โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

ออมหุ้น BTS-BEM 5 ปีพอร์ตจะเป็นอย่างไร?

Wealthy Thai

อัพเดต 10 ส.ค. 2566 เวลา 03.37 น. • เผยแพร่ 18 มิ.ย. 2564 เวลา 14.09 น. • ศุภมาศ ศรีขำ

กระแสข่าวการเปิดประเทศกลับมาอยู่ในความสนใจของนักลงทุนอีกครั้ง หลังพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประกาศเป้าหมายจะเปิดประเทศไทยให้ได้ภายใน 120 วัน โดยหุ้นที่คาดว่าจะได้รับผลบวกจากประเด็นนี้มีหลายกลุ่ม ทั้งท่องเที่ยว สายการบิน ค้าปลีก และโรงพยาบาล ฯลฯ แต่วันนี้เราจะพูดถึงหุ้นในกลุ่มขนส่งทางบกอย่าง BTS และ BEM ที่หากไทยเปิดประเทศและกิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับมาดำเนินการได้เต็มรูปแบบ น่าจะสนับสนุนผลประกอบการของทั้งสองหุ้นให้ฟื้นตัวได้ Wealthy Thai จึงทดลองนำหุ้น BTS และ BEM มา DCA โดยใช้เงิน 5,000 บาท ซื้อหุ้นทุกเดือนติดต่อกันเป็นเวลา 5 ปี เพื่อดูว่าปัจจุบันพอร์ตการลงทุนจะเป็นอย่างไร

จากข้อมูลของ SETSMARTพบว่า หาก DCA หุ้น BTSปัจจุบันจะมีหุ้นทั้งหมด 33,982.00 หุ้น โดยมีต้นทุนเฉลี่ยหุ้นละ 9.55 บาท มูลค่าพอร์ตปัจจุบันจะอยู่ที่ 333,023.60 บาท ได้กำไร 8,328.90 บาท หรือเพิ่มขึ้น 2.57%และได้รับเงินปันผล 36,663.82 บาท ส่วน BEM หาก DCA ปัจจุบันจะมีหุ้นทั้งหมด 39,696.00 หุ้น โดยมีต้นทุนเฉลี่ยหุ้นละ 8.18บาท มูลค่าพอร์ตปัจจุบันจะอยู่ที่ 349,324.80บาท ได้กำไร 24,597.90 บาท หรือเพิ่มขึ้น 7.57%และได้รับเงินปันผล 15,510.35 บาท

BTS หวังการฟื้นตัวระยะยาว

สำหรับแนวโน้มไตรมาส 1/64 (เม.ย.- มิ.ย. 2564) ของ BTS นักวิเคราะห์จากบล.บัวหลวง ระบุว่า กำไรหลักน่าจะเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากรายได้ธุรกิจให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงที่เพิ่มขึ้น และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า จากค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ลดลงตามฤดูกาล
ฝ่ายวิจัยได้ปรับลดคาดการณ์กำไรหลักปี 2564 ลง 12% มาอยู่ที่ 2,165 ล้านบาท เติบโต 17% จากปี 2563 โดยการระบาดของ Covid-19 และการเริ่มดำเนินการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสายสีเหลืองอาจส่งผลให้แนวโน้มกำไรในปี 2564-2565 ไม่สดใสนัก แต่หลังจากนั้นกำไรของ BTS มีแนวโน้มจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างน่าประทับใจ (รายได้จากการดำเนินงานมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นเร็วกว่าต้นทุนที่คงที่) ทั้งนี้การเร่งการกระจายวัคซีนในประเทศไทยจะส่งผลบวกเชิงจิตวิทยาแก่ราคาหุ้น รวมถึงโอกาสในการการขยายสัมปทานสายสีเขียว ซึ่งจะสิ้นสุดในปี 2572 จะเป็นอัพไซด์ต่อประมาณการกำไรในระยะยาวและต่อราคาเป้าหมาย ยังคงคำแนะน่า “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 13.60 บาท

BEM โบรกมองราคาหุ้นถูกเกินไป

ด้าน BEM นักวิเคราะห์จากบล.บัวหลวง ระบุว่า ถึงแม้ว่าแนวโน้มจำนวนผู้โดยสารไตรมาส 2/64 จะยังคงอ่อนตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า แต่กำไรหลักมีโอกาสฟื้นตัว จากปัจจัยหนุนด้านเงินปันผลของบริษัทย่อย โดยคาดว่าจำนวนผู้ใช้ทางด่วนและ MRT จะฟื้นตัวในเดือน มิ.ย. และจะเร่งตัวในเดือน ก.ค. ช่วยหนุนความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อ BEM นอกจากนี้จำนวนผู้โดยสาร MRT ยังมีแนวโน้มจะทำสถิติสูงสุดใหม่ในบางช่วงของครึ่งหลังปี 2564 เพราะบริษัทจะรับรู้ผลการดำเนินงานจากการเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินเต็มสายได้ ซึ่งเปิดให้บริการตั้งแต่สิ้นเดือน มี.ค. 2563 แล้ว แต่จำนวนผู้โดยสารได้รับผลกระทบจากการระบาดของ Covid-19 ดังนั้นจำนวนผู้โดยสารจึงอาจฟื้นตัวขึ้นมาทำสถิติสูงสุดได้เมื่อการระบาดคลี่คลายลง โดยคาดว่าตลาดจะเริ่มรับรู้แนวโน้มครึ่งปีหลังที่ดีของ BEM ในอีกไม่ช้า
นอกจากแนวโน้มผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังปี 2564 ฝ่ายวิจัยคาดว่าตลาดได้สะท้อนปัจจัยลบเกี่ยวกับความล่าช้าในการประมูลสายรถไฟฟ้าใหม่ลงไปในราคาหุ้นแล้ว หากรัฐบาลมีการประกาศกรอบระยะเวลาและเกณฑ์การประมูลที่ชัดเจนสำหรับสายสีส้มและสายสีม่วงใต้ ตลาดน่าจะเริ่มกลับมาเก็งกำไรในหุ้น BEM หนุนให้ราคาปรับตัวขึ้นแรง และหาก BEM ชนะการประมูลใดก็ตาม จะเป็นอัพไซด์ต่อประมาณการกำไรในระยะยาวและราคาเป้าหมาย
อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นถูกเกินไปเมื่อเทียบกับแนวโน้มการฟื้นตัวที่ดีของบริษัท การระบาดของ Covid-19 ในประเทศไทยบดบังภาพแนวโน้มกำไรที่แข็งแกร่งของ BEM ในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 เปิดโอกาสในการเข้าช้อนซื้อหุ้นที่ราคาอยู่ข้างล่าง หากมองไปยังปี 2565-2566 ฝ่ายวิจัยคาดว่าทั้งจำนวนผู้โดยสารที่เติบโตและค่าโดยสารที่ปรับตัวขึ้น จากทางด่วนและ MRT จะส่งผลให้กำไรหลักของบริษัทระหว่างปี 2564-2566 มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยทบต้นเป็นเลขสองหลัก คำแนะนำ “ซื้อ”ราคาเป้าหมาย 10.00 บาท

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0