เช้าวันที่ 9 ธ.ค. 62 เวลาประมาณ 07.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ หนองโดน จ.สระบุรี ได้รับแจ้งเหตุจากชาวบ้านว่า พบรถเก๋งโผล่อยู่กลางคลองน้ำชัยนาท -ป่าสัก หมู่ 1ต.หนองโป่ง อ.หนองโดน จ.สระบุรี คาดว่าภายในรถน่าจะมีร่างผู้เสียชีวิต
พ.ต.ท.ณัฏฐวร กันธายอด สารวัตรสอบสวน สภ.หนองโดน พร้อม พ.ต.อ.ศักดิ์สิทธิ์ วิเชียรสรรค์ รอง ผบก.ภ.จว.สระบุรี กองพิสูจน์หลักฐานสระบุรีและอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู เข้าตรวจสอบ พบรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อนิสสัน รุ่นพัลซ่าร์ สีขาว ทะเบียน 4กฐ 6348 กรุงเทพ ล้อด้านหลังโผล่เหนือน้ำสภาพหงายท้องอยู่กลางคลองน้ำ ตัวรถจมอยู่ในน้ำ ภายในรถเต็มไปด้วยดินโคลน กระจกหน้าด้านซ้ายและกระจกประตูหลังด้านซ้ายแตก มีตะไคร่น้ำจับด้านตัวถังรถและหลังคายุบ เจ้าหน้าที่ต้องใช้รถยกลากขึ้นมาเนื่องจากเป็นทางลาดชัน ใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมง จึงลากขึ้นมาได้ จากการตรวจสอบภายในรถพบท่อนกระดูกขัดอยู่ที่เบาะหน้าซ้าย คาดว่าน่าจะเป็นชิ้นส่วนของมนุษย์ นอกจากนี้ยังพบชิ้นส่วนต่างๆ ห่อผ้าปูที่นอนลายดอกไว้ มีกะโหลกศีรษะ ซี่โครง และส่วนอื่นๆ ของร่างกาย
พ.ต.ท ณัฐวร กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบ เจ้าของรถคือ นางสาวกลิ่นเกสร วงษ์สิงห์ อายุ 36 ปี ส่วนโครงกระดูกที่พบอยู่ระหว่างตรวจสอบ โดยมีการประสานญาติของเจ้าของรถ ซึ่งนางลั่นทม วงษ์สิงห์ อายุ 56 ปี ผู้เป็นแม่ เดินทางมาจากจังหวัดลพบุรี ได้มาถึงจุดเกิดเหตุ พร้อมทั้งให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
พ.ต.อ.ศักดิ์สิทธิ์ เปิดเผยว่า เบื้องต้นจากการสอบถามญาติ ทราบว่า น.ส.กลิ่นเกสร มีอาชีพเป็นเซลล์ขายปุ๋ย บริษัทผลิตปุ๋ยแห่งหนึ่ง นอกจากนั้นยังเป็นเจ้าของร้านขายสเต๊ก และร้านเช่าชุดไทยที่ตลาดอ.พระพุทธบาท ก่อนหายตัวไปบอกครอบครัวว่าจะไปนอนที่บริษัท จากนั้นก็หายตัวไปพร้อมกับรถยนต์ตั้งแต่วันที่ 12 พ.ย.2559 ครอบครัวแจ้งความคนหายไว้ สภาพศพที่พบมีผ้าปูที่นอนมัดร่างอยู่ เชื่อได้ว่าเป็นการฆาตกรรมอำพราง
อย่างไรก็ตาม ญาติผู้ตายเชื่อว่า ชายสูงอายุที่มาติดพันนางสาวกลิ่นเกสร คนล่าสุด น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องการเสียชีวิต เพราะลูกสาวเคยเล่าให้ฟังว่าทะเลาะกัน เพราะเรื่องหึงหวง และก่อนผู้ตายจะเสียชีวิต ได้บอกญาติๆ ว่า จะไปนอนพักที่บริษัทผลิตปุ๋ย ก่อนจะหายตัวไปนาน 3 ปี และจากพยานบุคคล ได้ให้การว่าก่อนเสียชีวิตได้คบหากับผู้ชายสูงอายุดังกล่าว ซึ่งเป็นเจ้าของกิจการผลิตปุ๋ยในอำเภอพระพุทธบาท
ส่วนสาเหตุการเสียชีวิต เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องรอการตรวจสอบสภาพโครงกระดูกผู้ตาย รวมถึงหลักฐานภายในรถของผู้ตายอย่างละเอียดอีกครั้ง ซึ่งยอมรับว่าหนักใจ เนื่องจากหลักฐานที่พบในรถถูกแช่น้ำนานถึง 3 ปี และภายในรถเต็มไปด้วยดินโคลน ประกอบกับร่องรอยของฆาตกรอาจเลือนหายไป
อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ กองพิสูจน์หลักฐาน ได้เก็บหลักฐานอย่างละเอียดเพื่อเชื่อมโยงให้ถึงฆาตกรรายนี้ให้ได้ เนื่องจากเป็นคดีสะเทือนขวัญ ซึ่งคาดว่าหลักฐาน ทางวิทยาศาสตร์ที่พบในจุดเกิดเหตุบางส่วน ยังสามารถนำไปเชื่อมโยงเอาผิดกับฆาตกรได้
