ ยังอาสาเป็นฟันเฟืองเล็กๆ เผยแพร่พระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธศาสดา ด้วยการเปิดคอร์สปฏิบัติธรรมหลักสูตรระยะสั้น ให้กับผู้ที่อยากค้นหาสัจธรรมให้กับชีวิตอีกด้วย“ตอนนี้พี่เปิดเฟสบุ๊กชื่อ I Love ธรรมะ เพื่อให้คนที่สนใจอยากปฏิบัติธรรมและเจริญสมาธิมาร่วมปฏิบัติด้วยกัน โดยการสอนธรรมะของพระสงฆ์และฆราวาส มีความแตกต่างกัน พระสงฆ์จะสอนผู้ที่ต้องการใฝ่ธรรมะทุกคน ไม่ได้เลือกว่าเป็นนรกหรือสวรรค์ หากแต่การสอนแบบฆราวาสหรือการสอนแบบที่พี่เปิดสอนอยู่ ธรรมะจะคัดสรรผู้ที่พร้อมสำหรับการศึกษาพระธรรมมาแล้วในระดับหนึ่ง และการเรียนภายในคลาส ผู้เรียนทุกคนนอกจากจะได้ค้นพบสัจธรรมของชีวิตแล้ว ยังจะได้ฝึกการเจริญสมาธิ เพื่อให้เกิดปัญญา และนำไปเป็นหลักยึดในการดำเนินชีวิตอย่างไม่ประมาทต่อไป”
ด้านเซเลบสาวสวยอดีตมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส “ไข่มุก-ชุติมา ดุรงค์เดช” ที่เริ่มหันมาศึกษาธรรมะเพื่อขัดเกลาจิตใจตั้งแต่อายุเพียง 15 ปี โดยเริ่มจากชวนคุณแม่เข้าวัดฟังธรรมและไปนั่งวิปัสสนาเจริญสมาธิ และผลลัพธ์ที่ได้คือ ทำให้เธอมีผลการเรียนดีอย่างต่อเนื่อง และมีสติในการใช้ชีวิตมากขึ้น“ตอนมุกเป็นเด็กมักจะมีคำถามอยู่ตลอดเวลาว่า อะไรที่ทำให้เราเป็นทุกข์ ทั้งๆ ที่ตอนเป็นเด็กก็เที่ยวและใช้ชีวิตเหมือนเด็กทั่วไป แต่พอเที่ยวกลับมาเราก็ยังเป็นทุกข์เหมือนเดิม ดังนั้น มุกจึงเริ่มชวนคุณแม่เข้าวัดฟังเทศน์ทำบุญวิปัสสนา และตอนนั้นสิ่งที่เราเห็นชัดขึ้นคือ มีผลการเรียนดีมาก และเมื่อเราเริ่มโตมาอีกสักหน่อย เราก็จะเจอปัญหากับคน ซึ่งในโลกใบนี้มีทั้งคนรักและคนชัง สิ่งเหล่านี้มากระทบจิตใจเราตลอด มุกจึงเริ่มศึกษาธรรมะจากคอลัมน์ต่างๆ ตามแมกกาซีน และทำให้เราเริ่มเห็นว่า ชีวิตเราจะมีความสุขที่แท้จริงได้ คือต้องเริ่มจากการรักษาศีล5 คิดดี ทำดี ถ้าทำดีแล้วใจยังหนักอยู่ แสดงว่ายังไม่บริสุทธิ์ในการทำความดี เพราะถ้าเราทำดีด้วยศีลบริสุทธิ์ เมื่อเราทำแล้วจิตใจก็จะเบา ปล่อยวางและไม่หวังผลจากการทำความดี”เมื่อเริ่มหันมาศึกษาธรรมะอย่างจริงจังแล้ว การอ่านแต่เพียงในตำราคงไม่เพียงพอ ดังนั้น เธอจึงมุ่งหน้าสู่ทางธรรมอย่างเต็มกำลัง ด้วยการไปปฏิบัติธรรมกับสถานปฏิบัติธรรมต่างๆ ที่เจ้าตัวศรัทธา“สถานปฏิบัติธรรมที่แรกที่มุกไปคือ ศูนย์ปฏิบัติธรรม มูลนิธิคุณแม่ ดร.สิริ กรินชัย เป็นการสอนที่เน้นการปฏิบัติตามแนวสติปัฏฐานสี่ เพื่อพัฒนาจิตของผู้ปฏิบัติให้เกิดปัญญา การเห็นความจริงและเกิดความสันติสุขแก่ชีวิต ครอบครัว เน้นการเดินจงกรม นั่งสมาธิ กำหนดอิริยาบถใหญ่ และย่อย โดยใช้คำบริกรรมภาวนา พอง ยุบ และหนอ สถานที่ที่ 2 ไปศึกษาที่ศูนย์วิปัสสนาธรรมของ ดร.สัตยา นารายัน โกเอ็นก้า ซึ่งมีสาขาอยู่ทั่วโลก และที่ประเทศไทยมีอยู่ 4 จังหวัดด้วยกันคือ พิษณุโลก ปราจีนบุรี กาญจนบุรี และเชียงใหม่ โดยแต่ละแห่งนั้นบรรยากาศก็ไม่เหมือนกัน ซึ่งสถานปฏิบัติธรรมของพระอาจารย์โกเอ็นก้านั้น จะเน้นการสอนอีกระดับหนึ่ง ซึ่งเน้นเรื่องวิปัสสนาเจริญสมาธิโดยเฉพาะ โดยการฝึกแบบวิปัสสนานี้จะให้เราฝึกการรับรู้เวทนาภายในร่างกายของเรา ให้ทั่วทั้งร่างกายทั้งภายนอกและภายใน จุดประสงค์ก็คือ เพื่อการดับกิเลสอย่างสิ้นเชิง และสถานที่สุดท้ายคือ สถานปฏิบัติธรรมบ้านธรรมทาน จ.พิษณุโลก สถานที่แห่งนี้เหมาะสำหรับคนในวัยทำงานที่มีเวลาน้อย เพราะเขาเปิดสอนเป็นคอร์สระยะสั้น เพราะที่นี่ผู้สอนจะเป็นฆราวาสที่เคยปฏิบัติธรรมมาแล้ว จะเน้นในเรื่องปฏิบัติเจริญสติและความรู้สึกตัวในชีวิตประจำวัน เพราะเวลาเราทำงานมักจะพบเจอเหตุการณ์ต่างๆ มากระทบจิตใจเราอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น ถ้าเรารู้หลักความมีสติ รู้สึกตัวตลอดเวลา ก็จะทำให้เราไม่มีความขุ่นมัวทางอารมณ์ได้อีก”ไข่มุก ยอมรับว่าสถานปฏิบัติธรรม ก็ไม่ต่างอะไรจากโรงเรียนกวดวิชา เพราะในชีวิตของมนุษย์ทุกคน ล้วนมีปัญหาให้ต้องเรียนรู้และแก้ไขอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น สถานปฏิบัติธรรมจะทำให้เราเห็นอีกมุมหนึ่งของชีวิต สอนให้เราปล่อยวางมากขึ้น ถ้าเราให้หัวใจเปิดรับธรรมะเข้ามาในชีวิตมากขึ้น ชีวิตของเราก็จะพบแต่ความสุขและหนทางของการพ้นทุกข์ปัจจุบันเธอและครอบครัวได้เดินสายทำบุญ อาสาเป็นสะพานบุญด้วยการพาพนักงานทั้งบริษัทไปปฏิบัติธรรมที่บ้านธรรมทาน จ.พิษณุโลก เพื่อให้ทุกคนรู้เท่าทันสติของตัวเอง รวมทั้งร่วมทำบุญสมทบทุนการศึกษาสร้างอุโบสถ และทุนการศึกษาให้แก่พระภิกษุทั่วประเทศ โดยทำบุญผ่านวัดพระราม9 กาญจนาภิเษก
นอกจากนี้ ยังมีเซเลบสายบุญอีกหลายคน ที่แสวงหารสพระธรรม อย่าง เซเลบสาวใหญ่ ทิปปี้-สุพรทิพย์ ช่วงรังษี ที่ระยะหลังมักใช้ธรรมะเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ เพราะที่ผ่านมาเจ้าตัวได้เดินทางไปแสวงบุญไกลถึงธิเบต ได้เข้านมัสการองค์ดาไลลามะ แถมยังเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อปราโมทย์ เจ้าอาวาสวัดสวนสันติธรรม ที่ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ซึ่งพระอาจารย์ปราโมทย์ เป็นพระนักธรรมตรี, ศึกษาอานาปานสติตามคำสอนของท่านพ่อลี ธัมมธโร ตั้งแต่ 2502 ศึกษากรรมฐานจากครูบาอาจารย์สายวัดป่าหลายรูป ซึ่งทิปปี้ได้นำหลักคำสอนของพระอาจารย์ที่ว่า “โลกนี้ไม่มีใครใหญ่เกินกรรม กรรมเท่านั้นเป็นตัวกำหนด แต่อย่าจำนนต่อกรรม ให้หมั่นสร้างกรรมดีทุกขณะ บุญสูงสุดคือการเจริญภาวนา หาใช่วัตถุทาน”
ขณะที่ สองสามีภรรยาเซเลบ “ม.ล. พลอยนภัส-อภิชาติ ลีนุตพงษ์” แห่งเครือชาริช โฮลดิ้ง ซึ่งปวารณาตัวว่าจะประพฤติตนเป็นผู้คิดดี ทำดี โดยเฉพาะ นัท-อภิชาติ นั้น เป็นผู้ฝักใฝ่ในธรรมะเป็นอย่างยิ่ง ทุกวันเกิดหรือเทศกาลสำคัญ ทั้งคู่จะนิมนต์พระอาจารย์คึกฤทธิ์ จากวัดนาป่าพง มาแสดงพระธรรมเทศนาให้ตนเองและกัลยาณมิตรฟังเป็นประจำ เพื่อเติมอาหารให้จิตใจและใช้ชีวิตอยู่บนความไม่ประมาท อีกทั้ง ทุกเช้าและก่อนนอนทั้งคู่ก็จะฟังพุทธวจน อันเป็นธรรมคำสอนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ เพื่อให้ชาวพุทธได้ศึกษาเเละนำมาปฏิบัติให้ถึงความพ้นทุกข์ ถ่ายทอดด้วยสำนวนภาษาอ่านง่าย ให้ข้อคิดอันหลากหลาย ซึ่งสามารถนำมาปรับใช้ในการดำเนินชีวิตได้เป็นอย่างดี เป็นประจำทุกวันไม่เคยขาด
